ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 854 พวกเราไปกันเถิด
ตอนที่ 854 พวกเราไปกันเถิด
ภายในห้อง น้องสิบสามกำลังอธิบายทุกอย่างที่เขาเพิ่งตรวจสอบได้ในระยะนี้ให้ทุกคนฟัง
ส่วนชีหานเองก็คอยเอ่ยเสริมทีละสองสามประโยคเป็นครั้งคราว
ซึ่งในตอนนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ถึงรู้ว่าสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ที่กลับมายังซีหลิง ไม่ได้มีเพียงสี่คนที่อยู่ต่อหน้าตนเท่านั้น!
และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกของชีหานร่วมมือกับเจี่ยนเฟิงฉือและสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ด้วย!
แต่เนื่องจากตอนที่นางไปส่งมู่หงอวี่กลับภูเขาเขี้ยวมังกร นางไม่ได้ไปพบเจี่ยนเฟิงฉือ ดังนั้นนางจึงไม่ทราบเรื่องนี้
หลังจากรับฟังอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ถึงพบว่าความจริงแล้ว พวกเขาได้วางตาข่ายยักษ์ดักคนทรยศไว้ทั่วเมืองซีหลิงตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว!
และนอกจากแผนที่นางเตรียมไว้เอง ก็ยังมีคนที่คอยช่วยสนับสนุนนางอยู่อย่างลับๆ!
ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากที่นางได้ฟังแบบแผนของพวกเขา ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจยาว พลันรู้สึกตื้นตันในใจอย่างมาก
ยามนี้นางรู้แล้วว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนตอนนี้ นางไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง!
ตลอดสองปีนับตั้งแต่ที่นางเสียชีวิต ยังมีใครบางคนต่อสู้เพื่อนางอยู่ตลอด
และดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะคอยช่วยนางทุกอย่าง โดยที่นางไม่รู้ตัวเลย!
ท่ามกลางความมืดมิดอันแสนสิ้นหวัง กลับมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาช่วยควบคุมทุกอย่างแทนนาง และรวบรวมพลังอำนาจที่เหลืออยู่ทั้งหมดของนางเข้าด้วยกัน
เพื่อนำมาซึ่งวันนี้!
แต่ทว่าเขาผู้นั้น… เป็นใครกันล่ะ?
“แล้วหลังจากนี้ ท่านจะทำอย่างใดต่อหรือองค์หญิง?”
ฉินอีถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
เมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่พวกเขามีตั้งแต่ครานั้นจนถึงตอนนี้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาสามารถเปิดโปงความจริงเรื่องเหตุการณ์ในปีนั้นได้
แต่นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่อีกอย่างคือ ตัวตนของฉู่หลิวเยว่!
พวกเขาสามารถล้างแค้นให้องค์หญิงได้ แต่ถ้าองค์หญิงต้องการอำนาจคืนมาคงเป็นเรื่องที่ยาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จิตวิญญาณของนางได้เปลี่ยนไปอยู่กายของคนอื่นอย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้การอนุมัติยินยอมจากทุกฝ่ายนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
ในตอนนั้นมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตขององค์หญิงใหญ่ และตอนนี้ แม้ว่าจะนางในปัจจุบันและนางในอดีตจะมีใบหน้าคล้ายกัน แต่ทว่าคนเหล่านั้นก็อาจไม่เชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้น สถานภาพของนางในตอนนี้… อย่างใดก็คือฉู่หลิวเยว่!
หากจะชี้แจงว่ามันเป็นเหมือนการยึดร่างแล้วดึงวิญญาณให้มาสถิตในกายหยาบนี้… แต่ถ้าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ก็เกรงว่าจะกลายเป็นทำให้พวกเขายิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่
ขณะเดียวกัน จู่ๆ ด้านนอกห้องก็มีการเคลื่อนไหวอื่นปรากฏขึ้น
ทุกคนในห้องล้วนมีการตอบสนองที่รวดเร็ว พวกเขาทุกคนหันไปมองพร้อมกัน
เพลานี้แล้วยังจะมีใครมาที่นี่อีก?
ฉินอีหรี่ตาลง
“หรือจะเป็น… คนจากวัง?”
