ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 874 พูดจาว่าร้าย
ตอนที่ 874 พูดจาว่าร้าย
ภาพสถานการณ์ในตอนนี้นั้นช่างน่าขันสิ้นดี
เห็นได้ชัดว่าซั่งกวนหว่านเป็นถึงรัชทายาทที่มีสายเลือดของราชวงศ์ แต่ตอนนี้นางกลับกำลังตำหนิฉู่หลิวเยว่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเรียกร้องให้อีกฝ่ายคืนคทาให้ตัวเอง!
พูดไปก็จะมีแต่คนหัวเราะกันให้ทั่ว!
ฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่งและเชิดคางขึ้น
“องค์หญิงสาม ข้าไม่ได้คิดจะเอาคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งมาเป็นของตัวเอง แล้วจะใช้คำว่า ‘คืน’ ได้อย่างใด? ถ้าท่านอยากได้มันคืน เช่นนั้นท่านก็มาเอามันกลับไปเองมิได้หรือ?”
ซั่งกวนหว่านแทบสำลัก ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ถ้ามันง่ายอย่างที่ฉู่หลิวเยว่พูดจริงๆ นางจะมายืนปวดหัวอยู่แบบนี้หรือ?
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนั้นค่อนข้างชั่วร้าย มันปฏิเสธนางตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส และพอนางขอให้ผู้อาวุโสช่วยเมื่อครู่ นางก็ถูกพลังของมันเหวี่ยงออกไปทันที และตกลงมาจากบันไดเก้าขั้นต่อหน้าทุกคน!
ส่งผลให้ตอนนี้ นางไม่กล้าลองทำอันใดอีกแล้ว
นางไม่กล้าคิดเลยว่า ถ้าเกิดผลลัพธ์แบบเดิมขึ้นเป็นครั้งที่สอง… สภาพที่ออกมานั้นจะอนาถเพียงใด!
แต่ถ้านางไม่ทำอันใดเลย แล้วคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ยอมกลับมาจริงๆ ล่ะ?
ยามนี้มันยังคงลอยอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่เงียบๆ ราวกับว่ามันกลายเป็นของติดตัวของนางไปแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงผลักนางเบาๆ
“หว่านเออร์ เจ้าเป็นสายเลือดราชวงศ์ ไม่ว่าคทาจะเป็นเช่นไร มันก็ไม่ควรทำอันใดเจ้า เจ้าก็แค่ต้องไปเชิญมันกลับมาด้วยตัวเอง”
ซั่งกวนหว่านหันศีรษะไปมองเขาทันที
จะไม่ทำอันใดนางอย่างนั้นหรือ?
นางโดนเล่นงานขนาดนั้นแล้ว เขายังมองไม่เห็นอีกหรือไร!?
มันเหมือนกับว่านางเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง!
ซึ่งหากล้มเหลวอีก… นางคงแบกหน้าสู้ต่อไปไม่ไหวแน่ๆ!
ทว่าเจียงอวี่เฉิงกลับดูแน่วแน่มาก
เพราะเรื่องนี้นอกจากซั่งกวนหว่านแล้ว จะมีใครทำได้อีก?
ผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ มีหน้าที่ปกป้องตำหนักหลางคุนและควบคุมค่ายกลที่อยู่บนหินนิลทมิฬ
แต่พวกเขาก็ได้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า พวกเขาควบคุมคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ได้!
แต่แล้วพวกเขาจะคอยยืนดูเฉยๆ เช่นนี้หรือ?
ซั่งกวนหว่านกัดฟันแน่น โดยไม่สามารถแย้งเจียงอวี่เฉิงได้ และทำได้เพียงก้าวเท้าไปข้างหน้า
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่คทา และพยายามปรับเสียงให้ฟังดูจริงจังมากขึ้น
“ข้าน้อยซั่งกวนหว่าน ขอเชิญคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งกลับไปยังที่สถิตเดิม ณ บัดนี้!”
