ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 859 เชิญใครบางคน
ตอนที่ 859 เชิญใครบางคน
หัวใจของซั่งกวนหว่านสั่นสะท้านในบัดดล!
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้นเปรียบเสมือนเสียงฟ้าผ่า ที่ดังระเบิดใส่หูของนาง!
พลันร้อนใจลนลานอยู่ไม่เป็นสุข แล้วหันไปมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
ที่ว่ามานั่น… มันหมายความว่าอย่างใดกันแน่!?
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับเลิกคิ้วขึ้น ราวกลับไม่ได้พูดอันใดที่ดูซับซ้อน
ซั่งกวนหว่านแอบกลั้นหายใจ และพยายามสูดหายใจเข้าออกอย่างอดกลั้น
“เจ้าแค่บอกมาว่าจะให้เลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็พอ!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะ ก่อนจะตอบว่า
“ในเมื่อองค์หญิงสามต้องการ มีหรือข้าจะไม่ให้? ถวนจื่อ…”
นางหันศีรษะไปมองถวนจื่อที่เกาะอยู่บนไหล่
เจ้าตัวน้อยมันขดตัวเป็นลูกกลมๆ แล้วก็หันไปด้านข้าง พร้อมทำท่าขยะแขยง
ไม่ต้องพูดถึงว่าเลือดนี้มีค่ามากสำหรับมันมากเพียงใด แต่ถึงมันจะไม่ต้องการ มันก็จะไม่ยอมยกให้ซั่งกวนหว่านเด็ดขาด!
ฉู่หลิวเยว่พยายามเกลี้ยกล่อมมันสองสามประโยค จากนั้นถวนจื่อที่ไม่เต็มใจบริจาคโลหิตให้ ถึงยอมกลั่นไข่มุกโลหิตออกมาอีกเม็ดหนึ่ง
ดวงตาของซั่งกวนหว่านเป็นประกาย
หลังจากที่ไข่มุกโลหิตลอยมาอยู่บนฝ่ามือแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็กล่าวว่า
“องค์หญิงสาม ท่านจักเอามันไปก็ย่อมได้ แต่… ท่านต้องนำสิ่งอื่นที่มีค่าพอๆ กันมาแลก”
ซั่งกวนหว่านเย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม
ฉู่หลิวเยว่คนนี้ ชอบพูดจาวกไปวนมายิ่งนัก แต่สุดท้ายก็เพื่อหวังของตอบแทน
“แล้วเจ้าต้องการอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ข้าต้องการอันใด…ไว้ข้าจะบอกท่านพรุ่งนี้ หวังว่าเมื่อถึงเวลาแล้วองค์หญิงสามจักไม่อิดออดแล้วกัน”
ซั่งกวนหว่านขมวดคิ้วนิดๆ
“พรุ่งนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของข้า ถึงตอนนั้นข้าคงไม่มีเวลามาสนใจเจ้าเท่าไร”
พลันมีแสงวาบเข้ามาในดวงตาของฉู่หลิวเยว่
“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
ซึ่งซั่งกวนหว่านเองก็ไม่ได้สนใจ
เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะมีพิธีการที่ยิ่งใหญ่ และนางก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ เมื่อเวลานั้นมาถึง นางคงไม่เสียเวลามาสนทนากับคนระดับอย่างฉู่หลิวเยว่เป็นแน่
และนางเองก็ไม่มีอันใดต้องกังวลเช่นกัน
“เช่นนั้นข้าตกลง!”
ได้ยินเช่นนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มบางและพยักหน้า ครั้นสะบัดนิ้วของนาง ไข่มุกโลหิตก็ลอยไปทางซั่งกวนหว่าน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว… ก่อนอื่นข้าจะขออวยพรให้องค์หญิงสามมีชีวิตสมรสที่ราบรื่น และมีความสุขกับองค์ชายใหญ่เจียงตราบนานเท่านาน”
หลังจากพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็หันหลังกลับแล้วเดินออกไปทันที
ซั่งกวนหว่านคว้าไข่มุกโลหิตอย่างรวดเร็ว แล้วกลืนมันลงไปอย่างไม่รีรอ!
ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่ามีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ในอกของนาง!
ซั่งกวนหว่านถอดหน้ากากออกอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกคันและชาแพร่กระจายออกมาจากบาดแผลบนใบหน้าของนาง!
ร่างกายทั้งหมดดูเหมือนจะถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟ ทั้งร้อนผ่าวและเจ็บปวด!
ซั่งกวนหว่านกัดฟันแน่นและฝืนทนกับความทรมานเหล่านั้น!
ขอเพียงแค่กลับมางดงามดังเดิมได้… ต่อให้เจ็บแค่ไหนนางก็ทนไหว!
…
ฉู่หลิวเยว่ออกจากตำหนักชิงเฟิง พลางเดินไปตามทางอย่างสบายใจ
ถวนจื่อกลับเข้าไปสถิตในกายของนางแล้ว
“แสดงได้ไม่เลวเลยนะ”
ฉู่หลิวเยว่ชมเชยมันในใจ
ถวนจื่อกางปีกออกอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของมัน ฉู่หลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
นางมองย้อนกลับไป จากตรงนี้นางมองเห็นเพียงชายคาสูงที่ลู่ไปตามลมของตำหนักเท่านั้น
ตอนนี้ซั่งกวนหว่านคงกำลังกลืนกิน “เลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์” อย่างรีบร้อนแน่ๆ เลยใช่หรือไม่?
