ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 888 สำหรับข้าแล้ว
ตอนที่ 888 สำหรับข้าแล้ว
ถ้าต้องตาย ทุกคนก็มาตายด้วยกัน!
เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ซย่าโหวหรงบ้าคลั่งไปแล้ว
ฝ่าบาทได้ออกพระราชกฤษฎีกาลงทัณฑ์ตระกูลซย่าโหวแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสให้เขาได้พลิกตัวอีกแล้ว!
ทั้งตระกูล จำนวนกว่าหนึ่งพันคน จะได้รับโทษเหมือนกันทั้งหมด!
อีกทั้งคนที่ทำให้เป็นเช่นนี้ก็คือเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่าน!
ในเมื่อเขาจะมีชีวิตหาไม่ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุข!
รูม่านตาของเจียงอวี่เฉิงหดเล็กลง!
สายตาของเขาจ้องไปที่ซย่าโหวหรงตาเขม็ง
“ใต้เท้าซย่าโหว ท่านพึงระวังคำพูดไว้หน่อยจะดีกว่านะ! อย่าลากผู้บริสุทธิ์ลงคลองไปด้วย เพราะความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวท่านเอง!”
ซั่งกวนหว่านก็ตื่นตระหนกจนรีบเถียงขึ้นมาทันทีว่า
“ถูกต้อง! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับข้าแม้แต่น้อย ซย่าโหวหรงเจ้าเลิกพูดจาไร้สาระเสียทีเถอะ!”
ผู้บริสุทธิ์!?
พูดจาไร้สาระ?!
ซย่าโหวหรงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เจียงอวี่เฉิง ตอนนี้เจ้ากำลังพูดว่าเจ้าคือผู้บริสุทธิ์อยู่หรือ? ยาพิษที่เอาใช้วางยาฝ่าบาท เจ้าเป็นคนให้ข้ามาเองไม่ใช่หรือ? แต่ตอนนี้ดันมาบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ คิดจะโยนความผิดทั้งหมดมาที่ตัวข้าคนเดียว แล้วล้างมลทินตัวเองจนสะอาดน่ะหรือ…ฝันไปเถอะ!”
ซย่าโหวหรงไม่เพียงไม่ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่กลับทำให้มันแย่ลงไปถึงที่สุด พร้อมเปิดเผยเหตุการณ์ทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น!
ทุกคนรู้สึกตกใจอย่างมาก!
ข้อมูลที่มีอยู่ในประโยคนี้อาจจะมีจำนวนมากเกินไป!
คนที่วางยาพิษฝ่าบาทคือเจียงอวี่เฉิงหรอกหรือ?
เช่นนี้เรื่องนี้ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจียงอวี่เฉิงด้วยสิใช่หรือไม่?
“ถ้าตอนนั้นเจ้าไม่ให้สัญญากับข้าว่า เจ้าจะมอบโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนให้ข้า ข้าก็คงไม่มีทางตกลงทำเรื่องเช่นนี้หรอก! และในเมื่อเรื่องมันแดงขึ้นมาแบบนี้แล้ว เจ้าก็อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!”
เขาต้องตายแน่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาด้วย!
เส้นเลือดตรงขมับของเจียงอวี่เฉิงเต้นตุ้บๆ เขาอยากจะสาวเท้าไปด้านหน้าจนแทบอดทนไม่ไหว และไปปิดปากซย่าโหวหรงให้หยุดพูดเสียที!
ใบหน้าของเขาแข็งค้างราวกับเหล็ก กำหมัดกรอด ทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา
“ใต้เท้าซย่าโหว ท่านบอกว่าข้าเป็นคนเอาโอสถให้ท่าน แล้วไหนล่ะหลักฐาน? พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน ถ้าท่านพูดอันใดออกมา แล้วจำเป็นต้องเชื่อตามนั้น ถ้าเช่นนั้นคนเหล่านี้ก็ถูกท่านชักใยไปหมดแล้วน่ะสิ!”
ซย่าโหวหรงชะงักไป ก่อนจะขบฟันแน่น
เรื่องทุกอย่างที่พวกเขาทำในปีนั้น ล้วนทำอย่างลับๆ
แม้กระทั่งโอสถนั้นเจียงอวี่เฉิงก็ยังเอามามอบให้เขาด้วยตนเอง นอกเสียจากพวกเขาสองคนที่รู้เรื่องนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะมาเป็นพยานให้ได้เลย!
หากเจียงอวี่เฉิงยืนกรานไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะลงโทษเขาแล้ว
“แล้วอีกอย่าง ตระกูลเจียงของข้านั้นเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองซีหลิง ข้ากำลังจะแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่อยู่แล้ว ข้ามีเหตุผลอันใด เหตุใดข้าจะต้องพยายามทำร้ายฝ่าบาท แล้วยังจะทำร้ายองค์หญิงใหญ่ด้วยเล่า?”
