ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 817 ไม่มีทางหักหลัง
ตอนที่ 817 ไม่มีทางหักหลัง
“ดรุณีน้อย กลับไปกับพวกเราหรือไม่?”
หลานเซียวถามขึ้น
พวกเขาไม่สามารถยืนรออยู่ด้านนอกได้ ถ้าเช่นนั้นก็ให้ดรุณีน้อยไปกับพวกเขาก็เรียบร้อยแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
จะให้นางไปทะเลทรายจันทราสีชาดกับพวกเขาหรือ?
ความจริงแล้วนางก็สงสัยอย่างมาก แต่เชียงหว่านโจวที่อยู่ด้านนอกก็น่าจะกำลังรอนางอยู่…
นางอยู่ด้านล่างมาตั้งนานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างใดบ้าง
ในตอนนั้นเองหรงซิวที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมา
“ตอนที่ข้ามาถึง ข้าก็เห็นว่าที่ทะเลสาบกระจกมีบัวระบำอยู่”
บัวระบำ?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
นี่เป็นสมบัติสวรรค์ที่หาได้ยากอย่างมาก
แม้แต่นางก็ยังอดที่จะไม่ตื่นเต้นไม่ได้
หลานเซียวลอบสาปแช่งขึ้นไม่ได้ว่า
“หน้าไม่อายจริงๆ เจ้ารู้ว่าดรุณีน้อยนั้นชอบสมบัติเช่นนี้ จึงตั้งใจนำมาดึงดูดความสนใจของนาง”
ผู้อาวุโสลำดับห้าส่ายหน้า
“เฮ้อ น่าเสียดายที่สมุนไพรภายในทะเลทรายจันทราสีชาดไม่สามารถเติบโตงอกงามได้ หากนางต้องการสิ่งอื่นๆ ก็แล้วไปเถอะ พวกเราไม่กี่คนจะพยายามนำมันออกมาให้ได้ แต่ว่าสมุนไพรนั้น…”
“นี่เป็นความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำเอาไว้เมื่อปีนั้นไม่ใช่หรือ? เหตุใดทะเลทรายจันทราสีชาดถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ ในใจของพวกเจ้าต่างรู้ดี”
ตู๋กูโม่เป่ามองคนทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นชา
หลานเซียวลูบคางเบาๆ
“อย่าพูดเหมือนว่าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้าได้หรือไม่? ในปีนั้นเจ้าสร้างความวุ่นวายมากที่สุดเลย”
ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าพูดแบบนี้?
ตู๋กูโม่เป่าสำลักน้ำ และพูดอันใดไม่ออกเลย
“ช่างเถิดๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าดรุณีน้อยได้ยินชื่อบัวระบำแล้วตาลุกวาวเพียงใด? ให้นางไปเถอะ”
ผู้อาวุโสลำดับห้าปลงตกกับเรื่องนี้แล้ว
“รอจนนางสามารถนำของสิ่งนั้นออกมาได้แล้ว แล้วค่อยให้นางไปกับพวกเรามันก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าและหลานเซียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกว่าความคิดนี้เข้าท่าไม่เลว ท้ายที่สุดจึงเห็นด้วย
ดังนั้นพวกเขาสองสามคนจึงพูดขึ้นมาโดยไม่ถามอันใดสักคำเลยว่า
“ถ้าเช่นนั้นก็รอเจ้าไปทำธุระที่ทะเลสาบกระจกแล้วค่อยมา! พวกเราทุกคนจะรออยู่ที่นี่!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
เหมือนว่านาง…จะยังไม่ตกลงที่จะไปเลยนะ …
แต่เมื่อเห็นท่าทางของคนเหล่านั้นแล้ว นางก็ไม่สามารถปฏิเสธได้…
ท้ายที่สุดแล้วฉู่หลิวเยว่ก็ต้องพยักหน้ารับ
จากนั้นพวกเขาไม่กี่คนถึงแสดงสีหน้าพอใจ
หลานเซียวมองไปที่หรงซิวก่อนจะพูดอย่างมีความนัยว่า
“ดรุณีน้อย บางคนมองภายนอกแล้วดูเหมือนมนุษย์ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายอย่างมาก! เจ้าต้องระวังตัวเองให้ดีนะ ห้ามถูกคนบางคนลวงหลอกอย่างเด็ดขาด!”
