ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 861 ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า
ตอนที่ 861 ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า
หัวใจของซั่งกวนหว่านเต้นเร็วระรัวจนได้ยินเสียงที่ดังออกมา
นางสอดส่องมองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบกล่องไม้ออกมาอย่างระมัดระวัง
แม้แต่เจียงอวี่เฉิงก็ยังไม่เคยคิดว่า วันใดวันหนึ่งซั่งกวนหว่านจะค้นพบส่วนสำคัญในห้องทรงงานของเขาเข้าเสียแล้ว
แต่นางก็ไม่เคยทำอันใดแบบนี้มาก่อน
เพราะนางรู้ว่าถ้าเจียงอวี่เฉิงรู้เข้า เขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
แต่ในคราวนี้นางกลับอยากรู้อยากเห็นเอามากๆ!
ซั่งกวนหว่านมองไปที่กล่องไม้ที่อยู่ในมือของตนอย่างละเอียด
กล่องไม้นี้ทำจากไม้กฤษณาซึ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ ผิวเคลือบเรียบเนียนประดับด้วยลวดลายที่ประณีตละเอียดอ่อน ดูหรูหรางดงามยิ่งนัก
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด กลอนด้านบนนี้กลับไม่ได้ถูกล็อคไว้
ซั่งกวนหว่านคิดว่า น่าจะเป็นเพราะวันนั้นเขาอาจจะรีบเก็บเจ้าสิ่งนี้เร็วเกินไป เขาจึงลืมล็อคมัน
นางกลั้นหายใจ พลางค่อยๆ เปิดกล่องไม้ออก
มีม้วนภาพซ่อนอยู่ข้างในจริงๆ ด้วย!
ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ ซั่งกวนหว่านกลับรู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมฝ่ามือ
นางมีลางสังหรณ์ในใจว่าความลับของเจียงอวี่เฉิง อาจถูกซ่อนอยู่ในม้วนภาพม้วนนี้…
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หยิบม้วนภาพนั้นออกมา
เจ้าสิ่งนี้ดูเก่าราวผ่านกาลเวลามาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้ามม้วนหรือกระดาษ ก็ล้วนดูเก่าไปเสียหมด
แต่ทว่ามันกลับถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่ามันมีค่าต่อเจ้าของมากเพียงใด
ซั่งกวนหว่านค่อยๆ คลี่ม้วนภาพวาดนั้นออก และจ้องมองมันด้วยตาไม่กะพริบ
และเมื่อนางเห็นรายละเอียดที่อยู่ในนั้น ซั่งกวนหว่านก็เบิกตากว้าง!
บนภาพวาดนั่น เป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดของราชวงศ์
นางกำลังยืนอยู่ริมทะเลสาบ และนางไม่รู้ว่าได้ยินอันใด นางจึงหันไปมองอีกทางด้วยรอยยิ้มสวยหวานหยาดเยิ้ม
นางมีริมฝีปากแดงระเรื่อดุจดั่งผลเชอร์รี่ และผิวที่ขาวราวกับหิมะ แววตาอันสดใสรวมทั้งเครื่องแต่งกายของนาง ขลับให้รัศมีของนางดูสูงส่งยิ่งนัก แต่รอยยิ้มที่สดใสและรูปร่างหน้าตาอันเจ้าเล่ห์นี้ กลับสามารถทำให้คนมองรู้สึกใจเต้นระรัวได้ทุกครา
อาจกล่าวได้ว่าความงามของนางนั้นเจิดจรัสดั่งดวงจันทร์ ท่าทีที่เยือกเย็นสูงส่งสง่างามเกินจะเอื้อมถึง และรอยยิ้มที่เปรียบเสมือนแสงไฟในยามราตรี ความงามของนางนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกราวกำลังยื่นมือออกไปโอบกอดดวงจันทร์ก็มิปาน
งดงามกระทั่งผืนฟ้าและพสุธายังต้องเหลียวมอง
สรุปแล้วก็เป็นรูปวาดนี่เอง
อย่างใดก็ตาม สิ่งที่ทำให้ซั่งกวนหว่านตกใจ ไม่ใช่การที่เจียงอวี่เฉิงเก็บภาพเหมือนของผู้หญิงไว้เช่นนี้ แต่เพราะ…ผู้หญิงในภาพนี้คือ ซั่งกวนเยว่!
ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นที่เคยสูงส่งและดูเหมือนจะไม่ไม่มีวันเอื้อมได้ถึง แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลับเลือกที่จะจุดไฟเผาตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว และจมลงสู่ก้นบึ้งแห่งความตาย!