ซย่าโหวหรงโมโหแทบตาย
เจียงอวี่เฉิงผู้นี้ช่างเป็นคนชั่วร้ายสับปลับ!
เรื่องราวในปีนั้น เขาไม่ได้ทำแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเสียหน่อย แต่ตอนนี้เขากลับพลิกลิ้นกันหมดแล้ว!
“โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนเม็ดนั้น ตอนแรกเจ้าจะให้ข้าเพื่อเป็นรางวัล! นี่เจ้ากล้าปฏิเสธหรือ?! ถ้าบอกก่อนว่าหลังจากที่องค์หญิงใหญ่สวรรคต เรื่องทุกอย่างล้วนมีเจ้าและองค์หญิงสามเป็นคนจัดการ! คนที่สามารถหยิบโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนมาได้นั้นก็มีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้น!”
“อื้ม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใต้เท้าซย่าโหวก็ช่วยนำโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนออกมาเป็นหลักฐานหน่อยสิ เป็นอย่างใดเล่า?”
เจียงอวี่เฉิงถามกลับ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันซย่าโหวหรงเพิ่งทำโอสถเม็ดนั้นสูญหาย ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่สามารถนำออกมาได้อยู่แล้ว!
และเมื่อซย่าโหวหรงได้ยินดังนั้น เขาก็สำลักทันที ใบหน้าแดงก่ำเหมือนกับตับหมู
“เจ้า! เจ้าก็รู้อยู่แล้วแท้ๆ…”
“ดูเหมือนว่าใต้เท้าซย่าโหวจะไม่สามารถนำออกมาได้สินะขอรับ!”
เจียงอวี่เฉิงพูดแทรกขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ได้โปรดใต้เท้าซย่าโหวอย่าพูดอะไร…”
“อยู่นี่ต่างหาก”
เจียงอวี่เฉิงยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นที่ด้านข้างก็มีเสียงกระจ่างใสดังขึ้น
หัวใจของเจียงอวี่เฉิงกระตุกวูบ ก่อนจะหันกลับไปมอง และเขาก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่หยิบกล่องไม้สีดำขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเห็นกล่องไม้กล่องนั้นแล้ว หัวใจของเจียงอวี่เฉิงดำดิ่งลงไปทันที!
ของชิ้นนั้นถูกคนขโมยไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงมาอยู่ในมือฉู่หลิวเยว่ได้ล่ะ?
แล้วเมื่อนึกถึงจดหมายลับฉบับนั้นก็ถูกขโมยไปจากจวนตระกูลซย่าโหวเช่นกัน…
หรือว่าเรื่องเหล่านี้ฉู่หลิวเยว่จะเป็นคนทำ?!
แต่ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นนางยังอยู่ที่แดนภังคะอยู่เลยไม่ใช่หรือ? แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างใด…
“สิ่งที่พวกท่านต้องการหา น่าจะเป็นสิ่งนี้ละมั้ง?”
ฉู่หลิวเยว่โบกกล่องที่อยู่ในมือไปมา พร้อมยิ้มอย่างมีความหมาย
“ข้าสามารถยืนยันได้ว่าของชิ้นนี้อยู่ในห้องหนังสือของตระกูลซย่าโหว”
เพราะว่าก่อนหน้านี้นางได้หยิบจดหมายลับฉบับนั้นออกมาแล้ว ดังนั้นในตอนนี้คำพูดของนางก็เชื่อถือได้อย่างมาก
โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนเป็นโอสถเม็ดเดียวที่องค์ปฐมกษัตริย์ทิ้งมันเอาไว้ และเป็นโอสถระดับเก้าเพียงเม็ดเดียวด้วย ดังนั้นราชวงศ์เทียนลิ่งจึงรักษามันอย่างระมัดระวังเสมอมา และก่อนหน้านี้พระองค์ได้มอบโอสถเม็ดนี้เป็นรางวัลแก่องค์หญิงใหญ่จริง โดยให้นางเก็บรักษาเอาไว้
หลังจากที่องค์หญิงใหญ่สวรรคต เจียงอวี่เฉิงและองค์หญิงสามได้รับหน้าที่การดูแลสมบัติเหล่านี้ทั้งหมด
โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนที่สำคัญขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในมือของฉู่หลิวเยว่ได้ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มีคนเอามันไปจริงๆ
ซึ่งนี่เป็นการยืนยันในสิ่งที่ซย่าโหวหรงพูดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้…เจียงอวี่เฉิงใช้โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนเป็นของรางวัล ให้เขาวางยาฝ่าบาทและเขียนพระราชกฤษฎีกาปลอมออกมา!
