ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 763 ผ่านพ้นไป
ตอนที่ 763 ผ่านพ้นไป
แต่ผลึกนั้นเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตรายและมันได้ระเบิดพลังลมปราณอันแข็งแกร่งออกมา!
จนในที่สุด มันก็ได้หยุดอยู่ห่างจากหน้าม่านน้ำราวๆ สิบก้าว!
หากแต่ในครั้งนี้ มันกลับไม่ได้พยายามที่จะฉกฉวยพลังของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่ได้ลองพยายามอีกครั้ง และได้พบว่าไม่มีทางไหนเลย ที่จะสามารถทำให้มันเคลื่อนมาข้างหน้าได้ เช่นนั้นนางจึงเลือกที่จะยอมแพ้
นางจ้องมองไปที่ผลึกนั้นอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ
“ข้าเกลียดยิ่งนักพวกที่มาแย่งชิงของๆ ข้าไป”
เสมือนวิตกกังวล แต่ทันใดนั้นผลึกก็ถอยหลังไปอีกก้าว!
องค์ไท่จู่ “?”
นะ…นี่ นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
มันต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้อีกแล้ว!
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในผลึกนั้นคือเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่ ไม่นึกเลยว่ามันจะหวาดกลัวจริงๆ! ?
แม้ว่าองค์ไท่จู่จะได้เห็นการจัดการรับมืออย่างเด็ดขาดของฉู่หลิวเยว่ต่อทัณฑ์สวรรค์มาแล้ว แต่เมื่อมาเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ กลับรู้สึกว่าผลที่ตามมานั้นใหญ่โตเกินคาดเสียอีก
พูดจากใจจริง แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะดึงฉู่หลิวเยว่ลงมา แต่จนถึงตอนนี้ แท้จริงแล้วกลับเป็นฉู่หลิวเยว่เสียเองที่เป็นผู้ขโมยพลังของมันไป แต่กระนั้น ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่ตัดทิ้งและกลืนกินไปครึ่งทางก่อนหน้านี้ล้วนถูกเก็บรวบรวมโดยเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
แท้จริงแล้วฉู่หลิวเยว่เป็นคนที่มีเหตุผลมาก แต่ดูเหมือนว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์กำลังเอาเปรียบนางจริงๆ!
องค์ไท่จู่รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง
เขาอาศัยอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพภายใต้คำบัญชาแห่งสวรรค์มาเป็นพันปี แต่กลับไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นกลายเป็นอันใดที่…ไร้ค่า?
หรือว่าโลกแห่งนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ?
องค์ไท่จู่ มองไปที่ผลึกชิ้นนั้นด้วยแววตาที่ซับซ้อนและยากที่จะยอมรับได้
เขาสามารถได้ยินเสียงบางสิ่งที่พังทลายลงมาในหัวใจของเขาได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่อยู่กับฉู่หลิวเยว่ เรื่องแบบนี้มันมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ
หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
สิ่งสำคัญคือดูเหมือนนางจะคุ้นเคยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติและไม่ได้รู้สึกว่าตนนั้นโหดร้ายเพียงใด!
เมื่อกวาดสายตามองดูทั่วทั้งผืนแผ่นดิน คงจะมีไม่กี่คนที่กล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์…
องค์ไท่จู่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าและจมอยู่กับความคิด
แน่นอนว่าสิ่งที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เกรงกลัวน่าจะไม่ใช่จอมยุทธ์ระดับห้า
แต่น่าจะเป็น…ม่านน้ำชั้นนั้น!
พื้นที่ของม่านน้ำนี้ไม่ใหญ่นัก และสูงราวๆ คนหนึ่งคน โชดดีที่มันปรากฏขึ้นตรงหน้าฉู่หลิวเยว่พอดี โดยแยกนางห่างออกจากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะกลัวม่านน้ำนี้มาก ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นก็ไม่ยอมที่จะเข้าใกล้
แม้จะต้องสูญเสียพลังเหล่านั้นที่ถูกฉู่หลิวเยว่กลืนกินไปก็ตาม!
หลังจากความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง ผลึกก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ มันกลับมีความสงบเสงี่ยมมากยิ่งขึ้น
พื้นที่โดยรอบนั้นเริ่มหนืดขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามอง
ทันใดนั้น ดูเหมือนองค์ไท่จู่จะคิดอันใดบางอย่างได้ และอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“องค์ไท่จู่ มีอันใดหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
ดวงตาขององค์ไท่จู่ค่อยๆ โตขึ้น ด้วยท่าทางสยองขวัญในสายตาของฉู่หลิวเยว่
“มัน…มันควบคุมพื้นที่นี้อยู่! เจ้าได้สังเกตหรือไม่ว่าดูเหมือนที่นี่จะแตกต่างออกไปจากเดิม?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“เหมือนว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของพลังปราณจะช้าลงแล้ว”
องค์ไท่จู่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง มันยากที่จะกล่าวออกไป
“นี่มันเป็นเพราะ…การไหลของเวลาที่นี่ได้ช้าลง!”
ภายในใจของฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงยิ่งนัก!
นางรู้ว่ามันหมายถึงอันใด
ตามตำนาน เมื่อมหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่ทะลวงผ่านจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้ว จะสามารถสร้างอาณาเขตเซียนเทพของตนเองได้
และในอาณาเขตเซียนเทพนั้น เขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ตามต้องการ
รวมถึงการไหลของเวลาด้วย
ยิ่งศักยภาพของสิ่งนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไร การควบคุมก็น่าอัศจรรย์ใจมากขึ้นเท่านั้น
การชะลอการไหลของมิติเวลานั้นมีประโยชน์หลากหลาย
อย่างเช่น สามารถทำให้ผู้ฝึกตนสามารถเข้าไปเพื่อฝึกฝนตามอัธยาศัย และยังสามารถเลี้ยงดูวัตถุดิบยาสมุนไพรได้ตามเวลาที่ต้องการด้วย
หากหนึ่งวันในโลกภายนอกเทียบเท่ากับสิบวันในอาณาเขตเซียนเทพ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกตนได้ถึงสิบเท่า และยาสมุนไพรที่ใช้เวลาเติบโตร้อยปีก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในเวลาสิบปี
สรุปแล้วประโยชน์ของมันนั้นล้วนมีมากมาย
แต่นั่นมีเพียงผู้แข็งแกร่งสูงสุดในตำนาน ที่ทำได้มิใช่หรือ?
แข็งแกร่งพอๆ กับองค์ไท่จู่ ในปีนั้นเหลือเพียงคำบัญชาสวรรค์แห่งอาณาเขตเซียนเทพที่ไม่สมบูรณ์แห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ และไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้
แต่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี้…
“ว่ากันว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถทำเช่นนี้ได้”
องค์ไท่จู่ขมวดคิ้วและพยักหน้า
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตระหนักได้ว่า เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดไว้!
“มันคงอยากให้เจ้าติดกับดักอยู่ที่นี่”
กาลเวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ และสิ่งที่น่ากลัวก็คือ ความอดทนที่ยากเกินจะควบคุม
หากว่าฉู่หลิวเยว่ทนไม่ไหว มันก็จะฉวยโอกาสเล่นงานนาง
และเมื่อถึงเวลานั้น…
“ความรู้สึกเช่นนี้ ช่างดีเสียจริง!”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย และพูดอย่างมีความสุข
“อันใดกัน?”
ใบหน้าองค์ไท่จู่ดูงุนงง
“จะ…เจ้าไม่กังวลว่ามันทำให้เจ้าต้องติดกับอยู่ที่นี่หรือ?”
ที่นี่มืดสนิทไม่มีกลางวัน นางอยู่ลำพังตัวคนเดียว แม้ว่าภายในใจนางจะไม่หวาดกลัว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปนางจะไม่เหงาเลยหรือ?
รู้หรือไม่ว่า การอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นเวลานานอาจทำให้บ้าคลั่งได้!