ทว่าครั้นสิ้นสุรเสียง คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ราวกับไม่มีการตอบสนอง
แต่มันมีสติปัญญาระดับหนึ่ง ฉะนั้นการเงียบของมัน จึงไม่ได้แปลว่ามันไม่เข้าใจสิ่งที่ซั่งกวนหว่านพูด
และผลลัพธ์เช่นนี้ ก็กลายเป็นเรื่องตลกในทันที
ประชาชนทั้งหมดต่างเงียบเสียงลง พร้อมสีหน้าที่ต่างกันออกไป
นางถูกคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเมินใส่ แถมยังทำเป็นหูหนวกใส่อีกด้วย…
หลังจากผ่านไปหลายปี ดูเหมือนจะมีแค่ซั่งกวนหว่านคนเดียว ที่โดนแบบนี้ใช่หรือไม่?
ท่ามกลางความเงียบที่แสนน่าอับอาย แม้แต่อากาศรอบตัวก็ยังดูอึดอัดเหลือคณา
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับมีซีดเซียวอีกครั้ง ร่างกายของนางสั่นไหวเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางโกรธหนัก หรือเพราะละอายใจสุดขีดกันแน่
แต่รวมๆ แล้วก็คือ ตอนนี้ซั่งกวนหว่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อับอายขายขี้หน้ามันเป็นอย่างใด!
และทันใดนั้น เสียงของฉู่หลิวเยว่ก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ
“นี่ องค์หญิงสามเชิญเจ้ากลับไปแน่ะ”
นี่คือคำพูดที่ฉู่หลิวเยว่ใช้พูดกับคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง
ถึงแม้ว่านางอยากจะคว้าคทานั้นมาไว้ในมือมากแค่ไหน แต่ในเวลาแบบนี้… คงดูไม่เหมาะสมนัก…
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งฟังคำพูดของนาง และในที่สุดมันก็เคลื่อนไหว
แสงเรืองแสงรอบๆ ตัวมัน กะพริบขึ้นเป็นจังหวะ ราวกับว่ามันกำลังหายใจ
ก่อนจะลอยไปอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่ แล้วทิ้งตัวลงกระแทกพื้นอย่างแรง!
เคร้ง!
ปลายคทาตกลงบนพื้นหยกสีขาว จนเกิดเสียงกระทบเบาๆ
มันทิ้งตัวตั้งตรงอยู่ข้างๆ ขาของฉู่หลิวเยว่ และห่างออกไปเพียงหนึ่งกำปั้น ตราบใดที่ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกไป นางก็สามารถคว้ามันไว้ในมือได้ทันที!
ฉู่หลิวเยว่หลุบตามอง มุมตาของนางกระตุกสองสามที
นี่ยัง… เล่นใหญ่ไม่พออีกหรือ?
และดูเหมือนว่า การที่มันทำเช่นนี้ จักทำให้ผู้คนตกใจยิ่งกว่าการที่นางจับมันเสียอีก!
…
มันไม่มีอันใดน่าอายไปมากกว่านี้อีกแล้ว
การตอบสนองของคทาที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ ทำเอาฝูงชนทนมองต่อไปไม่ได้กันเลยทีเดียว!
ฝ่ายซั่งกวนหว่านลั่นวาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพื่อขอให้คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งกลับไป แต่มันกลับเมินเฉย
ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็แค่เกลี้ยกล่อมให้มันกลับไปด้วยคำพูดธรรมดาๆ แต่คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งกลับเลือกที่จะอยู่กับนาง!
ทุกคนล้วนมองออกว่า นี่คือเจตจำนงของคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งที่เลือกจะอยู่กับฉู่หลิวเยว่!
ในจัตุรัสกว้าง มีสตรีงามสองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากัน ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาดนี่
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ซั่งกวนหว่านจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
ไม่ใช่สิ!
มันต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่ๆ!
ในเมื่อมีผู้คนมากมายเช่นนี้ แต่เหตุใดคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งถึงเลือกฉู่หลิวเยว่!?
ถ้าบอกว่านางไม่ได้ทำอันใด ให้ตายซั่งกวนหว่านก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!
“ฉู่หลิวเยว่! นี่เจ้าคิดจักทำการใดกันแน่? คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์! ถึงเจ้าแค่อยากจะลองภูมิข้า แต่เจ้าก็ควรจะมีสติสัมปชัญญะมากกว่านี้!”
ซั่งกวนหว่านกำหมัดแน่นและดุเสียงดัง!
