ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 810 แม้แต่เขา นางก็ลืมไปแล้ว
ตอนที่ 810 แม้แต่เขา นางก็ลืมไปแล้ว
หรือผู้อาวุโสจะไม่พอใจ?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกๆ จนเกือบจะโพล่งปากออกไป แต่กลับพบว่าแต่ละคนนั้นดูอ่อนไหวกับประโยคเมื่อครู่เหลือเกิน
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้
ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
ตอนนั้นเองที่กลุ่มของตู๋กูโม่เป่าถึงตระหนักได้ว่า สายตาของเด็กสาวตรงหน้า ไม่ได้มองพวกเขาแบบเดียวกับในอดีตอีกแล้ว
นั่นมันเป็นสายตา… ที่ไว้ใช้มองคนแปลกหน้าต่างหาก!
ผู้อาวุโสลำดับห้าพร่ำออกมาอย่างลืมตัว
“นังหนู นี่เจ้า…”
เหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็อธิบายไม่ถูกว่าคืออันใด
ผ่านไปสักพัก ตู๋กูโม่เป่าก็เปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง
เขาจ้องมองฉู่หลิวเยว่ตาไม่กะพริบ แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ข้า คือ ใคร?”
สิ้นสุรเสียง ทั่วทั้งบริเวณนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครา
สีหน้าของหลานเซียวและผู้อาวุโสลำดับห้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันตา
พวกเขาทั้งหมดพบว่า ดูเหมือนสิ่งต่างๆ จะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้
ฉู่หลิวเยว่อึดอัดราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจของตนอยู่ และบีบรัดแน่นขึ้นทีละน้อย
นางพยายามพูด แต่กลับรู้สึกคอแห้งผากจนพูดไม่ออก
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ส่ายหัว
“ขออภัยอย่างสูง ข้าน้อยมิเคยพบพวกท่านมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ทราบถึงสถานภาพของพวกท่าน โปรดยกโทษที่ข้าน้อยทำให้พวกท่านขุ่นเคืองด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบนั้นแทบจะหยุดนิ่ง!
และจู่ๆ ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ถึงลมปราณอันดุร้าย ที่ปะทุออกมาจากฝ่ายตรงข้าม!
ใบหน้าของเด็กชายตัวเล็กๆ ดูเย็นชาราวถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งอย่างฉับพลัน
และพื้นใต้เท้าของเขาก็แตกออกทันที!
เปรี๊ยะ!
รอยร้าวลึกแผ่ออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา!
ถึงฉู่หลิวเยว่จะคิดไว้แล้วว่าคนเหล่านี้มีพลังมหาศาล แต่นางก็ยังตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ดี
หากแต่เป็นเพราะความโกรธ จึงเกิดแรงบีบอัดเช่นนั้น แต่ถ้าเขาตั้งใจลงมือจริงๆ ล่ะก็…
แทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันจะทรงพลังแค่ไหน!
“พี่เป่า!”
หลานเซียวตอบสนองอย่างรวดเร็วและตะโกนเรียกสติเขาทันที!
ตู๋กูโม่เป่ากะพริบปริบๆ เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วยับยั้งลมปราณที่เปล่งออกมาจากร่างกายของตนไว้
ทว่าสีหน้าแข็งกร้าวบนใบหน้าเล็กๆ นั่น ยังคงดูเย็นชาจนแทบจะแช่แข็งคนมองให้ตายไปเลยก็มิปาน
คราวนี้หลานเซียวไม่ได้ค่อนแคะเขาแต่อย่างใด
ว่าตามนิสัยของพี่เป่าแล้ว แค่ได้ยินเสียงเขาเรียก แล้วหยุดตัวเองไม่ให้ระเบิดสถานที่แห่งนี้ได้ ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
แต่ที่เขารั้งตัวเองไว้ได้ นั่นเพราะเห็นว่านังหนูกำลังอยู่กับพิธีกรรมบางอย่าง
ทว่าอย่างใดเสีย พี่เป่าก็ไม่มีอันใดจะพูดกับนังหนูคนนั้นแล้ว
หลานเซียวถอนหายใจ พลันหันมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน
“นังหนู เจ้าจำพวกข้าไม่ได้จริงๆ หรือ?”
