ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 887 พวกเขาบังคับข้า
ตอนที่ 887 พวกเขาบังคับข้า
นางหลุบตาลง เพื่อปิดบังอารมณ์ในแววตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ดวงตาของนางกระจ่างใสราวกับหินเฮยเย่าโดนน้ำ
นางยอบกายทำความเคารพพร้อมเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ขอบพระคุณมากเพคะ…ฝ่าบาท”
ซั่งกวนโหยวมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง ไม่รู้เหตุใดภายในใจของเขาถึงรู้สึกถึงระลอกคลื่นที่สาดซัด
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขายังสลบไสลอยู่นั้น เขาเคยได้ยินเสียงนางมาก่อนแล้ว
ในตอนนั้นคิดว่านางเป็นเพียงหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด เด็ดขาด มีไหวพริบ แต่ทว่าฐานะกลับไม่สูงส่ง แต่ด้วยเงื่อนไขหลายๆ อย่าง ทำให้นางสามารถโต้ตอบจากการบังคับของซั่งกวนหว่านได้ พร้อมเปลี่ยนข้อเสียเปรียบให้เป็นข้อได้เปรียบ
พอมาเห็นในวันนี้ จึงได้รู้ว่านางหน้าตาเช่นนี้นี่เอง
ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เขาครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอนางมาก่อนอย่างแน่นอน
เวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา เขานอนอยู่บนเตียงแทบจะตลอดเวลา อยู่ภายในตำหนักชิงเฟิง ไม่รู้วันไม่รู้คืน
แม้กระทั่งคนอื่นๆ ที่อยู่ในวังเขาก็ได้เจอด้วยน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงฉู่หลิวเยว่ที่เป็นคนมาจากนอกพรมแดนม่านฟ้าเลย
แต่อาจจะเป็นเพราะคิ้วและดวงตาของนางนั้น เหมือนกับเยว่เอ๋อมากเกินไปละมั้ง…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซั่งกวนโหยวก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา สายตาที่มองไปยังฉู่หลิวเยว่ก็ยังอ่อนโยนขึ้นมาหลายส่วนอีกด้วย
“เจ้าลำบากเพื่อเยว่เอ๋อขนาดนี้ ข้าต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเจ้าสิถึงจะถูกต้อง หากไม่ใช่เพราะวันนี้เจ้าพูดเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องราวในอดีตใหม่อีกครั้ง เกรงว่าอาจจะต้องมีคนจำนวนมาก ที่สามารถเสวยสุขได้ต่อไปอีกสักระยะ”
เมื่อคำพูดประโยคหลังดังขึ้น น้ำเสียงของซั่งกวนโหยวก็ดูจะเย็นชาขึ้นอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตำหนิอย่างรุนแรง แต่น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนี้ กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันของจักรพรรดิ จนเกือบจะทำให้คนหายใจไม่ออกแล้ว!
ผู้คนที่อยู่ในตำหนักหลางคุนนั้นก็เงียบเสียงลงโดยพร้อมกันทันที เงียบกริบราวกับจักจั่นหน้าหนาว
“อวี่เหวิน เอาจดหมายฉบับนั้นมาให้ข้าดู”
เมื่ออวี่เหวินเว่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบรับทันที พร้อมก้าวขึ้นมาทำความเคารพ ก่อนจะส่งจดหมายลับฉบับนั้นด้วยสองมือ
ซั่งกวนโหยวเปิดจดหมายฉบับนั้นออกมา พร้อมดูอย่างละเอียด
ซย่าโหวหรงปล่อยแขนห้อยลง หน้าผากมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เลือดทั่วทั้งร่างกายเดือดพล่าน ราวกับว่าหูอื้อและกำลังจะแตก!
หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปหมด!
เวลาที่ผ่านไปแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่เขารู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นปี ทำให้เขารู้สึกทรมานอย่างมาก!
ในที่สุดบรรยากาศเช่นนี้ก็ทำให้เขาเกือบจะหายใจไม่ออก จนในที่สุดซั่งกวนโหยวก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้าไม่เคยเขียนจดหมายฉบับนี้มาก่อน”
คำพูดที่ราบเรียบ แต่กลับทำให้หัวใจของทุกคนเต้นกระหน่ำอย่างบ้างคลั่ง!
