ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 897 ไม่ต้องร้องไห้แล้ว
ตอนที่ 897 ไม่ต้องร้องไห้แล้ว
เสียงกระจ่างใสและทรงพลังของนางดังก้องไปทั่วตำหนักหลางคุน!
ทุกคนนั่งรอและมองดูภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ พร้อมกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว
เจียงอวี่เฉิง ซั่งกวนหว่าน และคนอื่นๆ ที่สมรู้ร่วมคิดร่วมปองร้ายนั้นก็ช่างมันไปเถิด ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต่างมีความต้องการเป็นของตนเอง แต่ว่ามู่ชิงเห่อนั้นไม่เหมือนกัน
ที่เขามีทุกวันนี้ได้ต้องขอบคุณองค์หญิงใหญ่
ถ้าไม่มีองค์หญิงใหญ่ ก็จะไม่มีมู่ชิงเห่อที่เป็นรองแม่ทัพทหารม้าทมิฬอย่างเช่นทุกวันนี้
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นคนที่องค์หญิงใหญ่ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง!
ถ้าเขาหักหลังองค์หญิงใหญ่แล้ว เช่นนั้นในวันนี้เขาก็ยากจะรอดพ้นความตายแล้วล่ะ อีกทั้งหลังจากตายแล้วเขายังต้องทนรับคำตำหนิติเตียนอีกเป็นหมื่นครั้งพันครั้ง!
แต่ถ้าเขาไม่ได้หักหลัง…การตายขององค์หญิงใหญ่ในปีนั้น มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนได้จ้องมองลงมา!
มู่ชิงเห่อเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวคนที่ยืนอยู่บันไดขั้นที่เก้านั้น ในสมองเต็มไปด้วยความสับสน
ที่แท้…
ก็เป็นนางจริงๆ ด้วย!
มิน่าครั้งแรกที่เขาเจอนางที่เมืองเย่าเฉิน เขาถึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเขาก็ยังใส่ใจเรื่องของนางอยู่บ่อยครั้ง
แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ว่าหลายครั้งนางทำเกินไป แต่เขาก็ไม่เคยคิดมากเรื่องเหล่านี้มาก่อน
เขาคิดว่าเพียงเพราะคิ้วและดวงตาของนางนั้นคล้ายกับอีกฝ่ายมากเกินไป
แต่ในความจริงแล้ว ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ หน้าตาไม่ได้เหมือนกัน แต่อากัปกิริยาและท่าทางนั้นต่างหากที่เหมือนกัน!
เขาเบนสายตามองไปยังปีศาจแดงที่เกาะอยู่ตรงไหล่ด้านข้าง
“เจ้ารู้มาก่อนอยู่แล้ว ใช่หรือไม่?”
แววตาของปีศาจแดงสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะซบหัวลงที่ใต้ปีก
ความจริงแล้วมันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเขา เพียงแต่ว่า…
มู่ชิงเห่อไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิมัน แต่กลับถอนหายใจออกมาเบาๆ
วินาทีต่อมาเขาก็สาวเท้าออกไปที่ด้านหน้า พร้อมยืนอยู่อยู่ตำแหน่งตรงกลางตำหนัก พร้อมเงยหน้าเล็กน้อยอีกครั้ง พร้อมมองไปทางฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงหน้า
หัวใจของฉู่หลิวเยว่มีอันใดบางอย่างจับเอาไว้อยู่ ร่างกายของนางแข็งเกร็งขึ้นมาก
คนอื่นหักหลัง หลังจากแก้แค้นไปแล้ว นางสามารถมองเรื่องนั้นเป็นเพียงแค่ฝุ่นควันที่ลอยผ่านไปได้ แต่สำหรับมู่ชิงเห่อแล้ว ในหัวใจของนางมักมีความไม่ยินยอมสลักขึ้นอยู่เสมอ
นางไม่เข้าใจ มู่ชิงเห่อคนที่เงียบขรึม ดื้อรั้น และจงรักภักดีไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ดังนั้นวันนี้นางจะต้องได้คำตอบ!
นางจะต้องทำให้เขาเปิดปากพูดออกมาให้ได้!