“ตุบ” ภาพวาดผืนนั้น หล่นลงมาจากมือของซั่งกวนหว่าน
แต่หญิงสาวบนภาพวาดนั้นกลับยังคงยิ้มละมุนไม่คลาย
เสมือนสีสันของสวรรค์และโลกล้วนมุ่งไปที่คนๆ นี้ ผู้ที่สูงส่งไม่มีสิ่งใดมาเทียบเทียมได้
ทันใดนั้น ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ! ภายในหัวของซั่งกวนหว่านพลันว่างเปล่า!
มือของนางสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ ทั่วเรือนร่างของนางเกร็งแน่น ราวกับว่าตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ความเย็นยะเยือกคืบคลานเข้ามาจากภายในสู่ภายนอก จากบนลงล่าง และแผ่ขยายความหนาวเหน็บไปถึงกระดูก!
นางเดินโซซัดโซเซ ก่อนจะชนเข้ากับเก้าอี้จนเกือบล้มลงกับพื้น
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ซั่งกวนหว่านพึมพำเบาๆ โดยไม่รู้ว่านางกำลังอธิบายหรือพยายามที่จะพูดเกลี้ยกล่อมใคร
นั่นคือซั่งกวนเยว่…
นั่นมันซั่งกวนเยว่ชัดๆ!
นางรู้ว่าครั้งหนึ่งเจียงอวี่เฉิงเคยชอบพอซั่งกวนเยว่ แต่นั่นมันเป็นเพียงอดีตไปแล้วไม่ใช่หรือ! ?
เป็นเขาที่เป็นคนวางยานางกับเขา และเป็นเขาที่เป็นเป็นคนพาตัวนางไปยังโถงบรรพชนด้วยตัวเอง
และก็เป็นเขา…ที่ลงมือทำสิ่งเหล่านี้กับซั่งกวนเยว่ด้วยตัวเอง! จนนางถูกไล่ต้อนให้ถึงแก่ความตาย!
แต่ถ้าหากเขายังคงมีความอาลัยและหวงแหนซั่งกวนเยว่อยู่ เหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้นกันเล่า! ?
หรือเพราะการทำแบบนั้น จะทำให้ซั่งกวนหว่านเชื่อว่าเจียงอวี่เฉิงไม่ได้มีความรู้สึกอันใดต่อซั่งกวนเยว่อีกแล้ว
ทว่าตอนนี้ นางตระหนักได้แล้วว่า ความจริงสิ่งที่นางคิดมาตลอดนั้นผิดมหันต์!
สีหน้าของซั่งกวนหว่านซีดเผือดราวกับผี ดวงตาสองข้างไร้ซึ่งชีวิตชีวา หัวใจของนางเจ็บช้ำราวกับถูกบีบแน่น! มันเจ็บจนแทบจะขาดใจ!
แต่ทันใดนั้นนางก็รีบตั้งสติ แล้วรีบหยิบภาพวาดขึ้นมา พลางขบกัดริมฝีปากแล้วมองดูอย่างละเอียดอีกครา
ซั่งกวนเยว่ในภาพนี้ยังคงดูอ่อนเยาว์อยู่ ดูแล้วอายุน่าจะราวๆ สิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้น
หัวใจของซั่งกวนหว่านเต้นผิดจังหวะไปแวบหนึ่ง!
นางนึกออกแล้ว!
เครื่องแต่งกายชาววังแบบนี้ เป็นชุดที่ซั่งกวนเยว่สวมเมื่อนางอายุสิบสี่ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยปักปิ่นของนาง!
นางเกิดมาเพื่อได้เป็นจักรพรรดินี ดังนั้นพิธีปักปิ่นจึงต้องยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา
ซั่งกวนหว่านยังจำได้ชัดเจนว่า วันนั้นมีคนมาที่วังเป็นจำนวนมาก
ทุกคนต่างยิ้มและชื่นชมซั่งกวนเยว่
ซั่งกวนเยว่ที่เพิ่งเข้าสู่วัยปักปิ่นนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างจากสาววัยแรกแย้มคนหนึ่ง แต่นางกลับได้รับความชื่นชมรมชอบจากผู้คนนับไม่ถ้วนแล้ว
บางคนเกิดมาในฐานะบุตรแห่งสวรรค์อันน่าภาคภมิใจ และดึงดูดสายตาผู้คน!
ดังเช่นการมีอยู่ของซั่งกวนเยว่ผู้นี้!