เมื่อเห็นท่าทีของคนเหล่านี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกผิดในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เดิมทีพวกเขามาที่นี่ด้วยความปิติยินดี แต่เพราะสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ ทำให้พวกเขา…
ครั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของพวกเขาหม่นแสงลง อย่างคนผิดหวัง นางเองก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน
ชั่วขณะหนึ่ง นางอยากให้ตัวเองจดจำพวกเขาได้เสียด้วยซ้ำ
ทว่าพอความคิดเช่นนี้แวบเข้ามาในหัว มันกลับทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจ
นางไม่ใช่คนดีอันใด และนางไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับคนแปลกหน้า
หรือมัน… อาจจะเป็นเพราะนางรู้จักพวกเขามาก่อนจริงๆ?
การคาดเดานี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่เริ่มกระวนกระวายใจ
ก่อนหน้านี้นางเผลอเดาเล่นๆ ว่าตัวเองอาจลืมอันใดไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้นางมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
นางระงับความรู้สึกว้าวุ่นในใจไว้ และพยายามปรับเสียงให้ดูสงบลง
“ข้าจำไม่ได้”
แม้พวกเขาจะเดาไว้ได้แล้วว่านางจักตอบเช่นนี้ แต่หลานเซียวและคนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกใจสลาย เมื่อได้คำยืนยันของฉู่หลิวเยว่อยู่ดี
เหตุใดถึงจำกันไม่ได้?
ในอดีตพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันแล้วมากมาย ทว่าครั้นได้เปลี่ยนร่างเป็นอีกคนในปัจจุบัน จู่ๆ นางกลับบอกว่าลืมไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ!?
“นังหนู นี่เจ้ากำลังล้อเราเล่น ใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถามอย่างระมัดระวัง โดยยึดเอาคำถามนี้เป็นความหวังสุดท้าย
ฉู่หลิวเยว่ดูเสียใจมาก
“ต้องขออภัยจริงๆ เจ้าค่ะ”
สีหน้าของผู้อาวุโสลำดับห้ามืดมนลงทันตา พลางยิ้มเหยเก
ความเป็นจริงแล้วเขามองออกว่า นังหนูไม่ได้ล้อเล่น
แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นของนาง ก็ชัดเจนแล้วว่านางลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปพักใหญ่
ขนงเรียวของฉู่หลิวเยว่ขดพันอย่างฉงน
ย้อนกลับไปตอนกลับมาเกิดใหม่ นางได้สืบทอดความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมา
ไม่ว่าจะเป็นในนิมิตของฉู่หลิวเยว่ หรือซั่งกวนเยว่ ล้วนแล้วแต่ไม่มีภาพของคนเหล่านี้อยู่เลย
แต่นางก็รู้สึกคุ้นเคย… อย่างอธิบายไม่ถูก
หลานเซียวและผู้อาวุโสลำดับห้ามองหน้ากัน
ต่อให้คำนวณอีกกี่หมื่นกี่พันครั้ง อย่างใดผลที่ได้ก็คือ นังหนูสูญเสียความทรงจำไปแล้วจริงๆ!
แล้วตอนนี้นางจำได้มากน้อยเพียงใดกัน!?
แต่เห็นได้ชัดว่าวิญญาณในร่างของนางยังคงสมบูรณ์ไม่บุบสลาย…
ขณะเดียวกัน ตู๋กูโม่เป่าก็สาวเท้าไปข้างหน้า
“เจ้ามีนามว่าอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่ผงะไปเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าครู่ก่อนนางบอกพวกเขาไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงถามซ้ำอีกเล่า?