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมู่ชิงเห่อก็ขว้างกระบี่ออกไปจนเสียงดังลั่น
ระหว่างคิ้วของฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองมู่ชิงเห่อก็ถอดชุดเกราะของตัวเองออกอีกครั้ง!
เพราะว่าวันนี้เป็นวันมหามงคลสมรสและราชาภิเษก พิธีการทั้งหมดจึง ยิ่งใหญ่อย่างมาก แม้กระทั่มู่ชิงเห่อเองก็ยังแต่งองค์ทรงยศครบถ้วน
ในตอนที่เขาถอดชุดเกราะแล้ว เขารู้สึกตัวเบาขึ้นมาก
เหมือนว่าได้ปลดภาระที่หนักอึ้งออกไปทั้งหมด
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่ เขาก็คุกเข่าลงทันที
ขาทั้งสองข้างกระแทกลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังลั่น
“ฝ่าบาท”
เขาก้มลงกราบ หน้าผากจรดแผ่นหินหยกที่เย็นเยียบ ความหนาวเย็นแผ่กระจายเขาไปทั่วร่างกายของเขา!
“มู่ชิงเห่อหักหลังฝ่าบาท เป็นขุนนางที่ไม่ได้เรื่อง ฝ่าบาทได้โปรดมอบโทษตายให้กระหม่อมด้วย!”
…
คำพูดของเขานั้นฉะฉานชัดเจนทุกคำ!
แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างคาดไม่ถึงว่ามู่ชิงเห่อจะมีปฏิกิริยาตอบรับเช่นนี้
เขาไม่ได้โต้เถียง ไม่ได้ยื่นคำร้อง ไม่ได้คัดค้าน
มีเพียงคำเดียวเท่านั้น เขารับสารภาพอย่างตรงไปตรงมา!
ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ!?
แค่เขาพูดว่าเขาไม่ได้หักหลัง หรือพูดว่าตัวเองถูกบังคับ บางทีอาจจะมีทางรอดอยู่!
แต่ว่า…เขาไม่ทำเช่นนั้น!
หากเป็นสองปีก่อน ต้องไม่มีใครคิดแน่ว่ามู่ชิงเห่อที่องค์หญิงใหญ่ไว้ใจที่สุด จะมีวันนี้ได้!
หากเขาจงรักภักดีต่อองค์หญิงใหญ่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ หลังจากวันนี้ไป องค์หญิงใหญ่จะเรืองในอำนาจ พร้อมขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาจะต้องเป็นขุนนางที่มีคุณูปการอย่างแน่นอน!
น่าเสียดาย…
เจียงอวี่เฉิงเหลือบสายตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แววตามีแสงแห่งความมืดมิดส่องประกาย แต่หลังจากนั้นก็หายไป จากนั้นเขาก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว เพื่อบดบังอารมณ์ที่แฝงอยู่ในแววตา
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังมู่ชิงเห่อที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านล่าง สายตาราบเรียบและเย็นชา
ตอนนี้ทุกคนกำลังมองมาที่นาง
ต่อไปนี้มู่ชิงเห่อน่าจะเหลือเพียงทางตันเส้นทางเดียวเท่านั้นละมั้ง…
ท่ามกลางความเงียบงัน ฉู่หลิวเยว่ก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า
“สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้โกหก ไม่มีเหตุผลอื่น?”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเต็มใจที่จะหยิบยื่นความตายให้กับตัวเองน่ะหรือ?”