“เมื่อก่อนเจ้าก็ชิงอสูรศักดิ์สิทธิ์ของข้าไป แล้วตอนนี้เจ้าก็อยากได้คทาที่องค์ไท่จู่ บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของข้าทิ้งไว้ให้อีกหรือ! เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนก็ล้วนตะลึง
นี่ซั่งกวนหว่านกำลังพูดถึงอันใดกัน?
ชิงอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?
มันเกิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างใด?
จากที่ฟังดูแล้ว… มันหมายความว่า ฉู่หลิวเยว่ขโมยอสูรศักดิ์สิทธิ์ของนางไปหรือ?
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันเคร่งขรึมขั้นมาทันตา นางมองไปที่ซั่งกวนหว่านและแสยะยิ้มเบาๆ พร้อมประกายแสงเย็นวาบในดวงตาของนาง
“องค์หญิงสามหมายความว่าอย่างใดหรือ ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย?”
ซั่งกวนหว่านหัวเราะเยาะ
“ย้อนกลับไปตอนที่ข้าเดินทางไปยังแดนภังคะเพื่อหาวัตถุดิบยาให้ท่านพ่อ ในป่าหมอกปีศาจ ข้าบังเอิญพบกับสัตว์อสูร ที่กำลังทะลวงขั้นพลังปราณเพื่อเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายที่ด้านนอกรังของมันมีค่ายกลปกคลุมอยู่ และยังมีผู้พิทักษ์คอยคุ้มกันอีกต่างหาก ดังนั้นข้าจึงเข้าไปใกล้ไม่ได้! แต่ในตอนที่ข้ากำลังต่อสู้กับชายผู้นั้น เจ้าก็ฉวยโอกาสเข้าไปข้างในค่ายกล และทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตอนที่มันกำลังทุกข์ทรมานจากทัณฑ์สวรรค์! มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์นั้น เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ?”
“เจ้าขโมยอสูรศักดิ์สิทธิ์ไป แต่ข้าคิดว่าเจ้าจะแบ่งเลือดของมันให้ข้าใช้เพื่อรักษาพ่อ ดังนั้นข้าจึงไม่คิดเอาความ แน่นอนว่าการทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ ย่อมเป็นเพราะทักษะของเจ้า! แต่ครั้งนี้ หากเจ้ายังใช้เล่ห์เพทุบายชิงคทาไปจากข้าล่ะก็ ข้าจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด!”
ทุกคนล้วนตกอยู่ในความโกลาหล
พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ได้ทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมีตื้นลึกหนาบางเพียงนี้?
หากที่ซั่งกวนหว่านพูดมานั้นเป็นความจริง เช่นนั้นสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่ทำมาทั้งหมด… ก็ไม่ต่างการหลอกลวงครั้งใหญ่เลย…
เมื่อเห็นว่าคนรอบข้างเหมือนจะค่อยๆ เอนเอียงมาทางนาง ในที่สุดซั่งกวนหว่านก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากครอบครัวที่ต่ำต้อย และเจ้าจะรู้สึกโลภมากเมื่อเห็นสิ่งมีค่าเช่นนี้ทุกคราไม่ได้ หากเจ้าต้องการอันใด เมื่อก่อนข้าก็พยายามหามันมาให้เจ้า แต่แม้ว่าข้าจะยกอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ให้เจ้าแล้ว! เจ้าก็ยังไม่พอใจ!”
“ถ้าเจ้าอยากได้อันใด ก็ต้องใช้วิธีที่สุจริตสิ! ถึงจะใช้ความคิดต่ำๆ แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้ได้มันมา มันก็ไม่ใช่ของเจ้าจริงๆ หรอก! หรือว่าเจ้า… จะไม่ยอมลดละความโลภลงเลยหรือ!?”
ซั่งกวนหว่านเชื่อว่าฉู่หลิวเยว่ใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง เพื่อทำให้คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งคลั่งไคล้ตน ดังนั้นนางจึงเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย!
เมื่อคนรอบข้างได้ยินเช่นนั้น หลายคนก็สงสัย
ใช่แล้ว!
ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะเก่งกล้าสามารถเพียงใด แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งจะบินไปหานาง โดยไร้เหตุผล!
หรือว่า นางจะแอบทำอันใดลับๆ ล่อๆ ไว้จริงๆ?