ริมฝีปากแดงเรื่อของฉู่หลิวเยว่ยกโค้งขึ้นอย่างมีเลศนัย
“มาเร็วกว่าที่คิดนะ…”
นางลุกขึ้นยืนแล้วเชิดหน้าขึ้น
“แต่ก็นะ เป็นไปตามแผนของข้า”
คนหลายคนต่างมองหน้ากัน
การที่องค์หญิงทรงตรัสเช่นนี้… หมายความว่านางวางแผนจะไปเผชิญหน้าตัวต่อตัวหรือ?
“พวกเจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปพบซั่งกวนหว่านเสียหน่อย วันนี้ข้าขอเอาของว่างไปให้นางก่อน แล้ววันพรุ่งค่อยเตรียมของคาวชุดใหญ่ให้นางแล้วกัน”
“ขอรับ!”
เมื่อฉินอีและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของนางแล้ว พวกเขาก็พลันซ่อนตัวทันที
และเพียงพริบตา ทั่วทั้งจวนก็เหลือเพียงฉู่หลิวเยว่กับเชียงหว่านโจว
ฉู่หลิวเยว่ยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปด้านนอก
ทว่าเพียงเดินไปได้ก้าวเดียว นางก็ถูกเชียงหว่านโจวเรียกไว้เสียก่อน
“รอเดี๋ยว!”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
เชียงหว่านโจวจ้องมองนางด้วยสายตาซับซ้อน ราวกับมีคลื่นอารมณ์มากมาย กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของเขา
วันนี้เขาพบกับเรื่องที่น่าตกใจสุดขีด และมันรุนแรงมากเสียจนชั่วขณะหนึ่ง เขาเองก็ไม่สามารถกลั่นกรองเรื่องทั้งหมดได้
“เจ้า… เจ้าคือ… องค์หญิงใหญ่หรือ?”
เขาพูดสองคำสุดท้ายอย่างแผ่วเบา
แม้ว่าเขาจะเติบโตในเขตชายแดนทางใต้ แต่เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานขององค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่บ้าง
และทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อสองปีก่อนนางจักต้องจบชีวิตลงเพราะเคร่งครัดกับการฝึกฝนมากเกินไป
ทว่าทุกอย่างที่ประจักษ์แก่สายตาของเขาในยามนี้ กลับแสดงให้เห็นว่า…ฉู่หลิวเยว่ก็คือนาง!
แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูไร้สาระมาก แต่ว่า…
“มิใช่ว่าเจ้ารู้คำตอบอยู่แล้วหรอกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่แย้มยิ้มราวกับว่านางไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้
เชียงหว่านโจวชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่ง
“ตะ… แต่เจ้าไม่กลัวข้าจะปากโป้งเลยหรือ?”
เมื่อความลับที่น่าตกใจดังกล่าวถูกเปิดเผย มันจะระเบิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างเสมือนสายฟ้าอย่างแน่นอน และจะทำให้ราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมดเข้าสู่ความโกลาหล!
แต่นางมองออกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ขนาดไหน!
ฉู่หลิวเยว่ถามย้อนไป
“แล้วเจ้าทำได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่!”
เชียงหว่านโจวเองก็ย้อนตอบไปเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่สำคัญกับเขามาก
ครั้งหนึ่งเขาเคยสาบานกับตัวเองว่า ถ้าหาคนคนนั้นไม่เจอ เขาจะติดตามฉู่หลิวเยว่ไปตลอดชีวิต
เพื่อนางแล้ว ต่อให้ลุยน้ำลุยไฟ จะเป็นตายร้ายดีอย่างใดเขาก็ไม่กลัว!
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง
“เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่ทำ”
นางตอบกลับโดยทิ้งทวนให้เขาคิดเอง จนเชียงหว่านโจวทำตัวไม่ถูกไปพักหนึ่ง
เขารู้แล้วว่าวันนี้ฉู่หลิวเยว่ต้องการจะเผยตัวตนของนางให้เขาได้รู้
“ข้าเชื่อใจเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยโพล่งออกมาเบาๆ
เมื่อก่อนนางเคยคิดว่าเพราะตนนั้นเคยถูกหักหลัง นางจึงไม่สามารถมอบความไว้วางใจแบบเดียวกันนี้ให้กับใครได้อีก
แต่มัน ไม่ใช่กับกรณีนี้
เป็นความจริงที่ว่า คนบางคนเลือกที่จะทรยศนาง แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เลือกจะสาบานตนจงรักภักดีต่อนางจนตาย!
