ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 891 พิสูจน์ตัวเอง
ตอนที่ 891 พิสูจน์ตัวเอง
ข้าคือ…ซั่งกวนเยว่!
คำพูดประโยคนี้ทั้งทรงพลังและฉะฉาน แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้สั่นสะท้าน ราวกับระเบิดปะทุดังขึ้นมาอย่างใดอย่างนั้น!
เรื่องราวในวันนี้เกิดขึ้นมากมาย ข่าวคราวถูกเปิดเผยติดต่อกันเรื่อยๆ!
จนทุกคนรู้สึกว่า ในตอนที่เขาถูกความลับระเบิดใส่หน้าจนหน้าชาตัวชาไปหมดแล้ว แต่คำพูดของฉู่หลิวเยว่กลับทำให้เกิดคลื่นลมระลอกใหญ่ในใจของพวกเขาทันที!
ในตอนนั้นเองพวกเขาได้ยินเหมือนเสียงตบหน้าดังสนั่นขึ้นมา จนทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจอย่างมาก!
เรื่องราวนี้รุนแรงกว่าเรื่องที่ผ่านมาหลายเท่าตัวนัก!
ไม่ใช่เจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ เท่านั้น
ซั่งกวนโหยว เจี่ยนเฟิงฉือ อวี้ฉือซง…
ก่อนหน้านี้ทุกคนได้ปรึกษากันแล้วว่าวันนี้จะร่วมมือกันจัดการเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่าน แต่ตอนนี้พวกเขาต่างตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว
ไม่มีใครนึกว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ได้ คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะกระโดดออกมาแล้วพูดประโยคเหล่านี้!
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเงียบกริบ! ในตอนนั้นเองเสียงลมหายใจก็ดูเบาบางอย่างมาก
ทุกคนหันไปมองฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาเบิกโพลง คำพูดเมื่อครู่นี้ พวกเขายากจะแยกแยะไปชั่วครู่หนึ่ง
ในที่สุดหน้ากากของเจียงอวี่เฉิงที่เขาสวมใส่อยู่ก็ได้แตกออกมาแล้ว!
เขาจ้องมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“เจ้า…เจ้า…เจ้าพูดอันใดของเจ้าน่ะ?! นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
ริมฝีปากแดงของฉู่หลิวเยว่ก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
รอยยิ้มนี้ เต็มไปด้วยความสง่างาม! สูงส่งไร้ที่เทียบเทียม!
ตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่สูงลิบจนยากจะไขว่คว้าได้ มันช่างสว่างเจิดจ้าอย่างมาก!
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีรัศมีที่เหนือธรรมดา! ทำให้คนต้องยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว!
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ถูกนางดึงดูดสายตาโดยไม่รู้ตัว
รูปร่างของนางผอมเพรียวสูงชะลูด ชุดสีแดง ปลายผมสีดำถูกมัดอย่างเรียบร้อย ช่างดูเรียบง่ายอย่างมาก!
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอันใดสักอย่างเลย แต่รัศมีบนร่างกายของนางนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทันที!
ในตอนนั้นเองนางเป็นเหมือนไข่มุกเปื้อนฝุ่นที่เพิ่งถูกเช็ดทำความสะอาด จนทำให้เปล่งประกายแสงในตัวเองออกมา!
ความคิดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของทุกคนแทบจะพร้อมกัน
…นางนั่นเอง!
นี่สิคือฉู่หลิวเยว่!
ไม่ บางที…อาจจะต้องเรียกว่าซั่งกวนเยว่!
นางผายไหล่ มือข้างหนึ่งถือคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเอาไว้ แล้วชี้ไปยังเจียงอวี่เฉิง!
นางค่อยๆ พูดออกมาทีละคำ ราวกับคาถาศักดิ์สิทธิ์
“เจียงอวี่เฉิง ข้ายังไม่ตาย เจ้าคงผิดหวังมากสินะ? หากเจ้ายังไม่ยอมรับเรื่องที่ก่อเอาไว้ทั้งหมด เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะเป็นพยานคนสุดท้ายเอง!”
…
ไม่มีใครคาดคิด ว่าเรื่องมันจะดำเนินมาถึงจุดนี้?
องค์หญิงใหญ่ยังไม่ตาย…คาดไม่ถึงว่านางจะยังไม่ตาย!
ผู้หญิงที่หายสาบสูญไปสองปี คาดไม่ถึงว่านางจะกลับมาแล้ว!
ในชั่ววินาทีนั้นภายในสมองของเจียงอวี่เฉิงมีความคิดมากมายพันกันอย่างยุ่งเหยิง!
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ตอนแรกเขาได้ส่งคนไปสืบภูมิหลังของฉู่หลิวเยว่แล้ว เรื่องทั้งหมดนั้นล้วนไม่มีปัญหา
แล้วอยู่ดีๆ เหตุใดนางถึงกลายมาเป็นซั่งกวนเยว่ได้เล่า?
“เจ้าไม่ใช่นาง!”
เจียงอวี่เฉิงปฏิเสธแทบจะในทันที!
“นางตายไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว! ไม่มีทางเป็นเรื่องอื่นไปได้! ฉู่หลิวเยว่ เจ้าอย่ามาเล่นตุกติกที่นี่! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการปลอมแปลงตัวเป็นองค์หญิงใหญ่นั้นมีความผิดนะ!”
แม้ว่าปากเขาจะโต้เถียงอยู่เช่นนั้น แต่ความจริงแล้วหัวใจของอีกฝ่ายนั้นดำดิ่งอย่างมาก
หากฉู่หลิวเยว่คือซั่งกวนเยว่จริงๆ ละก็ เรื่องทั้งหลายก็มีคำอธิบายขึ้นมาแล้ว!
สีหน้าแววตาเช่นนั้น…
พรสวรรค์และฝีมือขนาดนั้น…
แล้วก็…คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง!
ข้าก็ว่าแล้วเหตุใดคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งถึงได้ทำตัวสนิทสนมกับฉู่หลิวเยว่ขนาดนั้น ถ้านางคือซั่งกวนเยว่จริงๆ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีอันใดที่น่าสงสัย!
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แววตาเย็นชามองเขาเหมือนมดปลวก
“นี่เจ้ากำลังสงสัยในฐานะของข้าอยู่งั้นหรือ?”
“เจ้าเป็นเพียงลูกสาวที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูล อยู่ในแคว้นเล็กๆ นอกพรมแดนม่านฟ้าเท่านั้น!” เจียงอวี่เฉิงรีบโต้เถียงทันที สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง “ใบหน้าของเจ้า รูปร่าง อายุ…ทั้งหมดทั้งมวลนั้น! ไม่เหมือนกันเลยสักอย่าง! เจ้าไม่มีทางเป็นซั่งกวนเยว่ได้อย่างแน่นอน!”
“ถูกต้อง! ไอ้สารเลวนั่นตายจนไม่สามารถตายได้อีกแล้ว นางจะฟื้นคืนชีพได้อย่างใด!”
ในตอนนั้นซั่งกวนหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตะโกนขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว!
นางชี้ไปที่ฉู่หลิวเยว่ แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“เจ้ากำลังโกหก!”
ในวันมหามงคลสมรสของนาง นางคิดว่าตนเองล้มได้อเนจอนาถที่สุดแล้ว แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าฉู่หลิวเยว่จะเรียกตัวเองว่าซั่งกวนเยว่เช่นนี้?
ซั่งกวนหว่านไม่กลัวว่าเรื่องทั้งหมดที่นางทำมาจะถูกเปิดเผยแล้วนางไม่สนใจสายตาดูแคลนของคนเหล่านั้น!
แต่ว่า!
นางไม่ยินยอมให้ซั่งกวนเยว่มีชีวิตอยู่!
ในตอนนั้นเองทุกคนก็หันมามองที่ฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว สายตาหลากหลายอารมณ์
ประหลาดใจ สงสัย ดีใจ ตื้นตัน…
“เยว่เอ๋อหรือ…เจ้าคือเยว่เอ๋อจริงๆ หรือ?”
ซั่งกวนโหยวหันไปจ้องฉู่หลิวเยว่โดยไม่กะพริบตา ในที่สุดก็ถามออกมาอย่าอดไม่ได้
ความจริงแล้วในตอนที่นางเอ่ยปากพูดออกมา ในใจของเขาก็มั่นใจแล้ว นี่คือเยว่เอ๋อของเขาอย่างแน่นอน!
บนโลกนี้มีเพียงเยว่เอ๋อคนเดียวเท่านั้นที่จะมีลักษณะเช่นนี้ได้!
มิน่าล่ะในตอนที่เห็นครั้งแรก เขาถึงรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมอย่างมาก
ที่แท้…
แต่ทว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งโหยหา ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวว่ามันจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน
น้ำเสียงของซั่งกวนโหยวระมัดระวังอย่างมาก ราวกับกลัวว่าจะกระทบกับภาพความฝัน จนทำให้มันมลายหายไป
ในหัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เหมือนว่าจะมีอันใดบางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นมา
ก้อนสะอื้นติดอยู่ที่ลำคอ แต่รอยยิ้มของนางกลับสว่างสดใส
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเองเพคะ”
…
เพียงแค่คำเดียว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
ซั่งกวนโหยวแสบจมูก แววตามีประกายสว่างเจิดจ้า!
“เยว่…เยว่เอ๋อ…เยว่เอ๋อของข้า”
ในใจของซั่งกวนหว่านกลับมีประกายเคียดแค้น
“ซั่งกวนเยว่มีชีพจรเทียนจิง แต่ว่าเจ้ามีเพียงเส้นชีพจรตี้จิง เจ้าจะเป็นนางได้อย่างใด!”
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตากลับไป นางตวัดสายตาหันไปมองเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านอย่างบ้าคลั่ง
นางรู้ดีที่สุดคนที่สงสัยนางไม่ได้มีแค่สองคนนี้เท่านั้น
“อยากจะให้ข้าพิสูจน์ตนเองงั้นหรือ? มันถึงจะสาแก่ใจพวกเจ้า!”
น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวสายน้ำ
“กระบี่หลงหยวน!”
พรึ่บ!
ออกคำสั่งครั้งเดียว! ฟ้าดินสั่นสะเทือน!
————————————————————–