แม้ว่าจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ ก็เกรงว่ามันอาจจะผ่านไปได้ยากอยู่ดี
ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะสามารถออกไปได้เมื่อไร?
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“มีอันใดน่ากังวลกัน? ข้ากลับคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการฝึกฝน! แล้วท่านรู้หรือไม่ว่า เวลาในสถานที่แห่งนี้ช้ากว่าโลกภายนอกเพียงใด?”
องค์ไท่จู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“คาดว่า…หนึ่งวันข้างนอกนั้นจะเท่ากับหนึ่งเดือนในนี้ แต่ที่นี่ไม่อาจเห็นสุริยันจันทรา ก็คงยากที่จะรู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเพียงใดแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและหยิบนาฬิกาทรายออกมาจากแหวนเฉียนคุน
“นั่นไม่ใช่ปัญหา นาฬิกาทรายนี้จะนับทีละหนึ่งวัน และมันจะหมุนกลับโดยอัตโนมัติเมื่อทรายตกลงไปเต็มก้นขวด จากนี้ไปข้าเกรงว่าต้องรบกวนท่านช่วยข้าสังเกตมันหน่อยแล้วล่ะ”
เมื่อนางเข้าสู่สถานะของการฝึกปราณ จะยิ่งไม่มีเวลาสังเกตเรื่องนาฬิกา
แต่การมีองค์ไท่จู่คอยช่วยเหลือนั้น ช่วยให้ทุกอย่างสะดวกกว่ากันมาก
องค์ไท่จู่ส่งเสียง “จิ๊จ๊ะ”
“เจ้าพกทุกสิ่งที่เจ้าต้องการติดตัวไว้กับเจ้า แม้แต่สิ่งนี้ก็ยังมี”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอออกมา
อันที่จริงนางไม่ได้เตรียมสิ่งนี้ด้วยตัวเองหรอก แต่ทว่าเมื่อครั้งที่หรงซิวได้มอบแหวนเฉียนคุนให้นาง เขาต่างหากที่จัดเตรียมสิ่งของเหล่านี้ใส่ไว้ให้นาง
เมื่อนางรู้สึกเบื่อหน่ายไม่มีอันใดทำ นางก็มักจะสำรวจดู
ภายในนี้นอกจากเงินและสมบัติต่างๆ แล้ว ยังมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จิปาถะอีกมากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือ เจ้านาฬิกาทรายนี้
คิดไม่ถึงว่ามันกลับมีประโยชน์ในเวลานี้
“ในเมื่อเจ้าได้วางแผนไว้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดอันใดอีก ดังที่เจ้ากล่าวมา นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ตราบใดที่เจ้ายังสามารถหาทางออกจากที่นี่ได้ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ท่านวางใจได้ ข้ารู้ดีว่ามันจะเป็นเช่นไร”
หากเปรียบเทียบกับคนทั่วไป หรือแม้แต่เทียบกับอัจฉริยะด้านการฝึกปราณส่วนใหญ่ ความเร็วในการฝึกฝนของนางนั้น เร็วกว่าของพวกเขามาก
แต่ทว่า มันยังคงไม่พอ!
คู่ต่อสู้ที่นางต้องเผชิญคือราชวงศ์เทียนลิ่งที่ทรงพลังอำนาจที่สุดในขณะนี้ ราชวงศ์ที่แทบพลิกท้องนภาได้ด้วยมือข้างเดียว!
ถึงแม้ว่านางจะมีไพ่ตายอยู่ในมือไม่น้อย แต่นางก็ยังไม่แกร่งพอที่จะสู้กับพวกเขา
ตอนนี้นางสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของนางได้ ภายในใจนางนั้นกลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
สำหรับองค์ไท่จู่ เขากังวลว่านางนั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่…
หลังจากผ่านความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมามาก จวบจนตอนนี้ มันคุ้มค่าแล้วหรือ?
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง วางมือลงบนเข่าแล้วหงายฝ่ามือขึ้น
ม่านน้ำสั่นเบาๆ
แขวก!
แล้วจู่ๆ ก็มีชิ้นส่วนแตกลงมาจากบนผลึกนั้น!