ฉู่หลิวเยว่ส่งกล่องไม้กล่องนั้นให้อวี่เหวินเว่ย
“ฝ่าบาท เชิญรับชมขอรับ”
อวี่เหวินเว่ยรับของชิ้นนั้นมา ก่อนจะเปิดกล่องดูอย่างระมัดระวัง
กลิ่นสมุนไพรที่เข้มข้นกระจายออกมาในทันที!
ใบหน้าของซั่งกวนโหยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นี่เป็นโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนของจริง”
เขาหันไปมองเจียงอวี่เฉิง
“เจียงอวี่เฉิง เจ้ามีอันใดจะพูดหรือไม่?”
เจียงอวี่เฉิงกัดฟันกรอด
“เป็น…เป็นเพราะข้ารักษาของได้ไม่ดีพอ…จึงทำให้โอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนถูกขโมยไป แต่เมื่อครู่ใต้เท้าซย่าโหวได้พูดไปแล้ว ทั้งหมดเป็นเรื่องถูกใส่ร้าย! ฝ่าบาททรงพระปรีชาชาญ!”
ต่อให้ปฏิเสธก็ไม่ได้ช่วยอันใดแล้ว
ซย่าโหวหรงมีแต่ความเกลียดแค้น ในสมองก็เริ่มคิดถึงหนทางให้ทั้งเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านตายตกไปพร้อมกัน
แต่เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งเขาก็ต้องตกใจอย่างมากที่ไม่สามารถหาหลักฐานที่สามารถมัดตัวอีกฝ่ายได้เลย!
เจียงอวี่เฉิงทำงานรอบคอบมาก ไม่ทิ้งร่องรอยเหลืออันใดไว้เลยแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่พวกเขาปรึกษากันล้วนไม่มีคนอื่นอยู่ด้านข้างเลย
แม้กระทั่งตอนนี้ที่สามารถหยิบเอาโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนออกมาได้แล้ว เขาก็ยังพูดว่าตัวเองดูแลของไม่ได้ ทำให้เกิดการขโมยไป และไม่ได้เป็นคนมอบให้เขาด้วยตนเอง!
นอกจากคำพูดของซย่าโหวหรงแล้ว เขาไม่สามารถทำอันใดเจียงอวี่เฉิงได้เลย!
ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่คนทั้งสองแล้วพูดขึ้นว่า
“ดีจริงๆ พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ยอมรับใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นข้าขอเป็นฝ่ายถามเจ้าบ้าง ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นกับฝ่าบาทไม่ใช่ฝีมือของเจ้า เช่นนั้นเหตุใดสองปีที่ผ่านมานี้ ถึงได้วางกำลังไว้ที่ตำหนักชิงเฟิงอย่างเข้มงวดขนาดนั้นเล่า แล้วยังส่งหมอเทวดาสามคนให้ผลัดกันดูแล! นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้ามีแผนการที่อยู่ในใจแล้วหรอกหรือ!”
เมื่อพูดจบเขาก็หันไปมองทางกลุ่มคนก่อนจะตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“ชงอีสุ่ย! เซี่ยหลาง! พวกเจ้าลุกขึ้นมาพูดความจริงกับทุกคนหน่อยสิ! ว่าร่างกายของฝ่าบาทนั้นเป็นอย่างใดกันแน่! จริงสิ แล้วก็ยังมีจั่วหมิงซี! พวกเจ้าสามคนดูแลฝ่าบาทตั้งแต่แรกเริ่มเลยไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็ออกมาพูดหน่อยเป็นอย่างใด?”
ตั้งแต่ตอนที่ซั่งกวนโหยวปรากฏตัวออกมา ชงอีสุ่ยและคนอื่นๆ ก็รู้สึกตกใจกันอย่างมากแล้ว
พวกเขาทั้งสามคนผลัดกันดูแลฝ่าบาทนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยเห็นท่าทีที่จะฟื้นคืนสติของฝ่าบาทมาก่อนเลย!
แต่เมื่อคิดถึงตรงนั้น ไม่แน่ว่าฝ่าบาทอาจจะฟื้นมาก่อนนานแล้ว!
เมื่อถูกเรียก ใบหน้าของทั้งสามคนก็ดูย่ำแย่อย่างมาก ได้แต่พูดอึกๆ อักๆ
เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะเสียงเบาแล้วพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อทั้งสามต่างไม่พูด เช่นนั้นคุณชายอย่างข้าก็ขอเป็นคนพูดให้ทุกคนฟังก็แล้วกัน!”
————————————————————–