ฉู่หลิวเยว่ลดสายตาลงต่ำอย่างเงียบๆ
นี่เขา…กำลังพูดถึงเถ้าแก่ใหญ่อยู่หรือ?
แม้ว่านางจะรู้จักว่าบุคคลผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่ถ้าพูดต่อหน้าเช่นนี้แล้วละก็…
ต้องบอกว่าผู้นั้นต้องมีฝีมือถึงจะมั่นใจได้ขนาดนี้!
แต่ถ้าเป็นนางในตอนนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้นางขุ่นเคืองได้
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงมีชีวิตรอดระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม…
เมื่อหรงซิวได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย
คนเหล่านี้นั้นรักและทะนุถนอมฉู่หลิวเยว่มาโดยตลอด ในเมื่อตอนนี้ได้รู้ว่าตัวนางนั้นผ่านอันใดมาบ้าง ย่อมต้องการดูแลเพิ่มมากขึ้น
ท่าทางเช่นนี้ อาจจะเป็นความรู้สึกที่ยังเห็นว่านางนั้นมีชีวิตอยู่
หลังจากนั้นก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมอง ตู๋กูโม่เป่าก็เหลือบสายตามาทางนี้
“เจ้า…ตามมา!”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
แน่นอนว่าไม่สามารถคิดว่าคนเหล่านี้มีเมตตาได้…
เขาลืมไปได้อย่างใด คนเหล่านี้ไม่เคยมีน้ำใจให้เขาเลยแม้แต่น้อย
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่เถ้าแก่ใหญ่ จากนั้นก็มองไปทางตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ
“พวกเจ้า…รู้จักกันหรือ?”
ตอนแรกก็ยังดูไม่ออกหรอก แต่ไปๆ มาๆ นี่ไม่เหมือนน้ำเสียงที่ใช้พูดกับคนแปลกหน้าเลย
หลังจากสิ้นเสียงนั้น ทั้งสองฝ่ายก็เงียบเสียงลง
ไม่มีใครปฏิเสธ
ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสับสน
ในเมื่อรู้จักกันอยู่แล้ว แล้วเหตุใดพี่เป่าถึงต้องให้เถ้าแก่ใหญ่ถอดหน้ากากออก แล้วทำตัวสุภาพต่อกันด้วยเล่า?
นางคิดว่าภายใต้หน้ากากจะต้องมีความลับซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว คำพูดเหล่านั้นพูดให้นางฟังจริงๆ หรือ?
ถ้าเช่นนั้นที่เถ้าแก่ใหญ่ไม่ถอดหน้ากากออกก็เป็นเพราะนางอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นในสมองของนางก็สว่างวาบ!
เหมือนว่านางจะนึกอันใดบางอย่างออก นางจ้องไปที่เถ้าแก่ใหญ่ตาเขม็ง!
หรือว่าคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากนี้…จะเป็นคนที่น่ารู้จัก!?
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความรู้สึกคุ้นเคยก็เพิ่มสูงขึ้น!
หรงซิวเบนหน้าออกเล็กน้อย เพื่อหลบสายตาของนาง ก่อนจะสาวเท้าไปหาตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ
ตอนที่กำลังจะเดินผ่านไหล่ของฉู่หลิวเยว่ แต่นางกลับยื่นมือออกมาคว้าอีกฝ่ายเอาไว้!
หรงซิวหลบทางออกมาอย่างใจเย็น
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นแล้วถามอย่างช้าๆ ว่า
“เถ้าแก่ใหญ่จะกลัวอันใดหรือ?”
ถ้าไม่ได้ร้อนตัว จะกลัวคนอื่นจับได้เหตุใด แล้วเหตุใดต้องปิดบังขนาดนี้ด้วย?
แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางกลับไม่ได้ดูประหม่าเลยแม้แต่น้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า
“ขอโทษด้วยนะ ฮูหยินของข้านั้นเข้มงวดอย่างมาก นางไม่ชอบให้ข้าแตะตัวผู้หญิงคนอื่น”
แววตาของฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงทันที
นี่มัน…
เหตุผลนี้เหมือนจะดูไร้สาระเกินไปหน่อย แต่เหตุใดมันถึงดูแล้วไม่มีอันใดผิดปกติ…
ตอนที่นางชะงักไป หรงซิวก็สาวเท้าเดินออกไปแล้ว
ใบหน้าของตู๋กูโม่เป่าเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
แววตาของหลานเซียวเต็มไปด้วยคำดูถูก เขาอดจะพ่นคำว่า ถุ้ย ออกมาไม่ได้
ฮูหยินหรือ?
