ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 875 การเดิมพัน
ตอนที่ 875 การเดิมพัน
ฉู่หลิวเยว่อดทนฟังจนจบ
แต่นางไม่แม้จะเผยใบหน้าที่แสดงถึงความรู้สึกละอายจากการถูกกล่าวหานี้เลย อีกทั้งยังยิ้มให้อีกฝ่ายกลับด้วย
นางยังไม่ทันได้จะพูดคำพูดเหล่านี้กับซั่งกวนหว่าน แต่อีกแต่ฝ่ายกลับหาเรื่องเสียแล้ว
ความสามารถในการพลิกแพลงถูกผิดนี้ ไม่มีที่ติเลยแม้แต่น้อย
“เหมือนว่าในสายตาขององค์หญิงสามนั้น ข้าคงจะเป็นคนที่มีฝีมือมากกว่าผู้อื่นสินะ และไม่เพียงจะสามารถทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกเมื่อแล้ว แต่ข้ายังสามารถควบคุมคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งได้อีก”
นางเผยคำพูดออกมาอย่างเย็นชา พลันยกยิ้มมุมปาก
“ในเมื่อองค์หญิงสามให้เกียรติข้าถึงเพียงนี้ หากข้าไม่ทำอันใดสักอย่าง มันคงเป็นการ “เสียน้ำใจ” ต่อองค์หญิงสามเกินไปหน่อยกระมัง?”
ทีแรกนั้นซั่งกวนหว่านค่อนข้างพอใจอย่างมาก นางคิดว่าตนได้เปรียบและสามารถทำให้ฉู่หลิวเยว่ยอมแพ้ได้
แต่เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนั้นแล้ว นางกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นี้ บ่งบอกว่านางกำลังเหยียดหยามคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ใช่หรือ?
“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”
“ผู้อาวุโสเฉินเค่อ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะรบกวนถามท่าน”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจวาจาของซั่งกวนหว่านที่ลั่นออกมา นางหันไปหาผู้อาวุโสเฉินเค่อที่อยู่ข้างๆ แทน
“อะ…อันใด?”
ผู้อาวุโสเฉินเค่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าจู่ๆ ฉู่หลิวเยว่จะมาพูดคุยกับเขา
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองไปยังคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งที่อยู่ใกล้มือของตัวเอง ริมฝีปากสีแดงเม้มประกบกันเล็กน้อย ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอันสุดแสนจะลึกล้ำ
“เป็นไปตามที่องค์หญิงสามได้กล่าว คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งล้ำค่าแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง ซึ่งได้ร่ำลือกันว่า ใครก็ตามที่สามารถถือคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนี้ได้ จะสามารถสืบทอดบัลลังก์ได้อย่างราบรื่น เช่นนั้น… หากข้าทำได้ล่ะ?”
ผู้อาวุโสเฉินเค่อตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ!
ฉู่หลิวเยว่บ้าไปแล้วแน่ๆ!
นางรู้หรือไม่ว่านางกำลังพูดถึงอันใด! ?
หยิบคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งขึ้นมา… นี่นางคิดจะแย่งชิงบัลลังก์ซึ่งๆ หน้าเลยหรือ?
“ไม่มีทาง!”
ผู้อาวุโสเฉินเค่อยังไม่ทันได้ตอบกลับนาง ซั่งกวนหว่านก็ปฏิเสธในทันที
“ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดทำให้คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเสียการควบคุมไปชั่วขณะ แต่เจ้าไม่มีทางหยิบมันขึ้นมาได้แน่นอน และยิ่งเป็นไปไม่เลยที่เจ้าจะได้รับการยอมรับจากมัน!”
ซั่งกวนหว่านกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม
เนื่องจากเดิมทีคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเป็นสิ่งที่องค์ไท่จู่นั้นได้ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ตั้งแต่อดีตกาลจนปัจจุบัน มีเพียงคนที่มีสายเลือดของราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าใกล้และได้รับการยอมรับจากคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง!
ต้นตระกูลของฉู่หลิวเยว่เป็นเช่นไร เหตุใดนางจึงมีความคิดเช่นนี้ได้?
เพ้อเจ้อสิ้นดี!