เขาไม่เคยเขียนมันมาก่อน! เช่นนั้นก็หมายความว่าจดหมายฉบับนี้ มีคนอื่นที่ปลอมแปลงขึ้นมาจริงๆ
ไม่มีเสียงตอบรับ
อากาศเย็นยะเยียบขึ้นราวกับถูกแช่แข็ง!
ซั่งกวนโหยวมองไปทางซย่าโหวหรง
“วันที่ที่อยู่ในจดหมายฉบับนี้คือ วันที่สาม เดือนกรกฎาคม ในวันนั้น ในวันนั้นข้าได้ปรึกษากิจการต่างๆ กับใต้เท้าซย่าโหวที่ห้องทรงอักษร แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกง่วงมาก ดังนั้นจึงให้ใต้เท้าซย่าโหวกลับไปก่อน จากนั้นข้าก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องเล็กด้านข้าง เมื่อตื่นขึ้นมา…ก็เป็นวันนี้แล้ว”
ท่ามกลางฝูงชนก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้น
ไม่ใช่ว่าเพราะฝ่าบาทเศร้าเสียใจกับการตายขององค์หญิงใหญ่หรอกหรือ จึงทำให้พระองค์ประชวรหนัก ไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้?
แต่เมื่อฟังจากคำพูดของฝ่าบาทนั้น หมายความว่าเขาสลบไสลไปตั้งแต่วันที่สามเดือนกรกฎาคมแล้วหรือ?
ต้องบอกก่อนว่า วันที่องค์หญิงใหญ่สวรรคตนั้นคือวันที่สิบเดือนกรกฎาคม!
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ยังมีใครดูไม่ออกอีกบ้างว่ามันมีปัญหาที่ยิ่งใหญ่แล้ว!
นั้นหมายความว่ามีคนลงมือจัดการฝ่าบาท ทำให้พระองค์สลบไสลไม่ฟื้นคืน ในขณะเดียวกันก็เขียนราชกฤษฎีกาขึ้นมา ส่งสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ออกจากซีหลิง พร้อมฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารองค์หญิงใหญ่!
ใครเป็นคนทำเรื่องเช่นนี้นั้น ไม่จำเป็นต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้แล้ว!
นอกเสียจากซย่าโหวหรงที่อยู่บริเวณนั้น แล้วยังจะมีใครได้อีก?!
“ใต้เท้าซย่าโหวดูเหมือนว่าวันนั้นท่านไม่ได้ออกไปจากห้องทรงอักษรสินะ แต่กลับใช้กระทำการไปต่างๆ นานาเลย”
ซั่งกวนโหยวมองลงมายังซย่าโหวหรง เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วโยนจดหมายลงมา จดหมายลับฉบับนั้นก็ตกลงมาที่ด้านหน้าของเขาอย่างพอดิบพอดี!
“เจ้าดูเองเถิด! นี่…เป็นสิ่งที่เจ้าเขียนเอาไว้หรือไม่?”
ในที่สุดซย่าโหวหรงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงพื้นเสียงดังลั่น
“ฝ่าบาทผู้มากความสามารถ! หม่อมฉันผิดไปแล้ว! หม่อมฉันไม่ได้ทำอันใดลงไปเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
ซย่าโหวหรงร้องไห้ดังลั่น ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขาเก็บจดหมายฉบับนี้เอาไว้ที่ตัวเองโดยตลอด ความจริงแล้วเขาจะใช้เพื่อเป็นหลักฐานในการบีบบังคับเจียงอวี่เฉิง
แม้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องด้วยกันมาน้อยใหญ่ แต่ในใจของเขาก็ยังไม่รู้สึกวางใจอีกฝ่ายอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงเก็บจดหมายฉบับนี้เอาไว้ ไว้ในกรณีฉุกเฉิน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่หลิวเยว่จะนำจดหมายฉบับนี้ออกมาได้ แล้วฝ่าบาทก็ยังมาชี้ตัวคนผิดด้วยตนเองอีกต่างหาก!
เรื่องนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ยากจะล้างมลทิน!
หากรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขาจะทำลายจดหมายฉบับนี้ให้สิ้นซากไปตั้งนานแล้ว!
เมื่อหลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนี้แล้ว ซย่าโหวหรงก็ร้องไห้อ้อนวอนด้วยความอ่อนแรง
“เมื่อครู่ตอนที่ข้ายังอยู่ด้านใน เหมือนว่าใต้เท้าซย่าโหวจะยกตระกูลทั้งตระกูลขึ้นมาสาบานสินะ ว่าหากกล้าหักหลังข้าแล้ว จะทำให้ตระกูลซย่าโหวทั้งหมดล้วนไม่ตายดี…”
ซย่าโหวหรงชะงักไปทันที ท่าทางของเขาดูไม่สบายใจอย่างมาก!
