ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 840 นางไม่ใช่องค์หญิงใหญ่แล้ว
ตอนที่ 840 นางไม่ใช่องค์หญิงใหญ่แล้ว
มุมปากของหลานเซียวกระตุกขึ้น
“ระดับเจ็ดขั้นสูง? ตอนนี้นังหนูเพิ่งผ่านจอมยุทธ์ระดับหกมาได้ไม่นาน เจ้าก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว? มันคงไม่เหมาะสมละมั้ง?”
เมื่อเห็นนังหนูมีรอยฟกช้ำตามลำตัว มันทำให้คนปวดใจยิ่งนัก…
“หุ่นเชิดระดับหกของข้านั้นมีแค่ตัวเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังถูกนางหักทิ้งไปแล้ว จึงทำได้เพียงต้องเปลี่ยนมาเป็นตัวนี้”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นด้วยไม่เปลี่ยนสีหน้า
หลานเซียวสะอึกและพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าหุ่นเชิดเหล่านั้นอีกฝ่ายเป็นคนหลอมขึ้นมาเอง ไม่ว่าเขาต้องการระดับไหน มันจะไม่มีได้อย่างใด?
ไม่ต้องพูดออกมาหรอก…
มันล้วนเป็นข้ออ้างทั้งนั้น!
หลานเซียวถอนหายใจออกมา
“ยากนักที่จะได้เห็นเจ้าทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกคิดถึงมากจริงๆ”
“ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอันใดจะทำ ข้าจะช่วยเจ้าหา “ความสนุก” มาให้” น้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่าเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“…อะแฮ่ม ข้านั้นค่อนข้างยุ่ง ข้าต้องขอตัวก่อน! ต้องฝากนังหนูไว้ที่เจ้าแล้ว!”
เมื่อหลานเซียวพูดจบ เขาก็หายตัวไปทันที ราวกับกลัวว่าตู๋กูโม่เป่าจะทำอันใด
ตลกน่า!
หากเป็นการทรมานเด็กสาวตัวเล็กๆ นั้นก็ช่างเถิด แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่พี่เป่ากำลังทำนั้นคือการเพิ่มความแข็งแกร่งของนางต่างหาก
แต่หากเปลี่ยนเป็นเขา…เกรงว่าพี่เป่าจะเอาเขาให้ตายจริงๆ!
ร่างกายของเขานั้นบอบบางอย่างมาก โดยเฉพาะใบหน้านี้ เขาไม่สามารถโดนตบได้เลย!
หลานเซียวรีบหนีหายตัวไปทันที หลังจากนั้นไม่นานที่นี่จึงเหลือเพียงตู๋กูโม่เป่าคนเดียวเท่านั้น
แต่ความสนใจของเขาทั้งหมดนั้นอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่แล้ว
ตอนที่นางได้ทะลวงเป็นจอมยุทธ์ระดับหก นางได้ดึงดูดสายตาจากฟ้าดินแล้ว สิ่งนั้นทำให้ตู๋กูโม่เป่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากที่เขารู้ว่านางได้เปลี่ยนร่างกาย จากนั้นก็พบว่าชีพจรของนางนั้นคือเส้นชีพจรตี้จิง ในใจของเขาก็วางแผนเอาไว้อยู่แล้วว่าจะทำการฝึกตามแบบฉบับของเส้นชีพจรตี้จิง
แต่คิดไม่ถึงว่าฝีมือของนางนั้นจะโดดเด่นกว่าที่คิดเอาไว้มาก!
ตู๋กูโม่เป่ามักจะตั้งความหวังกับนางไว้สูงอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกแผนการแรก แล้วกัดฟัน เริ่มการฝึกให้หนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เขาโยนตัวทดลองระดับหกขั้นสูงออกไป แต่ก็ต้องตกใจอย่างมากที่พบว่าความสามารถในการปรับตัวของนังหนูเหมือนว่าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!
ในตอนนั้นเองนังหนูก็เหมือนจะสามารถจัดการกับหุ่นเชิดระดับหกขั้นสูงได้แล้วเขาจึงรีบนำหุ่นเชิดระดับเจ็ดขั้นสูงเข้าไปแทนที่ทันที
และในความจริงแล้ว นางก็ไม่ได้ทำให้ตัวของเขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า นางก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!