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
ยามนี้ ตู๋กูโม่เป่าสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของนางได้อย่างชัดเจน
เขามองไปยังฉู่หลิวเยว่อย่างแน่วแน่ ราวกับกำลังรออันใดบางอย่าง
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้นทีละนิด
อีกฝ่ายกำลังรอให้นางยอมรับว่า นางคือซั่งกวนเยว่!
ทว่าเรื่องนี้ นอกจากตัวนางแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่รู้!
แม้แต่ชีหานในตอนนั้นเอง ก็ยังต้องค้นหาเบาะแสมากมายเสียก่อน ถึงจะกล้าไปหานางเพื่อยืนยันตัวตนในร่างนี้
แต่ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางเป็นใคร!
แล้วพวกเขาจำมันได้อย่างใด?
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนเหล่านี้หลังจากเกิดใหม่
และต่อให้ย้อนอดีตได้ นางอาจจะแค่เคยพูดคุยกับพวกเขาสองสามประโยคเท่านั้นก็ได้
สมองของฉู่หลิวเยว่กำลังตีกันยุ่งเหยิง
“หากปล่อยไว้นานกว่านี้ อีกครึ่งร่างของอินทรีสามตา คงทนไม่ไหวเอาเสียก่อน”
พลันมีเสียงทุ้มต่ำระคนเกียจคร้านดังมาจากด้านข้าง
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา แล้วมองตรงไปข้างหน้า
ไข่มุกโลหิตนั่นได้ควบแน่นแล้ว และอีกครึ่งร่างของอินทรีสามตาก็เกือบจะฟื้นแล้ว และพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป
นางตั้งสมาธิทันทีและโยนวัตถุดิบยาที่เหลือลงไปทีละอย่าง
เนื่องจากใบโพธิ์สีทองม่วงถูกถูกอินทรีสามตากลืนกินไปแล้ว ครั้งนี้มันจึงง่ายขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
กระดูกขาวใสค่อยๆ บินเข้าหาอินทรีสามตา
จากนั้น เงาสีดำก็ล้อมรอบมันอีกที
ฉู่หลิวเยว่ตั้งจิตประสาน พลันไข่มุกโลหิตลูกนั้นก็พุ่งลอยออกไป!
ที่ด้านบนกระดูกนั้น กล้ามเนื้อและกระดูกเริ่มเติบโตด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ปีกอีกด้านหนึ่งค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง!
ฉู่หลิวเยว่ไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนคลาย นางยังคงจับจ้องมองมันอย่างใกล้ชิด
ตราบใดที่พิธีนี้ยังไม่สิ้นสุด ย่อมไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
นางและอินทรีสามตารอวันนี้มานานเหลือเกิน และทนทรมานมากเกินไปแล้ว
หากล้มเหลว ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญเปล่า!
ฉะนั้นแล้ว มีแต่ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น!
…
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่หันกลับไปวุ่นวายทำพิธีการนั่น สีหน้าของตู๋กูโม่เป่าก็เปลี่ยนไป แต่เขาไม่ได้อารมณ์เสียอีกแล้ว
ความจริงไม่จำเป็นต้องรอฉู่หลิวเยว่เฉลย
เขาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
ทันใดนั้น เขามองไปยังหรงซิวที่กำลังพิงกำแพงดินอยู่
ก่อนจะตระหนักได้ว่า อีกฝ่ายใส่หน้ากากบดบังใบหน้าของตัวเองไว้
นี่เขากำลังทำอันใดอยู่?
หากพูดตามความสัมพันธ์ของเขากับนังหนูแล้ว จริงๆ เขาไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้ด้วยซ้ำ
นอกเสียจากว่า…
นังหนูเยว่เออร์ก็ลืมเขาไปแล้วเหมือนกัน!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แววตาของตู๋กูโม่เป่าก็พลันเปลี่ยนไป
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เกิดอันใดขึ้นกันแน่!?
นังหนูนั่นจำตัวตนของตัวเองได้อย่างชัดเจน แต่กลับลืมเรื่องของพวกเขาไปเสียมากโข!
เขาจ้องหรงซิวอย่างไม่ละสายตา
“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”