ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 830 ดึง
ตอนที่ 830 ดึง
ที่แท้เขารู้ความจริงของเขาแล้ว!
หัวใจของชีหานเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็สามารถเดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาสามารถสงบสติลงได้อย่างรวดเร็ว
ในเมื่อหน้าต่างกระดาษชั้นนี้ได้ถูกเจาะแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องแสดงอีกต่อไป
ชีหานจึงถามขึ้นอย่างตรงประเด็นว่า
“วันนี้ที่เจ้าเรียกข้ามา มีเรื่องอันใดกันแน่?”
แววตาของเจี่ยนเฟิงฉือฉายแววประหลาดใจ จากนั้นจึงนั่งหลังตรง
“แค่นี้ก็ยอมรับแล้วหรือ? ข้าคิดว่าจะต้องใช้เวลาคาดคั้นเจ้ามากกว่านี้เสียอีก!”
ชีหานขมวดคิ้วมุ่น แววตามีประกายหมดความอดทน
“ในใจของเจ้าก็รู้ฐานะของข้าดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอธิบายอย่างใด เจ้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนอย่างแน่นอน ไม่ใช่หรือ? มีเรื่องอันใดก็พูดมาตามตรง ข้ายุ่งมาก”
“เฮ้อ ยังพูดจาไม่สุภาพเหมือนเดิมเลยน้า…”
เจี่ยนเฟิงฉือยักไหล่ แต่ก็ไม่อ้อมค้อมไปมากกว่านี้แล้ว
“เจ้ากลับมาที่ซีหลิงตั้งแต่เมื่อไร?”
น้ำเสียงของชีหานเย็นชาและแข็งกระด้าง
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เจี่ยนเฟิงฉือสำลักน้ำชา หนังตากระตุกขึ้น
เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดชีหานจึงมีนิสัยแข็งกระด้างและเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยล่ะ?
แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ในตอนนี้ เจี่ยนเฟิงฉืออดทน ไม่พ่นคำด่าออกไป
“…คำสั่งจับตายของเจียงอวี่เฉิงยังไม่ได้เรียกกลับคืนมาเลยนะ นี่เจ้าใจกล้าขนาดไหนเนี่ยถึงได้กลับมาแบบนี้? หรือว่า…มารนหาที่ตายเอง?”
คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องหยอกล้อ
เจียงอวี่เฉิงตั้งใจจะฆ่าสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ให้หมดจริงๆ เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป ที่ชีหานจะปรากฏกายที่นี่
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตาม คนทั่วไปไม่มีทางมองออกอย่างแน่นอน…แต่ทว่าเกิดอันใดขึ้นมาเล่า?
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์
ซึ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่าเขาจะถูกเปิดเผยตัวตนเมื่อไร
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าคือเจียงอวี่เฉิงที่ตอนนี้กุมอำนาจไว้อย่างมหาศาล!
“ข้ามีแผนการของตัวเอง…”
ชีหานตอบขึ้นมาสั้นๆ ไม่ได้ต้องการจะอธิบายเรื่องอันใดให้ลึกซึ้งไปมากกว่านี้
ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ฝ่าบาทให้ความไว้วางใจกับเจี่ยนเฟิงฉืออย่างมาก เขาไม่มีทางหลุดพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
เจี่ยนเฟิงฉือ “…”
เขารู้สึกปวดหัวจนต้องนวดขมับเอาไว้
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่มีด้วยกันสิบสามคน แต่เหตุใดเขาต้องมาเจอกับชีหาน คนที่พูดคุยด้วยยากที่สุดละเนี่ย?
ไม่ว่าใครก็คุยง่ายกว่าชีหานทั้งนั้น!
แต่เมื่อมาคิดเช่นนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เจี่ยนเฟิงฉือพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองในใจ จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างใจเย็นที่สุดว่า
“ก่อนหน้านี้เจ้าไปที่แคว้นเย่าเฉินใช่หรือไม่?”
ครั้งนี้ ชีหานไม่ได้ปิดบังอันใด
“ถูกต้อง”
เจี่ยนเฟิงฉือหรี่ตาเล็กน้อย
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่หนีออกจากพรมแดนม่านฟ้า มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะไปทุกที่
เรื่องที่ชีหานจะไปที่แคว้นเย่าเฉินนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
เพียงแต่…สถานที่และเวลาที่เขาปรากฏตัว มันกลับผิดปกติเล็กน้อย
เจี่ยนเฟิงฉือจำได้อย่างชัดเจน
ตอนนั้นในวันที่ทหารก่อการกบฏ วังหลวงวุ่นวาย แสงดาบเงากระบี่และเปลวเพลิงลุกท่วมฟ้า
ชีหานไปที่นั่นเหตุใด ไปเพื่อร่วมสนุกหรือ?
และเมื่อนึกถึงจดหมายก่อนหน้านี้ เจี่ยนเฟิงฉือก็ลองถามอย่างหยั่งเชิงว่า
“เจ้ารู้จักกับฉู่หลิวเยว่หรือ?”