แรกเริ่มนางก็สามารถต่อกรกับหุ่นเชิดระดับเจ็ดได้ แม้ว่าจะไม่สามารถตอบโต้ได้เต็มที่ แต่เขาก็สามารถกดและตีกลับ
แต่ว่าตอนนี้นางสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ แล้วยังสามารถโจมตีกลับได้อีกด้วย
แม้ว่าระดับบำเพ็ญเพียรของนางจะไม่สูง แต่ระดับความแข็งแกร่งอื่นๆ ก็ได้ก้าวผ่านรูปลักษณ์ภายนอกไปไกลแล้ว!
อีกทั้งในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ได้ทุ่มสมาธิไปยังหุ่นเชิดที่อยู่ตรงหน้าของนาง
ทั้งสองคนต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และบาดแผลของนางก็เพิ่มมากขึ้น
ในตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของนางไม่มีส่วนไหนที่ยังดูดีอีกแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จิตวิญญาณในการต่อสู้ของนางกลับเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น!
อีกทั้งการโจมตีตอบโต้ของนางก็ค่อยๆ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นและยังดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น!
ในบางครั้ง แม้กระทั่งตัวนางเองยังไม่รู้ตัวเลยว่านางแสดงกระบวนท่าเหล่านั้นออกมาได้อย่างใด
ราวกับว่านี่เป็นเพียง…สัญชาตญาณเท่านั้น
จากนั้นนางก็ค่อยๆ ตระหนักว่า
ข้างในตัวนาง มีนางอีกคนหนึ่งที่กำลังหลับใหลอยู่
อีกทั้งตอนนี้ “นาง” คนนั้น ก็กำลังตื่นขึ้นมา!
พรึ่บ!
หุ่นเชิดตัวนั้นงอแขน แล้วกระแทกเข้าที่หน้าอกของฉู่หลิวเยว่!
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้าน มีกลิ่นหอมหวานออกมาจากซอกฟัน!
ทันใดนั้นสายตาเย็นชา ไม่ถอยและบุกเข้าไป ในขณะเดียวกันก็จับแขนของเขาแล้ว เหวี่ยงขึ้นไปด้านหน้า!
ตู้ม!
หุ่นเชิดตัวนั้นกระแทกลงที่พื้นอย่างแรง!
ฉู่หลิวเยว่ได้เปรียบให้การต่อสู้แล้ว นางเหยียบเข้าที่ด้านหลังของเขาโดยตรง!
แกร๊ก!
เสียงแหลมดังแว่วเข้ามา!
บนตัวของหุ่นเชิดตัวนั้นทำมาจากเหล็กชั้นดี แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่เหยียบหุ่นจนบุบลงไป!
ฉู่หลิวเยว่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก หลังจากนั้นนางก็เช็ดคราบเลือดอย่างลวกๆ ก่อนจะมองไปยังทะเลสาบสีฟ้าคราม
นางก็รู้สึกมึนงงอย่างมาก
ในตอนนั้นนางก็ได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
“พี่เป่า เข้ามาอีก!”
…
พัฒนาการของฉู่หลิวเยว่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่ตู๋กูโม่เป่าคาดการณ์ไว้เสียอีก
ในร่างกายของนาง เหมือนว่าจะมีศักยภาพซ่อนอยู่ในร่างกายของนางนั้นไม่สิ้นสุด!
ตราบใดที่กระตุ้นนางได้ ก็จะสามารถกระตุ้นพลังในร่างกายของนางได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็จะแข็งแกร่งขึ้น!
หรือว่าสิ่งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเส้นชีพจรที่แปลกประหลาดของนาง?
ตู๋กูโม่เป่าครุ่นคิดอยู่ในใจ
พรึ่บ!
ตอนนั้นเองหุ่นเชิดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางก็หายไป จากนั้นตรงหน้าของนางก็มีหุ่นเชิดอีกตัวหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกันทุกประการปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า
“ตัวนี้เหมือนกับตัวก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ ขอให้เจ้าจัดการมันให้สำเร็จภายในหนึ่งเค่อให้ได้ ถึงจะถือว่าเจ้านั้นผ่านด่าน!”
หากที่นี่มีคนอื่นอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเช่นนี้ พวกเขาจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
เขาจะให้ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ในระดับหกขั้นต้น จัดการกับหุ่นเชิดระดับเจ็ดขั้นสูง ไม่เพียงจะต้องเอาชนะให้ได้ แต่ต้องเอาชนะภายในหนึ่งเค่ออีกด้วย!
