ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 835 ระบายอารมณ์
ตอนที่ 835 ระบายอารมณ์
ด้านล่างของทะเลทราย เหมือนว่ามีอันใดบางอย่างกำลังวิ่งพลุกพล่านอยู่ และพวกนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง
นางก้มหน้าลงไปมอง จากนั้นก็พบว่าทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้านั้นกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว!
ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังดึงนางให้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า!
“หลิวเยว่!”
กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังก็รีบตะโกนขึ้นทันที!
ฉู่หลิวเยว่รีบหันหน้ากลับไปมอง แต่ก็พบว่าเงาร่างของพวกเขาเหล่านั้นหายไปแล้ว!
“ฮ่าๆ พวกเขาถูกส่งไปที่อื่นแล้ว ถ้าข้าไม่ได้เห็นแก่เจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเขาเข้ามาที่นี่ง่ายๆ ขนาดนี้หรอก”
นี่คือเสียงของผู้อาวุโสลำดับห้า
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวาบ นางกำลังจะพูดขึ้น แต่เขาก็พูดต่อว่า
“นังหนูเจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อพวกเขาคือสหายของเจ้า พวกเราไม่ให้เขาบาดเจ็บอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่จึงวางใจลง ปล่อยให้ทรายสีเหลืองที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า นำพาลงไปส่วนลึกที่สุดของทะเลทรายจันทราสีชาด
และยิ่งใกล้เข้ามากขึ้นเท่านั้น เสียงนั้นก็ดังชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“เยว่เอ๋อเจ้ากลับมาแล้ว!”
“หลีกทางไปๆ อย่างมาขวางทาง!”
“ถุ้ย! เจ้าจะรีบร้อนเหตุใดเนี่ย?”
“เจ้าไม่รีบ แต่ข้ารีบ! หลบไปให้หมด! ให้ข้าดูหน่อยสิว่าตอนนี้นังหนูหน้าตาเป็นอย่างใด!”
บทสนทนาพูดคุยกันอย่างครึกครื้น แต่ทั้งหมดล้วนคุยเรื่องของนางอยู่ ในใจของฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย
เหตุใดเหมือนว่า…นางอยู่ที่นี่แล้วได้รับความนิยมมากอย่างใดก็ไม่รู้?
พูดแบบไม่เกินจริงเลย นี่เป็นความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านมาอย่างใดอย่างนั้น
เพียงแต่ว่า เมื่อมองไปรอบๆ นางกลับมองไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
มีเพียงทรายสีเหลืองใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น ที่พลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง
เสียงเหล่านั้น เหมือนว่าจะดังมาจากด้านล่าง
น่าแปลก…ก่อนหน้านี้นางก็เคยมาที่ทะเลทรายจันทราสีชาดแล้ว แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้พบเจอสถานการณ์เช่นนี้นะ
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้คนเหล่านั้นพูดว่านางชอบมาที่ทะเลทรายจันทราสีชาดที่สุด น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกนะ
อีกทั้ง…เมื่อมองดูแล้วเหมือนว่านางจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับที่นี่…
คนทั่วไปเมื่อมาถึงทะเลทรายจันทราสีชาดนั้น กว่าจะเข้ามาได้แต่ละก้าวล้วนยากลำบาก แต่เมื่อเป็นฉู่หลิวเยว่ นางกลับสามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
นางไม่ต้องเดินเองเสียด้วยซ้ำ ทรายสีเหลืองที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางนำพาให้นางเดินทางมาที่นี่อย่างรวดเร็ว!
เมื่อเวลาผ่านมาสักพักในที่สุดนางก็มาหยุดที่ด้านหน้าลี่ว์โจวแล้ว
ที่นี่เป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ใสสะอาด เป็นสถานที่ที่ชุ่มชื้นและเย็นสบายที่สุดในทะเลทรายแห่งนี้แล้ว
นางเดินไปด้านหน้าสองก้าว จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบ ก่อนจะมองเงาสะท้อนของตนเอง
ทันใดนั้นเสียงพูดคุยที่อยู่ข้างหูนางก็หายไปทันที เหลือเพียงความเงียบเท่านั้นที่เหลืออยู่
ตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องหวีดแหลมดังขึ้น
“เยว่เอ๋อเหตุใดเจ้าหน้าตาไม่เหมือนเดิมเลยเล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“อ๊า! ใช่นางจริงๆ ด้วย! คิ้วแบบนี้นั่นแหละนาง!”
เสียงอีกเสียงตะโกนดังขึ้นด้วยความดีใจ
“อีกทั้งปราณแบบนี้ มีอยู่คนเดียวบนโลก นั่นคือเยว่เอ๋อไม่ผิดแน่!”
“ใช่นางจริงๆ ด้วย!”
“ให้ข้าดูหน่อย! โอ๊ย ขอข้าดูหน่อย!”