ไม่รู้ว่าซั่งกวนหว่านจะพอใจกับของขวัญชิ้นเล็กๆ นี่หรือไม่
ร่างเล็กชะงักฝีเท้าหยุดยืนอยู่กับที่พักหนึ่ง ก่อนจะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อผ่านทางแยก ฉู่หลิวเยว่ก็หมุนปลายเท้าและเดินไปอีกทาง
จนคนรับใช้ในวังที่เดินตามนางด้านหลัง รีบโพล่งขึ้นว่า
“คุณหนูฉู่! ท่านไปทางนั้นมิได้เจ้าค่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่หยุดฝีเท้า พลันทำท่าทีตระหนกขึ้นมาได้
“ข้าเหม่อนิดหน่อย สงสัยมาผิดทางแล้วกระมัง”
ขณะพูด นางก็หันกลับและเดินไปอีกทาง
คนรับใช้หัวเราะเบาๆ
“ท่านไม่ค่อยได้เข้าวัง จึงเป็นเรื่องปกติหากท่านไม่รู้ทาง แต่ต่อจากนี้ท่านควรระมัดระวัง และอย่าหลงไปทางนั้นเด็ดขาดนะเจ้าคะ!”
ข่าวที่ฉู่หลิวเยว่มาพระราชวังเพื่อถวายยาและช่วยรักษาอาการของฝ่าบาท แพร่กระจายออกไปทั่ววังอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนคาดเดาว่าหากไม่มีอันใดผิดพลาด ในอนาคตสถานะของคนๆ นี้ จักต้องก้าวไกลอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามฉอเลาะกับนางเข้าไว้
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะและพลั้งปากถามไป
“โอ้ เพราะอันใดหรือ?”
สาวใช้แสดงสีหน้าสับสน แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ลดเสียงลงแล้วกระซิบว่า
“ที่นั่นเป็นห้องโถงบรรพชนของราชวงศ์เจ้าค่ะ มันถูกเผาไปเมื่อสองปีที่แล้ว และตอนนี้เพิ่งได้รับการซ่อมแซม สามัญชนทั่วไปไม่สามารถไปที่นั่นได้เจ้าค่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เข้าใจแล้ว… ขอบคุณเจ้ามาก”
สาวใช้ปลื้มปริ่มมากจนพูดไม่ออก ระหว่างทาง พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับกฎต่างๆ ในวัง และซุบซิบพูดคุยกันบ้างบางครา
ฉู่หลิวเยว่แอบฟังที่พวกเขาคุยกัน และค่อยๆ พบว่า ดูเหมือนซั่งกวนหว่านจะกังวลมากเกี่ยวกับห้องโถงบรรพบุรุษที่ถูกไฟไหม้มาก
และบางทีอาจจะเข้มงวดมากกว่าเรื่องความปลอดภัยของบิดาเสียอีก
ทว่าในตอนนั้นนางเผาห้องโถงทั้งหมดไปแล้ว จนไม่เหลือหลักฐานใดๆ
ตกลงแล้ว ซั่งกวนหว่านหวาดกลัวอันใดอยู่กันแน่?
…
หลังจากที่เจียงอวี่เฉิงออกมาจากพระราชวัง เขาก็ตรงดิ่งกลับไปยังจวนตระกูลเจียงทันที
แต่จนถึงเวลานี้ ความโกรธในใจของเขายังไม่หายไป
เมื่อเขานึกถึงรูปลักษณ์ที่ไร้เหตุผลและก้าวร้าวของซั่งกวนหว่าน ก็พลันกระสับกระส่ายระคนอารมณ์เสีย
แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยู่ไม่สุขมากกว่าเดิมก็คือ ท่าทางของฉู่หลิวเยว่ตอนที่พวกเขาสองคนโต้เถียงกัน สีหน้าของนางในตอนนั้นดูเฉยเมยต่อทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง
นางทำตัวเหมือนคนนอก ที่ยืนดูฉากที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองอย่างใจเย็น
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่ได้มองมาที่เขาเลย และสีหน้าของนางก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
เจียงอวี่เฉิงกุมหน้าอกของตน
ไม่รู้เพราะอันใด แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ก็พลันรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาหลับตาลงราวกับตัดสินใจแล้ว และหันไปพูดกับซุนฉีที่เดินตามหลังว่า
“จงไปเชิญฉู่หลิวเยว่ให้ไปยังเรือนฉินที่อยู่ในสวนซินหลี่”
ซุนฉีตกตะลึง
“คุณชายใหญ่ นี่ท่าน…”
พรุ่งนี้ท่านจะแต่งงานกับองค์หญิงสามแล้วนะ!
และยามนี้จะยังให้เขาไปเชิญฉู่หลิวเยว่อีกเหตุใด!?
แถมยัง…ต้องที่เรือนฉินในสวนเทพเนรมิตอีก!
เจียงอวี่เฉิงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
ซุนฉีจึงรีบตอบรับทันที
“จะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”