ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 806 ปรนนิบัติเอาใจ
ตอนที่ 806 ปรนนิบัติเอาใจ
โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนนั้น เดิมที่เป็นโอสถระดับเก้าที่องค์ไท่จู่ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นสิ่งมีค่ามาก
ตำนานเล่าว่าโอสถนี้มีส่วนช่วยในการปรับปรุงระดับของชีพจรดั้งเดิม และถูกราชวงศ์เทียนลิ่งเก็บซ่อนมันไว้อย่างระมัดระวัง
ราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น ไม่มีเซียนหมอที่สามารถปรุงโอสถระดับเก้าได้ มานานหลายร้อยปีแล้ว และโอสถระดับเก้าเช่นนี้ก็คือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งนัก
ย้อนกลับไปปีที่องค์หญิงใหญ่เขาสู่วัยปักปิ่น จักรพรรดิได้ทรงมอบโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนแก่องค์หญิงใหญ่ เพื่อเป็นของขวัญแก่นาง
และมันเป็นสัญญาณที่คนทั้งโลกรู้ว่า องค์จักรพรรดิตั้งใจจะมอบบัลลังก์ให้องค์หญิงใหญ่สืบทอดต่อ
ซึ่งตั้งแต่นั้นมา หน้าที่ในการรับผิดชอบโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืน ก็กลายเป็นขององค์หญิงใหญ่
ทว่าหากมองอีกด้าน ภายในตัวนางเองก็มีชีพจรเทียนจิงอยู่ นางไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้ด้วยซ้ำ แต่ในทางกลับกัน โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ที่ทางราชวงศ์เทียนลิ่งจะมอบให้ใครง่ายๆ และทำได้เพียงส่งมันให้ผู้สืบทอดรุ่นหลังเท่านั้น
แต่ตอนนี้ซย่าโหวถิงอันกลับบอกว่าโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนอยู่ที่จวนตระกูลเขา!?
สุ่ยหลิวเอ๋อร์หลุบตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดคลื่นอารมณ์ในดวงตาไว้
แม้ว่านางจะอำพรางตัวตนเก่งเพียงใด แต่ในเวลานี้กลับแทบไม่สามารถควบคุมมันได้เลย
และถึงซย่าโหวถิงอันจะเมามายไร้สติ แต่นางก็ไม่กล้าปล่อยตัวแสดงกิริยาออกไปเต็มที่
นางหายใจเข้าลึกๆ และหยุดสักพัก ก่อนจะระงับคลื่นอารมณ์ในใจไว้ได้
ทว่าขณะเดียวกัน การคาดเดานับไม่ถ้วนก็โผล่เข้ามาในสมองของนาง
หลังจากองค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์ หน้าที่ในการดูแลรักษาก็ตกไปอยู่ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิง
ทุกคนจึงคิดว่าโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนยังอยู่กับซั่งกวนหว่าน
และเนื่องจากการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันขององค์หญิงใหญ่นั้น ส่งผลกระทบต่อจิตใจของทุกคนมากเกินบรรยาย ความสนใจของพวกเขาถึงการสิ้นพระชนม์ และมีเพียงไม่กี่คนที่ยังตามเรื่องโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืน
คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะอยู่ที่จวนใต้เท้าซย่า!?
พอฟังที่ซย่าโหวถิงอันพูดมาแล้ว แสดงว่าเดิมทีเจียงอวี่เฉิงเป็นคนมอบโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนให้พวกเขา แต่พอตอนนี้กลับอยากได้มันคืน แต่เมื่อสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดปัญหารุงรังเช่นนี้
สรุปแล้วเจียงอวี่เฉิงต้องเป็นคนเอามันไปแน่นอน!
แต่เหตุผลที่เขามอบมันให้คนตระกูลซย่านั้น… มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้
แต่สิ่งนี้ช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานที่สุ่ยหลิวเอ๋อร์สงสัยมาตลอดได้ว่า…คนตระกูลซย่าต้องมีส่วนในการตายขององค์หญิงใหญ่แน่นอน!
แต่ยามนี้ไม่รู้ว่าเจียงอวี่เฉิงกำลังวางแผนอันใดอยู่ ถึงได้ต้องการขอโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนกลับไป…
ตึง!
จู่ๆ ซย่าโหวถิงอันก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ พร้อมกับสุราที่หกเลอะไปทั่วโต๊ะตัวสวย
ริมฝีปากของชายหนุ่มยังคงพึมพำเสียงต่ำ
“คุณชายรองเจ้าคะ? คุณชายรอง?”
สุ่ยหลิวเอ๋อร์ส่งเสียงเรียกอยู่สองที แต่ซย่าโหวถิงอันก็ไม่ได้ตอบอันใดกลับมา
รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของนางจางหายไปทันตา ก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ
แต่ก็ยังได้ยินเสียงทุ้มสลึมสลือออกมาเป็นระยะ
“…ข้า…มันเป็นของข้า… เก้า… เก้า…”
สุ่ยหลิวเอ๋อร์นึกคิดกับตัวเอง
พลางมองไปยังซย่าโหวถิงอันที่กำลังฟึดฟัดราวหงุดหงิด นั่นอาจเป็นเพราะเขาคิดอยู่เสมอว่า โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนเป็นของตนมาโดยตลอด
ทำให้เจียงอวี่เฉิงที่วางแผนเอามันคืนในตอนนี้ ถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
สุ่ยหลิวเอ๋อร์ปรับเสียงให้นุ่มนวลขึ้น ราวกับกำลังหลอกล่ออีกคนให้ตายใจ
“… โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนอยู่ที่ใดหรือ?”