นางสูญเสียทุกอย่าง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่อยู่กับนาง และรอให้นางกลับมาอยู่เสมอ!
อีกทั้งเชียงหว่านโจวอยู่กับนางมานาน นางจึงสังเกตเห็นแล้วว่า เขาแตกต่างจากคนทั่วไปในหลายๆ ด้าน
แต่ในเมื่อนางไม่พูด เขาจึงไม่ถาม และทำเพียงคอยติดตามนางไปเงียบๆ
ชนิดที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็จะติดตามนางไปทั้งชีวิต
เชียงหว่านโจวมองเข้าไปในดวงตาใสแจ๋วคู่นั้น พลันรู้สึกราวกับมีบางอย่างพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา
ระบบภายในร่างกายเริ่มรวน การหมุนเวียนของเลือดไหลเร็วกว่าปกติ จนแทบจะระเบิดออกมา!
“ไปเถอะ! การแสดงดีๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ขยิบตา ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินไปข้างหน้า
เชียงหว่านโจวกำหมัดแน่นและตามไปอย่างรวดเร็ว
…
ฉู่หลิวเยว่เปิดประตูบานใหญ่ของจวน พลันเห็นดวงหน้าอันแสนคุ้นเคย
…ฉานอี้
ในยามนี้ หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ และผมของนางก็ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ราวกับวิ่งไปมาอยู่นาน
ฉู่หลิวเยว่ทำทีประหลาดใจ
“แม่นางฉานอี้ เหตุใดเจ้าจักมาที่นี่หรือ? นี่เจ้า…”
ฉานอี้จ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้านหน้าอย่างรำคาญใจ
แต่ในเมื่อนางผ่านโลกมาเยอะ ฉานอี้จึงเก็บสีหน้าของตนเอาไว้ได้อย่างแยบยล
นางทำความเคารพแล้วเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
“คุณหนูฉู่ บ่าวตามหาท่านหลายที่เลยเจ้าค่ะ”
หลังจากได้รับคำสั่งขององค์หญิงสาม นางจึงจำต้องออกมาเชิญใครบางคนด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้นางไปที่ชงซูเก๋อ แต่คนในชงซูเก๋อบอกว่านางไม่ได้พักอยู่บนภูเขา
จากนั้น นางก็รีบมาตามหาอีกที่นี่
แต่ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้ยินความไม่พอใจและคำตำหนิในคำพูดของนาง และถามว่า
“แม่นางฉานอี้ตามหาข้าอยู่หรือ? อีกทั้งยังดู…รีบร้อน?”
ฉานอี้พยายามดับไฟแค้นในใจ แล้วตอบว่า
“องค์หญิงสามทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินว่าคุณหนูฉู่กลับมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้บ่าวผู้นี้มาเชิญท่านเข้าวังเจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่คนเดียวที่กลับมาอย่างปลอดภัย แต่เพราะอันใดนางถึงได้รับเชิญอยู่คนเดียว แม้แต่คนโง่ยังมองออกเลย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารัวราวเข้าใจ
“ที่แท้ก็รับสั่งจากองค์หญิงสามนี่เอง ข้าต้องขอโทษจริงๆ นะ ที่ทำให้ฉานอี้ต้องวิ่งตามหาเสียไกล แต่โชคดีที่ข้ามิได้ติธุระอันใด เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ ปล่อยให้องค์หญิงสามรอนานคงไม่ดี”
ฉานอี้ผงะไปแวบหนึ่ง
แต่เดิมนางคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไป แต่คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จักตอบตกลงไปกับนางง่ายๆ เช่นนี้
แต่มันก็ช่วยประหยัดเวลาได้มาก ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนตัดสินใจ
“เชิญเจ้าค่ะ คุณหนูฉู่…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ก่อนจะหันกลับมากล่าวกับเชียงหว่านโจว
“ข้าไปไม่นาน ประเดี๋ยวจะกลับมา”
เชียงหว่านโจวพยักหน้ารับ
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามฉานอี้ไปด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้น พวกเราก็ไปกันเลยดีหรือไม่?”