ด้วยนิสัยของชีหานแล้ว หากไม่รู้จัก เขาไม่มีทางพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาอย่างแน่นอน
ต่อให้ตอนนี้เขาจะอยู่ในฐานะของชีหาน แต่เขาไม่มีทางที่จะใส่ใจคนแปลกหน้าที่คอยส่งจดหมายให้ขนาดนั้น
ชีหานพยักหน้าอย่างใจเย็น
เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่ฉลาดอย่างมาก อีกทั้งพวกเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เรื่องโกหกบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
“ถ้าเช่นนั้น…นางก็รู้จักตัวตนของเจ้าแล้ว?” สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือจริงจังขึ้นหลายส่วน
“แน่นอนว่านางไม่รู้” ชีหานพูดเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้พวกเราบังเอิญเจอกันที่แคว้นเย่าเฉิน นางรู้แค่ว่าข้ามาแทนที่ฉินชีตัวจริง แต่มากไปกว่านี้ นางไม่รู้อันใดเลย”
เจี่ยนเฟิงฉือยังรู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
ทันใดนั้นเองชีหานก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ถ้าวันนี้เจ้าเรียกข้ามาเพื่อถามเรื่องแค่นี้ ถ้าเช่นนี้ตอนนี้ข้าก็ตอบไปทั้งหมดแล้ว ข้าคงออกไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
เจี่ยนเฟิงฉือยังไม่ทันได้ตอบ แต่ตอนนั้นเองเสียงนุ่มนวลกระจ่างใสของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านข้าง
“ไม่ได้”
เมื่อชีหานได้ยินเสียงนั้น แววตาก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันกลับไปมอง
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็กำลังเดินเข้ามาพอดี
วันนี้นางสวมชุดคลุมยาวสีเขียวมรกต ศีรษะปักปิ่นหยกสีขาว ดูแล้วงดงามและหรูหราอย่างมาก
ทุกการเคลื่อนไหวของนางเหมือนกับคุณหนูที่มาจากตระกูลสูงส่ง
นางเดินมาทางพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็ยืนอยู่ด้านข้างของชีหาน นางยกยิ้มขึ้น ร่องรอยความงดงามปรากฏขึ้นที่ดวงตา
“ชีหาน เพิ่งมาถึงแท้ๆ เหตุใดถึงรีบไปนักเล่า? พวกเรายังไม่ทันได้คุยกันเลยนะ”
ชีหานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจอันใดสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์
“ข้ามีเวลาไม่มาก พวกเจ้ามีอันใดอยากถาม ก็รีบถามมาเถิด”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ถอนหายใจหนึ่งครั้ง
“เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าคนที่อยู่ในจวนซย่าโหวเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นไม่ใช่เจ้า”
ชีหานชะงักไป และไม่ได้พูดอันใด
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา
“หากเจ้าไม่เชื่อใจพวกเราทั้งสองคน ถ้าเช่นนั้น…พวกเราจะเป็นคนพูดก่อนก็แล้วกัน”
ใบหน้าของนางนั้นเคร่งเครียดอย่างมากก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ข้าบอกเจ้าได้ว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ข้าก็ไปที่จวนซย่าโหวเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว วันนั้นต้องขอบใจเจ้าอย่างมาก ที่ล่อซย่าโหวหรงให้ออกไป ทำให้ข้าลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
ชีหานเหลือบสายตามองสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์
ทั้งสองคน สี่สายตาประสานกัน
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ถูกต้อง เป็นอย่างที่เจ้าคิด ตอนนี้โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนอยู่ในมือของข้าแล้ว”
…
แดนภังคะ
ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็ได้เดินทางออกมาจากป่าหมอกมายา ในที่สุดก็มาอยู่ที่ชายแดนเชื่อมต่อกับทะเลสาบกระจกแล้ว
อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทะเลสาบกระจกเงียบสงบ บางครั้งก็มีลมโชยมาเล็กน้อย ทำให้เกิดระลอกน้ำเป็นชั้นๆ
ทิวทัศน์ทั้งหมดสะท้อนลงทะเลสาบราวกับส่องกระจก ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
ทันใดนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็เห็นบัวระบำที่ไหวไปมาอยู่กลางทะเลสาบกระจก!
กลีบดอกไม้สีขาวชมพูกึ่งโปร่งแสง สะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่สาดลงมา ราวกับเป็นหยกชั้นดี แสงที่สะท้อนออกมาราวกับเป็นผลึกต้องแสงเปล่งประกายวิบวับ
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของถวนจื่อเบาๆ ราวกับต้องการจะเข้าไป
แต่เย่หรานหร่านกลับรีบปรามเสียก่อน
“หลิวเยว่ ช้าก่อน!”
ฉู่หลิวเยว่หันมองนาง แต่กลับเห็นว่าสีหน้าของเย่หรานหร่านนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
“หลิวเยว่ บัวระบำนั้นเป็นวัตถุดิบวิเศษขั้นสูง ถ้าเข้าไปดึงเฉยๆ เลย มันจะอันตรายหรือเปล่า?”
นางก็เป็นเซียนหมอ หากบอกว่านางไม่อยากได้บัวระบำดอกนี้นั้น เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะท้ายที่สุดในชีวิตของใครบางคนอาจจะไม่ได้เจอสิ่งเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ด้วยเหตุนี้ เย่หรานหร่านจึงกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นเบาๆ
“วางใจเถิด ข้ารู้ว่าจะดึงมันออกมาอย่างใด”
เมื่อเย่หรานหร่านเห็นท่าทางมุ่งมั่นของนางจึงวางใจลง
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังหน่อยนะ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ข้าจะรีบไปรีบมา”
จากนั้นถวนจื่อก็สยายปีกทั้งสองข้างขึ้น ก่อนจะบินขึ้นไป!
มันบินด้วยความเร็วสูง หลังจากนั้นไม่นานพวกนางก็มาหยุดอยู่ที่กลางทะเลสาบกระจกแล้ว บินอยู่เหนือตำแหน่งบัวระบำ
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ดอกบัวดอกนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดที่นิ้วโป้ง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาทันที!
จากนั้นถวนจื่อก็โน้มตัวลงไป พร้อมยื่นมือออกไปทางดอกบัวระบำดอกนั้น!
ในตอนที่มือของนางเพิ่งจะสัมผัสก้าน…
แกร๊ก!
มีเสียงดังเสียงหนึ่งหวีดแหลมขึ้นมา!