“โอ? เช่นนั้น…พวกเรามาลองเดิมพันกันดีหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้รู้สึกรำคาญอันใด เพียงแค่ยักไหล่เบาๆ
จู่ๆ ซั่งกวนหว่านก็ตื่นตัวขึ้น
“เดิมพันอันใด?”
“ถ้าหากข้าสามารถหยิบคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนี้ได้ และได้รับการยอมรับจากมัน เช่นนั้น…”
“เจ้าหยุดเพ้อเจ้อเสียที!”
ซั่งกวนหว่านขัดจังหวะคำพูดของนางในทันที
“ฉู่หลิวเยว่ ดูจากต้นตระกูลของเจ้าแล้ว เจ้ายังคิดว่าตัวเองมีอันใดเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เทียนลิ่งของข้าด้วยหรือ! เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!”
เมื่อใดก็ตามที่ฉู่หลิวเยว่กล้าพูดว่านางจะต่อสู้เพื่อครองบัลลังก์ด้วยเจ้าสิ่งนี้แล้ว นางจะส่งคนไปควบคุมตัวฉู่หลิวเยว่ในทันที และลงโทษข้อหาก่อกบฏด้วยโทษประหารชีวิต!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“เหตุใดองค์หญิงสามจึงรีบร้อนนัก ข้ายังพูดไม่จบเลย สิ่งที่ข้าอยากจะเดิมพันก็คือ ถ้าหากข้าทำมันได้ เช่นนั้น ข้าอยากจะขอองค์หญิงสามตรวจสอบเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่อีกครั้ง!”
ราวกับพื้นที่เหยียบอยู่กำลังสั่นคลอน!
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นี้เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงพื้น และดังสะเทือนเข้าไปในกกหูและหัวใจของทุกคน!
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ มองนางด้วยความเหลือเชื่อ
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งพูดอันใดออกมากัน อยากจะตรวจสอบการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่อีกครั้งหรือ?
นี่มันหมายความว่าอย่างใด?
ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝึกตนอย่างบ้าคลั่ง จนธาตุไฟเข้าแทรกแล้วสิ้นพระชนม์หรอกหรือ? หากตรวจสอบอีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าในตอนนั้น จะมีเงื่อนงำอันใดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่แอบแฝงอยู่?
อันที่จริงแล้ว มีน้อยคนนักที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พวกเขาได้หยุดการตรวจสอบด้วยเหตุผลบางอย่าง
และการพูดถึงก็ค่อยๆ ลดน้อยลง จนกระทั่งไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องนี้อีก
และบางคนไม่รู้ว่าเหตุใดทุกเรื่องราวขององค์หญิงใหญ่ จำต้องถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
จากสตรีที่เคยสดใสพร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่เหนือเมฆ กระทั่งในที่สุดก็ร่วงหล่นลงมาราวกับดาวตกจากฟากฟ้า กลับเข้าสู่ความเงียบสงัด ไร้ซึ่งข่าวคราวจนกระทั่งเรื่องราวค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด น้อยคนนักที่จะพูดถึงมันอีก
เมื่อครู่นี้ที่ฉู่หลิวเยว่กล่าวว่านางต้องการเดิมพัน หลายคนต่างก็พากันเดาว่านางจะเดิมพันเรื่องอันใด
พวกเขาพากันเดาไปต่างๆ นาๆ แต่ก็คิดไม่ถึงนางขอจะเรื่องนี้!
ซั่งกวนหว่านเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ในครู่หนึ่งนั้น นางแทบจะคิดว่านางคงหูฝาดไป
“จะ… เจ้าพูดอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ พูดสิ่งที่นางเพิ่งจะพูดไปเมื่อสักครู่นี้ซ้ำอีกครั้ง
“อันใดกัน องค์หญิงสามไม่ยินยอมหรือ?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอันใดอยู่?”