ก็แม่นางเยว่เอ๋อผู้นี้ไม่ใช่หรือ?
ไม่ได้เจอกันมาแค่ไม่กี่ปี เหมือนว่าทักษะการแสดงของเขาก็พัฒนาขึ้นไม่น้อยเลยนะ
รอสักวันที่ความจริงทั้งหมดเปิดเผย ถ้าแม่นางเยว่เอ๋อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแล้ว ข้าจะคอยดูว่าเจ้ามีจุดจบอย่างใด!
มีเพียงผู้อาวุโสลำดับห้าที่ยกนิ้วโป้งให้
ใช้โอกาสในตอนที่แม่นางน้อยจำไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าตอนนี้หรงซิวจะกล้าโกหกแม่นางเยว่เอ๋ออย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
เขานี่ใจกล้าไม่น้อยเลยทีเดียว!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ทุกท่าน เชิญขอรับ…”
ตู๋กูโม่เป่ามองฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ในระยะที่ห่างออกไป
รอออกไปได้แล้วค่อยไปคิดบัญชีกับเด็กคนนี้!
“ไป!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น เงาของหลายคนก็ทลายขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง
ทันใดนั้นเองสายตาของนางก็แข็งทื่อ! หัวใจของนางเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ!
ริมหน้าผา ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม!
…
ซีหลิง
หลังจากที่ซย่าโหวถิงอันได้ยินว่าเจียงอวี่จือได้หมั้นหมายกับชย่าโหวอวี้ซู่แล้ว เขาก็แบกร่างกายที่บาดเจ็บไปยังจวนซย่าโหว
แต่หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง ความโกรธของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป สมองของเขาก็ค่อยๆ ใจเย็นขึ้นมาได้
ในตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ที่ท้องถนนมีคนเดินผ่านไปมา หากเขากลับไปที่จวนซย่าโหวในสภาพนี้ ไม่มีทางทำอันใดได้แน่นอน
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นอีกครั้ง
เมื่อเขามาครุ่นคิดดูแล้ว สุดท้ายเขาก็คิดว่ากลับที่พักเดิมจะดีกว่า
โชคดีที่เสี่ยวเตี๋ยเชื่อฟังอย่างมาก นางไม่ถามอันใดสักอย่างเลย เพียงแต่พยายามดูแลเขาอย่างดีที่สุด
ไม่กี่วันหลังจากนั้น บาดแผลบนร่างกายของเขาก็เกือบจะหายดีแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะลงมือ
เขารอจนถึงตอนกลางคืน หลังจากที่เสี่ยวเตี๋ยกลับไปแล้ว เขาถึงได้ย่องออกจากประตูอย่างไร้เสียง
ในตอนนี้เป็นเวลากลางดึก บนท้องถนนแทบจะร้างผู้คน
มีแต่ภายในจวนเท่านั้น ที่ยังจุดไฟแค่ไม่กี่ดวงอยู่
ซย่าโหวถิงอันกลับเข้าจวนซย่าโหวจากทางประตูหลัง
คนเฝ้ายามที่ประตูหลังไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น เขาจัดการเวรยามทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าสลบ จากนั้นก็บุกเข้าไปที่ด้านใน
เขารู้จักจวนซย่าโหวเป็นอย่างดี ดังนั้นต่อให้เป็นช่วงเวลากลางคืน เขาก็ยังมองออกอย่างชัดเจนว่าอยู่ตำแหน่งไหน
ด้วยวิธีการนี้เขาจึงสามารถเดินมาถึงห้องของซย่าโหวหรงได้อย่างราบรื่น
ในตอนนั้นในห้องหนังสือของเขาก็ยังมีแสงสว่างรอดออกมาอยู่ เห็นได้ชัดว่ายังมีคนอยู่ด้านใน
ซย่าโหวถิงอันกลั้นหายใจแล้วเดินเข้าใกล้
เมื่อเดินไปถึงริมกำแพง ตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน
“ถ้าข้ารู้ว่าเจียงอวี่เฉิงมีคุณธรรมขนาดนี้ ตอนแรกข้าจะหักหลังองค์หญิงใหญ่ได้อย่างใด!”