มู่ชิงเห่อยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ก่อนหน้านี้เขาก้มหน้ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดเขาก็ยืดตัวตรงขึ้น
ใบหน้าราบเรียบสงบนิ่ง
“พ่ะย่ะค่ะ ขอให้ฝ่าบาทช่วยเติมเต็มความปรารถนาของหม่อมฉันด้วย”
ทุกคำพูดของเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาอยากตาย!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
“ครั้งที่แล้วเจ้าก็ขอให้ข้าเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า ด้วยการไปแดนภังคะนี่นะ”
ในตอนนั้นแม้ว่านางจะมีสถานะสูงส่ง แต่อำนาจที่อยู่ในราชสำนักก็ยังไม่มั่นคง มู่ชิงเห่ออาสาเข้าร่วมกองทัพเพื่อไปแดนภังคะ จะได้แย่งชิงอำนาจทางการทหารมาให้นาง
ในตอนแรกนั้นนางไม่เห็นด้วย แดนภังคะนั้นอันตรายอย่างมาก ไม่รู้ว่าไปแล้วจะทรมานมากขนาดไหน แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น เขาอาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้เลย มันเป็นการเดินทางบนความเป็นความตาย หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อย เขาอาจจะต้องอยู่ที่นั่นไปตลอดกาลเลย
แต่ว่านั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่มู่ชิงเห่อไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง เขานั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกตำหนักของนางเป็นระยะเวลานาน
ในตอนนั้นเขาพูดเพียงว่า…ขอให้ฝ่าบาทช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเขา
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่า หลายปีต่อมานางจะได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก คาดไม่ถึงว่าเขากำลังร้องขอความตาย
มู่ชิงเห่อได้ยินเช่นนั้น ก็เหมือนว่าหัวใจได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง เขาเจ็บปวดจนร่างกายสั่นสะท้าน
ใบหน้าของเขามืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็รีบก้มหน้าลงทันที
“ขอให้ฝ่าบาท…”
คำพูดที่เหลือติดอยู่ที่ลำคอ ไม่ว่าอย่างใดก็พูดไม่ออก
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่เขาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นนางก็เห็นว่าปีศาจแดงที่เกาะอยู่ตรงไหล่ของมู่ชิงเห่อกระพือปีกขึ้นมา
มันบินรอบมู่ชิงเห่อ และเข้าใกล้นางบ้างเป็นครั้งคราว พร้อมส่งเสียงเร่งเร้าเหมือนต้องการจะสื่อสารอันใดบางอย่าง
หรือว่า…มันตั้งใจจะน้าวโน้มอันใดอยู่
แต่มู่ชิงเห่อกลับนั่งนิ่งไม่ไหวติง
เมื่อเห็นดังนั้นปีศาจแดงกลับร้อนใจขึ้นมา บินกลับไปทางฉู่หลิวเยว่!
ตอนนั้นเองทุกคนก็เห็นว่ามีเปลวไฟสีเขียวพุ่งตัวผ่านอากาศ วินาทีต่อมา พวกเขาก็เห็นว่ามีนกชิงเชวี่ยตัวนั้นของมู่ชิงเห่อก็ไปอยู่ที่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่แล้ว!
มันกระพือปีกไปมา พร้อมมองฉู่หลิวเยว่อย่างกระวนกระวาย ราวกับว่าต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง มันร้อนรนจนน้ำตาไหลคลอเบ้าแล้ว
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ นางจึงยื่นมือออกไปทันที
“ปีศาจแดง!”
ก่อนที่มือของนางจะสัมผัสตัวของปีศาจแดง ทันใดนั้นมู่ชิงเห่อที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นเหมือนว่าจะสัมผัสอันใดบางอย่างได้ เขาจึงยืดหลังตรง ตะโกนขึ้นด้วยเสียงกล่าวเตือน พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
ปีศาจแดงตัวสั่นระริก แต่มันก็ยังร่อนลงที่กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่
น้ำตาหยดใหญ่ไหลลงมา ทำให้ขนปุกปุยของมันเปียกไปหมด ในตอนที่มันอยู่กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ เขาของมันร้อนเล็กน้อยเหมือนกับเป็นไข้
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันหลุบตาต่ำ ท่าทางคับแค้นใจและขอร้องอ้อนวอน
ไม่ได้ ไม่ได้สิ!
ไม่รู้ว่าถวนจื่อออกมาด้านนอกตั้งแต่เมื่อไร มันเกาะอยู่บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ พร้อมมองภาพเหตุการณ์ข้างหน้านี้
หาได้ยากยิ่ง ครั้งนี้มันไม่ทะเลาะกับปีศาจแดง หลังจากที่ลังเลอยู่เล็กน้อย มันก็บินเข้าหาและวนล้อมปีศาจแดง แต่เหมือนว่าทำอันใดไม่ถูก
ผ่านไปสักพัก มันก็ใช้ศีรษะถูกับอีกฝ่ายอย่างเงอะงะและระมัดระวัง
…อย่าร้องไห้เลย