“ฝ่า…ฝ่าบาท…”
“ใต้เท้าซย่าโหว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโหดเหี้ยมกับคนในตระกูลของเจ้าได้ถึงขนาดนี้…”
ซั่งกวนโหยวพูดขึ้นเสียงเรียบ และส่ายหน้าไปมา
“นี่ข้ามองคนผิดไปสินะ”
“ฝ่าบาท! หม่อมฉันเปล่าพ่ะย่ะค่ะ! หม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องที่ต้องรู้สึกผิดกับฝ่าบาท! ใส่ร้าย เรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายหม่อมฉันอย่างแน่นอน! ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถ!”
ซย่าโหวหรงตกใจอย่างมาก แล้วรีบสาวเท้าไปด้านหน้า
แต่เขายังไม่ทันได้ขึ้นไปยังบันไดชั้นที่เก้า ซั่งกวนโหยวกลับพูดขึ้นมาว่า
“ซย่าโหวหรงก่อการจลาจล หมายจะลอบสังหารข้า! นี่คือโทษที่หนึ่ง! ปลอมแปลงราชกฤษฎีกา หลอกลวงผู้ใต้บังคับบัญชา ปิดบังใต้หล้า นี่คือความผิดข้อที่สอง! เมื่อโทษทั้งสองรวมกัน ให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดี กลายเป็นทาส เที่ยงวันพรุ่งนี้จักแสดงให้ประชาชนได้ทราบทั่วกัน! นอกจากนี้ ตระกูลที่มีความชิดเชื้อสามโคตรจะต้องรับโทษด้วยเช่นกัน ไม่ว่าหญิงหรือชาย ให้ส่งไปเป็นทาสที่ชายแดนทั้งหมด! ห้ามกลับมาที่เมืองหลวงอีกตลอดกาล!”
แต่ละคำแต่ละประโยคนั้นล้วนดังก้องชัดเจน!
การเคลื่อนไหวของซย่าโหวหรงหยุดชะงักไป เขาคุกเข่าลงที่พื้น ใบหน้าซีดเผือด และรีบถอยหลังลงไปทันที!
ในตอนนั้นเองเหมือนว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายของเขาจะถูกพรากไป แม้กระทั่งการหายใจยังยากลำบาก
แย่แล้ว…
แย่แล้ว!
เมื่อมีการตัดสินเช่นนี้ลงมา ตระกูลซย่าโหวถึงคราวต้องสูญสิ้นแล้ว!
เมียหลวงเมียน้อย ญาติสนิทมิตรสหายของเขา…
การถูกส่งตัวไปเป็นทาสนั้นน่ากลัวมากกว่าการถูกตัดหัวยิ่งนัก! มันสามารถเรียกว่าอยู่ไม่สู้ตายเลยทีเดียว!
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทผู้มีเมตตา! โปรดเห็นแก่ความจงรักภักดีของตระกูลซย่าโหวที่มีมาอย่างยาวนานนับร้อยปีด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดปล่อยภรรยาและลูกของข้าไปเถิด!”
หากตระกูลซย่าโหวถูกทำลายภายใต้น้ำมือของเขา เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นตราบาปของบรรพบุรุษแล้ว!”
ซั่งกวนโหยวมองหน้าเขา แววตาเรียบนิ่ง
“ซย่าโหวหรง เจ้าก็รู้นี่นาว่าตระกูลซย่าโหวของเจ้าจงรักภักดีมาเป็นร้อยปี แล้วเหตุใดทุกอย่างมันถึงพังทลายในมือของเจ้าล่ะ?”
ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของตัวเขาเอง!
ซย่าโหวหรงทรุดตัวลงกับพื้น หัวใจเย็นยะเยียบ
“นำตัวเขาออกไป!”
ซั่งกวนโหยวโบกมือ
ในตอนที่คนด้านข้างกำลังจะสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า ทันใดนั้นซย่าโหวหรงก็ชี้นิ้วไปทางเจียงอวี่เฉิง แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า
“เป็นเขา! เขากับองค์หญิงสามที่บังคับให้ข้าทำเช่นนี้!”
————————————————————–