เสียงรอบข้างกลับมาวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
แม้ว่าเสียงเหล่านั้นจะหนวกหู แต่นางไม่ได้รู้สึกรำคาญหูเลยแม้แต่น้อย ทางตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่จ้องไปทางทะเลสาบแห่งนั้น
มันมีประกายแสงสีฟ้าอ่อนจางๆ ผิวน้ำสะท้อนกับลำแสง มองเพียงแวบแรก ก็นึกว่าเป็นอัญมณีขนาดใหญ่หนึ่งชิ้น
สายลมพัดบนผิวน้ำเบาๆ ราวกับว่าได้พัดผ่านความเย็นสบายและหอมหวานมาด้วย
“เอาล่ะ มองกันพอแล้ว แยกย้ายกันเถอะ! ที่เยว่เอ๋อมาที่นี่ในครั้งนี้ เพราะว่านางมีธุระต้องทำนะ!”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสลำดับห้ายังแฝงด้วยความเข้มงวดอีกด้วย
ทันใดนั้นกลางทะเลสาบก็มีระลอกคลื่นวงกลมปรากฏขึ้นมา จากนั้นเสียงของกลุ่มคนเหล่านั้นค่อยๆ หายไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้นไม่นานทะเลสาบก็กลับมาเงียบสงบดังเดิมอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก จึงลองถามหยั่งเชิงกับทะเลสาบนั้นอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสลำดับห้า? พวกท่านอยู่ด้านล่างใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าหัวเราะเสียงดัง
“จะพูดว่าใช่ก็ได้ จะพูดว่าไม่ใช่ก็ได้! ทั่วทั้งทะเลทรายจันทราสีชาดเป็นถิ่นของข้า ข้าจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น! เพียงแต่ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจ้าชอบมากที่สุด ดังนั้นพวกเราจึงพาเจ้ามาที่นี่โดยตรง”
ยกเว้นจะออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดได้ตามใจชอบแล้ว ไม่ว่าเรื่องอันใด พวกเขาก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ดูจากฝีมือของพวกเขาไม่กี่คน ที่เขาสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก
“…นังหนู เจ้ามองพวกนี้แล้ว นึกอันใดออกบ้างหรือไม่?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า
ผู้อาวุโสลำดับห้าก็เงียบไป ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไร! นี่เจ้าเพิ่งมาถึงเท่านั้น นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร! อยู่ที่นี่นานหน่อย อาจจะนึกอันใดออกก็ได้!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ
“ขอบคุณผู้อาวุโสลำดับห้ามากเจ้าค่ะ ความจริงแล้ว ข้าก็อยากรู้นัก ว่าข้าลืมอันใดไปกันแน่”
นางรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างใด
หากสามารถนึกออกในที่นี่ มันก็จะดีอย่างมาก
“ขอบคุณเขาเหตุใดเล่า? เขายังไม่ได้ทำอันใดเลยนะ”
หลานเซียวแค่นหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
“นังหนู เวลามันก็มาขนาดนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่จอมยุทธ์ระดับห้าอยู่อีกล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
พวกมู่หงอวี่และคนอื่นๆ เห็นนางทะลวงด่านด้วยความเร็วขนาดนี้ก็ยังตกใจอย่างมากแล้ว แม้กระทั่งตัวของฉู่หลิวเยว่ก็ยังรู้สึกว่านางสามารถทะลวงด่านได้เร็วแล้วนะ คิดไม่ถึงว่ายังมีคนไม่พอใจอยู่ด้วย
พูดจากน้ำเสียงของเขาแล้ว เหมือนว่านางเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างใดอย่างนั้น
“ความจริงแล้วข้าสามารถทะลวงไปที่ระดับหกได้แล้ว…”
“เฮ้อ ยังทำให้คนรู้สึกรำคาญเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ…ถ้าอย่างนั้นก็รอให้ทะลวงระดับให้ได้ก่อน แล้วค่อยเริ่มฝึก”
“ฝึก? ฝึกอันใดหรือเจ้าคะ?” ฉู่หลิวเยว่ถามกลับอย่างสงสัย
“แน่นอนว่าเป็นการฝึกที่เจ้าเคยฝึกที่นี่มาก่อนน่ะสิ!”
หลานเซียวถอนหายใจ
“เจ้าคงจะลืมวิชาพวกนั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว…ดังนั้นต้องเริ่มเรียนใหม่ทั้งหมด!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ทันใดนั้นเหตุใดนางถึงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแบบนี้ได้ล่ะ?
แต่ว่าหลานเซียวได้พูดออกมาแล้ว ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองมันอย่างใดดี จึงทำได้เพียงนั่งขัดสมาธิอย่างว่าง่าย เตรียมตัวเริ่มทะลวงระดับที่หก
ตอนนี้การทะลวงจอมยุทธ์ระดับที่หกไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเท่าไร นางสามารถทำได้อย่างง่ายๆ
แต่ทว่า…ในสายตาของคนทั่วไปนั้น จอมยุทธ์ระดับที่หกถึงว่าโดดเด่นอย่างมาก แต่ว่าในสายตาของคนบางคน มันกลับยังไม่คู่ควรเสียด้วยซ้ำ
ชีพจรเทียนจิง…
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแน่น
นางจะบอกทุกคน แม้ว่าตอนนี้นางจะไม่ได้มีชีพจรเทียนจิง แต่ระดับฝีมือของนางจะต้องไม่มีทางแย่ไปกว่าเดิมอย่างแน่นอน!
“รบกวนผู้อาวุโสทั้งหลายช่วยดูแลสหายของข้าด้วยนะเจ้าคะ”
ในใจของฉู่หลิวเยว่ไม่มีความกังวลเรื่องอื่น นางแค่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับสหายของนางก็เท่านั้น
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ที่พวกเขาเข้ามาได้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาแล้ว มีเวลาเช่นนี้ เจ้าลองคิดดูเถอะ ว่าจะพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ได้อย่างใด”
นั่นคือเสียงของตู๋กูโม่เป่า
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้าน
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่แนะนำเจ้าค่ะ!”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบกลั้นหายใจ พร้อมทะลวงด่านทันที
หลานเซียวพูดขึ้นเสียงเบาอย่างไม่พอใจ
“เจ้าจะดุนางเหตุใดเนี่ย! เจ้าเด็กหรงซิวนั้นทำลายค่ายกลของเจ้าอีกแล้วหรือไง เจ้าก็เอาความโกรธไปลงที่เขาสิ!”