ในที่สุดเจียงอวี่เฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตัวขึ้น ใบหน้าของเขาชาวาบราวกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง คิ้วของเขาขมวดแน่น และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ตอนนั้นเมื่อองค์หญิงใหญ่ได้สิ้นพระชนม์ ทุกอย่างล้วนได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าอยากจะตรวจสอบอีกครั้ง หรือว่าเจ้าไม่เชื่อใจพวกข้า”
ถึงแม้ว่าว่าเขาจะชอบฉู่หลิวเยว่มากเพียงใด แต่ก็ทนฟังคำพูดเหล่านี้ของนางไม่ได้เช่นกัน
เขาไม่ถือสาเรื่องการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ และต่อให้ฉู่หลิวเยว่โต้ตอบซั่งกวนหว่านด้วยการเย้ยหยัน เขาก็ไม่ได้ถือสา
หากแต่ว่า เมื่อเรื่องราวได้ไปพัวพันถึงองค์หญิงใหญ่ในตอนนั้น เขาย่อมไม่สามารถอยู่เฉยได้!
ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่เข้าใจคำข่มขู่ของเขาและพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ ข้าก็แค่ไม่ไว้ใจพวกเจ้า”
เจียงอวี่เฉิงสำลักในทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าเจ้าจะพูดอันใดตามอำเภอใจก็ได้!”
“แต่ข้าเดิมพันด้วยคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเชียวนะ?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาและยิ้มให้
“หรือว่า คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งอันล้ำค่าด้ามนี้ จักไม่สามารถแลกกับโอกาส ในการตรวจสอบการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่อีกครั้งได้?”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้นช่างแยบยลยิ่งนัก จะมีใครกล้าพูดว่า “ไม่ได้” กัน
สถานะขององค์หญิงใหญ่นั้นสูงส่ง สง่างามและเป็นที่เลื่องชื่อลือนามยิ่งนัก แต่เมื่อเทียบกับคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งแล้ว นางยังคงต่ำกว่าอยู่ดี
พวกที่กล้าพูดว่าคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งล้ำค่า ก็ไม่ต่างจากการกล่าวหาองค์ไท่จู่เลยหรือ?
เจียงอวี่เฉิงจำต้องใช้วิธีอื่น
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ถ้าเจ้ายืนกรานที่จะทำเช่นนี้ อย่างน้อยเจ้าต้องแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ถูกต้อง! และมีปัญหาที่เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอน! มิฉะนั้น ข้าจักไม่ยอมรับปากเจ้า!”
พวกเขาจัดการเรื่องราวในตอนนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูแล้วแทบจะไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆ
ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะเอาตัวเองเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้เพราะอันใด แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเบาะแสเจอ นับประสาอันใดกับการค้นหาความจริง มันยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
อย่างใดก็ตาม เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้น นางกลับพยักหน้าตอบอย่างง่ายดาย
“ได้! ขอเพียงพวกเจ้ายอมรับเงื่อนไขของข้า เช่นนั้นข้าก็สามารถแสดงหลักฐานได้ในวันนี้ และข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น องค์หญิงสามและราชบุตรเขย…จะไม่กลับคำ”
เมื่อเห็นท่าทีอันมุ่งมั่นของฉู่หลิวเยว่ จู่ๆ เจียงอวี่เฉิง ก็รู้สึกเหมือนมีเสียง “ตุ๊บๆ” ดังขึ้นในใจของเขา และเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
การที่นางชอบทำอันใดแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจเป็นเพราะฉู่หลิวเยว่ว่างจนไม่มีอันใดทำแน่ๆ
นี่นางตั้งใจขนาดนั้นเชียวหรือ…
“ข้ารับปากเจ้า!”
แต่เขายังไม่ทันจะได้ปฏิเสธ ซั่งกวนหว่านก็ตอบตกลงไปเสียแล้ว!
“หากเจ้าสามารถหยิบคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งขึ้นมาและได้รับการยอมรับจากมัน ข้ายินยอมให้เจ้าตรวจสอบใหม่อีกครั้ง! แต่ถ้าหากเจ้าทำไม่สำเร็จ… เจ้าจะต้องปลิดชีพตนเพื่อเป็นการไถ่โทษ! และเพื่อถวายความเคารพต่อราชวงศ์เทียนลิ่ง! เจ้าว่าอย่างใด!?”
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
ฉู่หลิวเยว่เพียงแค่ต้องการตรวจสอบการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่ แต่ซั่งกวนหว่านกลับกำลังวางแผนที่จะฆ่าฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย และค่อยๆ เผยยิ้มออกมา แววตาของนางเย็นยะเยือกราวกับคมมีด
“ตกลง!”