แต่เหตุใดเจียงอวี่เฉิงถึงมีภาพวาดแบบนี้ได้ล่ะ?
ซั่งกวนหว่านเบนสายตามองไปอีกทางเล็กน้อย ก่อนจะเห็นข้อความที่จารึกอยู่ด้านล่างของภาพ
มันเป็นตัวอักษรขนาดเล็กหนึ่งแถว
“ราชวงศ์หยวน วันที่สิบ เดือนแปด ปีสามสิบเอ็ด ข้ามีความสุขที่ได้พบเยว่ ใจข้าลอยไปหาแต่เจ้า”
เจียงอวี่เฉิงทำสิ่งนี้ขึ้นมาในวันนั้น!
และจนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว!
ซั่งกวนหว่านจ้องเขม็งไปที่ข้อความบรรทัดนั้น ราวกับว่าอยากจะเผามันเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
มือของนางกำด้ามม้วนไว้แน่นจนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
หากไม่ใช่เพราะสติที่เปรียบดั่งฟางเส้นสุดท้ายยังคงหลงเหลืออยู่ นางคงจะฉีกภาพวาดนี้ให้ขาดเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว!
แบบนี้เอง…
เป็นแบบนี้นี่เอง!
ผ่านมานานนับหลายปี ตั้งแต่ต้นจนจบ เจียงอวี่เฉิงนั้นชอบซั่งกวนเยว่แค่เพียงคนเดียวมาโดยตลอด!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความคิดถึงที่อยู่ภายในใจของเขา แล้วจะเก็บซ่อนภาพวาดเช่นนี้ด้วยความทะนุถนอม ระมัดระวังไปเหตุใดกัน !
สำหรับซั่งกวนหว่านแล้ว หากมองในแง่ดีมันก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่ง!
“หึ!”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาวางแผนออกอุบายให้แก่นาง และเขาก็ยังเชื่อฟังนาง ว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด
นางคิดมาตลอดว่า เจียงอวี่เฉิงให้ความสำคัญกับนางต่างจากคนอื่น
แต่สุดท้ายนางก็ตระหนักได้ว่า สำหรับเจียงอวี่เฉิงแล้ว นางไม่มีค่าอันใดเลย!
นางโยนภาพวาดนั้นลงบนโต๊ะ พลางยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้า นางทั้งร้องไห้และหัวเราะออกมา เหมือนแทบจะบ้าไปแล้ว
เมื่อครู่ก่อนนางยังคิดที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างเรา แม้ว่านางจะต้องเป็นฝ่ายที่จะยอมจำนนก่อนก็ไม่เป็นไร นางเต็มใจ
ตราบใดที่พวกเราคืนดีกันได้ ตราบใดที่งานอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ตราบใดที่หลังจากนี้ทุกอย่างที่เตรียมไว้จะออกมาดีดั่งที่วาดฝัน…
แต่จู่ๆ ซั่งกวนหว่านก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก ไม่นานใบหน้าของนางก็ซีดลง และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
ลมหายใจของนางอ่อนลงอย่างรวดเร็ว พลันล้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้
เมื่อเวรยามด้านนอกได้ยินความเคลื่อนไหวนั้น พวกเขาก็พากันเคาะประตูด้วยความกังวล และถามเสียงเบา
“องค์หญิง ท่านเป็นอันใดหรือเปล่า?”
ในหัวของซั่งกวนหว่านรู้สึกสับสนไปหมด
นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบเก็บภาพนั้นโดยทันที นางนำมันกลับไปวางคืนที่เดิม จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก แล้วถามทีละคำว่า
“ตอนนี้เขา…อยู่ที่ใด?”
…
ณ สวนซินหลี่ เรือนฉิน
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้มาถึงที่นี่ สายตาของนางก็มองไปยังเจียงอวี่เฉิงที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบ
เขาสวมชุดสีเขียว ยืนเอามือไพล่หลังขณะมองไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า ราวกับว่ากำลังเหม่อลอย และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
ทว่าพอได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันกลับมามอง
เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ สายตาของเขาที่จ้องมองมา ก็อ่อนโยนลงไปมาก
แววตาของฉู่หลิวเยว่สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไป
“คุณชายใหญ่ ท่านตามหาข้าเหตุใดหรือ?””
เจียงอวี่เฉิงจ้องมองนาง พร้อมคลื่นอารมณ์ที่วูบไหวอยู่ภายในดวงตาของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า
“ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า”