นี่มันบ้าไปแล้ว!
แต่เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะเคยชินกับมันตั้งนานแล้ว นางจึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ
หุ่นเชิดเหล่านี้ได้รับการหลอมและขัดเกลาอย่างพิถีพิถัน ฝีมือแข็งแกร่ง เวลาลงมือก็แม่นยำ
สิ่งที่นางลังเลเลยก็คือ นางสามารถโคจรพลังและต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ ท้ายที่สุดแล้วหุ่นเชิดตัวนี้ต้องต่อสู้ระยะประชิดตัว
แต่ว่าหุ่นเชิดตัวนี้มีข้อดีสิ่งหนึ่งที่นางก็ไม่สามารถเทียบได้คือ…มันไม่รู้จักความเจ็บปวดและมันไม่รู้จักเหนื่อย!
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่สู้กับมันมาตั้งนาน ถ้าไม่ใช่เพราะในร่างกายของนางมีพลังที่เหลือล้น เกรงว่านางคงจะล้มลงไปตั้งนานแล้ว
ตอนนี้นางต้องล้มมันภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเค่อ สำหรับนางแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“หากครั้งนี้ ข้าสามารถทำสำเร็จ ข้าสามารถข้ออันใดสักข้อหนึ่งได้หรือไม่?”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้น
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” ตู๋กูโม่เป่าถามขึ้น
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า
“ข้าต้องการกลับไปที่ซีหลิงครั้งหนึ่ง”
เมื่อนับเวลาดูแล้ว นี่ก็ใกล้จะถึงเดือนหกแล้ว
นางไม่สามารถพลาดงานแต่งงานของเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านได้
เมื่อตู๋กูโม่เป่าได้ยินดังนั้นก็รีบตอบรับอย่างมีความสุข
“ไม่มีปัญหา!”
ฉู่หลิวเยว่ถึงได้รู้สึกโล่งอก แล้วมองไปยังหุ่นเชิดที่อยู่ด้านหน้า แววตามีประกายเย็นชาปรากฏขึ้น
ในตอนนั้นเอง นางก็รีบลงมือทันที!
…
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ อยู่ในสถานที่ต่างๆ ของทะเลทรายจันทราสีชาด แต่ละคนล้วนถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวด
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ค่อนข้างผ่อนคลาย
…หรงซิว!
เขาไม่ต้องถามก็รู้ว่า ตู๋กูโม่เป่าได้พาฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ เข้าไปในใจกลางของทะเลทรายจันทราสีชาดแล้ว
ที่นี่มีทะเลสาบขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียว และนับว่าเป็นฐานที่มั่นขนาดใหญ่ของพวกเขาอีกด้วย
และแน่นอนว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่นางชอบพำนักมาก่อนด้วย
เขาเดินออกทางตรงไป เพราะต้องการจะไปที่นั่น
แต่ว่าหลานเซียวและคนอื่นๆ นั้นไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกมา จึงพยายามขัดขวางอย่างต่อเนื่อง
ยังดีที่ฝีมือของหรงซิวตอนนี้ได้พัฒนาขึ้นไปมากแล้ว การที่ต้องรับมือเรื่องเหล่านี้ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ยากอันใด
หลังจากที่เขาทำลายค่ายกลที่หลานเซียววางเอาไว้อีกครั้ง ในที่สุดก็สามารถทำให้หลานเซียวโมโหได้สำเร็จ
“ไม่เล่นแล้วๆ! ไม่ว่าอย่างใดเดี๋ยวนังหนูก็ต้องกลับไปที่ซีหลิง ทำเช่นนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เฮ้อ หลังจากที่นางกลับไปแล้ว นางก็ต้องยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของราชวงศ์เทียนลิ่งอย่างแน่นอน ไม่รู้จริงๆ ว่าตำแหน่งองค์หญิงใหญ่ของนางนั้นมันน่าสนใจอย่างใด ให้นางนั้นอยู่กับพวกเรา…”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบว่า
“อ่า จริงสิ มีเรื่องหนึ่งข้าลืมบอกผู้อาวุโสไป”
“ตอนนี้เยว่เอ๋อไม่ได้เป็นองค์หญิงใหญ่อีกต่อไปแล้ว”