ดวงตาของซย่าโหวถิงอันปิดสนิท ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นหึ่งของสุรา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วเข้มก็พลันขมวดนิดๆ แล้วชี้นิ้วขึ้นมา
“ที่… ที่…”
…
เสียง “แอด” ของประตูดังขึ้น ด้วยแรงเปิดจากคนด้านใน
แม่เล้าจางรออยู่ข้างนอกและมองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายใจ แต่สุดท้ายนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นสุ่ยหลิวเอ๋อร์ก้าวออกมาพร้อมผีผาในอ้อมแขนได้อย่างปลอดภัย
นางเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และสำรวจรอบตัวของสุ่ยหลิวเอ๋อร์ แล้วมองข้ามไหล่ของหญิงสาวเข้าไปด้านใน
“เป็นอย่างใด? ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
สุ่ยหลิวเอ๋อร์หัวเราะและพูดว่า
“คุณชายรองเมาหลับไปแล้ว อย่าให้ใครมารบกวนคุณชายรองเลยเจ้าค่ะ”
แม่เล้าจางมองเห็นชายเสื้อผ้าของซย่าโหยวถิงอันอย่างคลุมเครือ พอไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านใน ก็พลันรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“หรือจะให้คนพาเขากลับไปยังจวนใต้เท้าซย่าดี…”
“หากส่งเขากลับไปในสภาพเช่นนี้ ย่อมสะดุดตาจนเป็นขี้ปากคนแน่ๆ และบางทีมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับพวกเราด้วย ถ้าเขาอยากนอนที่นี่ ก็ให้เขานอนเถิด”
เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก สำหรับคุณชายมากผู้ดีในเมืองซีหลิง
ตราบใดที่ไม่เกินขอบเขต ต้นตระกูลของพวกเขาย่อมไม่มาตามเช็ดล้างให้เสียเวลา
“ชะ…เช่นนั้นให้บ่าวเข้ามาเช็ดตัว ทำความสะอาดให้เขาดีหรือไม่…”
แม่เล้าจางสะบัดพัดเบาๆ กลิ่นสุราในห้องนั้นรุนแรงเสียจนนางทนไม่ได้
นี่ขนาดยืนอยู่ที่ประตูนะ ถ้าเข้าไปแล้วไม่รู้จะเป็นอย่างใด!
ลำบากสุ่ยหลิวเอ๋อร์โดยแท้!
“ก็ดี เช่นนั้นเรียกคนมาเถอะ”
สุ่ยหลิวเอ๋อร์มองกลับไป พลันทัดผมไว้หลังหูแล้วยิ้ม
“อย่างใดเสียก็เป็นถึงคุณชายรองตระกูลซย่า จะปล่อยทิ้งไว้ในสภาพหน้าอายเช่นนี้ก็กระไรอยู่ พวกเราแค่ดูแลเขาในวันนี้ ประเดี๋ยววันพรุ่งก็มีคนมารับเขากลับ”
แม่เล้าจางได้ฟังเช่นนั้นก็คิดว่าสมเหตุสมผล และพยักหน้าเห็นด้วย
สุ่ยหลิวเอ๋อร์หาวเบาๆ แล้วใช้มือปิดปาก ดวงตางดงามรื่นน้ำและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เป็นธรรมชาติน่ามอง
“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน กลิ่นสุราบนกายนี้ช่างรุนแรงนัก…”
ริมฝีปากแดงเรื่อของสุ่ยหลิวเอ๋อร์เบะลงเล็กน้อย
“ส่วนที่เหลือ ก็ขอรบกวนแม้เล้าจางด้วยเจ้าค่ะ”
หลังจากพูดจบ นางก็เดินกอดผีผากลับขึ้นไปบนห้องของตนทันที
แม่เล้าจางเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
สุ่ยหลิวเอ๋อร์นั้นไม่เคยชอบคนอย่างซย่าโหวถิงอัน แต่วันนี้นางกลับอดทนมาก
แม้ว่าห้องจะเละเทะแบบนี้ แต่นางก็ทนได้
แต่นางเองก็ไม่อยากคิดมาก เพราะสุ่ยหลิวเอ๋อร์นั้นเป็นคนที่เข้าใจยากอยู่แล้ว
นางทนกลิ่นไม่ไหวและปิดประตูลง ก่อนจะเรียกคนมาทำความสะอาด
…
เช้าวันถัดมา เสียงดังเอิกเกริกปลุกให้ซย่าโหวถิงอันตื่นขึ้นจากความมึนเมา
ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงของเจียงอวี่จือ
เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบาก และรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด!
แต่ทันใดนั้น ประตูใหญ่ก็ถูกเตะให้เปิดออก
“ซย่าโหวถิงอัน โผล่หัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
ร่างที่เต็มไปความโมโหโกรธาเดินย่ำเท้าเข้ามาในห้อง ซึ่งนางผู้นั้นก็คือ เจียงอวี่จือ!