ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 938 ว่างก็มาหากันบ้าง
ตอนที่ 938 ว่างก็มาหากันบ้าง
“บังอาจนัก!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทีของอิ่นเฮ่าก็เปลี่ยนไปทันที เขาตวาดเสียงดังลั่น
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นใคร!”
ทว่าท่าทางของนายทหารทั้งสองกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงยื่นนิ่งไม่แยแส
“ที่พำนักของราชวงศ์ไท่อวี่อยู่บนถนนสายถัดไป ไม่ใช่ที่นี่”
อิ่นเฮ่าแทบสำลัก
แสดงว่าก็รู้จักตัวตนของถานไถเฉินมิใช่หรือ
แต่แล้วไยพวกเขาจึงยังดื้อรั้นอยู่อีก หรือว่า…
“เป็นไปไม่ได้! พวกเจ้าต้องพลาดแน่ๆ!”
อิ่นเฮ่าก้าวไปข้างหน้าพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล
พวกเขาเตรียมที่พักไว้ทั้งหมดสี่ที่ สองที่แรกถูกครอบครองแล้ว และเหลือเพียงสองที่สุดท้าย
และเมื่อเทียบกันระหว่างสองที่สุดท้ายแล้ว ชัดเจนว่าวังหลังนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ
ในยามนี้มีเพียงคนจากราชวงศ์ไท่อวี่และราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น ที่ยังไม่ได้เข้าพักที่ใด
แต่แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่า ราชวงศ์ใดควรได้พักในที่ๆ ดีกว่า?
ทว่าทหารรักษาการณ์สองคนนี้รับผิดชอบดูแลที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมมิอ่อนแออย่างที่คิด และพวกเขาก็ไม่กลัวอิ่นเฮ่าด้วย
“ใต้เท้าอิ่น พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง โปรดอย่าสร้างความลำบากให้พวกเรา”
“นี่พวกเจ้า…”
อิ่นเฮ่าต้องการพูดต่อ ทว่าถานไถเฉินที่อยู่ข้างๆ เขากลับเย้ยหยันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“พวกเจ้าจะบอกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่พักสำหรับราชวงศ์ไท่อวี่ของพวกข้า แต่เป็นของราชวงศ์เทียน
ลิ่งอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากพูดจบ นายทหารทั้งสองก็พยักหน้าพร้อมกัน
“ถูกต้อง!”
คำพูดที่เหลือของถานไถเฉินถูกปิดกั้นเก็บไว้ในลำคอทันที!
แม้แต่อิ่นเฮ่าเองก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ ราวกับจะกลืนไข่เข้าไปได้อย่างใดอย่างนั้น
“อะ อันใดกัน?”
“หือ? ดูเหมือนว่าวังแห่งนี้จะถูกสงวนไว้สำหรับข้าสินะ?”
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในความเงียบ ก็พลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
เมื่อพวกเขาหันหน้าไปมอง ก็เห็นฉู่หลิวเยว่กระโดดลงจากรถม้า แล้วยืนหยัดอยู่บนพื้นอย่างสวยงาม
เนื่องจากถนนสายนี้กว้างขวางมาก และสามารถรองรับขบวนรถม้าได้ถึงสองคัน ดังนั้นรถม้าของพวกเขาจึงจอดอยู่ข้างๆ ขบวนของถานไถเฉินและคนของเขา
กลุ่มของฉู่หลิวเยว่ได้ยินการสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่อย่างชัดเจน
นางเอนตัวพิงรถม้า พลันเอามือกอดอก พร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของนาง
เดิมทีนางก็เกิดมาสวยสดงดงามอยู่แล้ว และพอยิ้มเช่นนี้ก็ยิ่งเสริมให้นางพราวเสน่ห์มากขึ้น จนคนมองหวั่นไหวกันให้ขวัก
“พร่ำเพ้ออันใดของพวกเจ้ากัน!?”
ถานไถรั่วหลีเองก็ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ และรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม นางจึงสาวเท้าไปที่ประตูทันที แล้วตะโกนใส่นายทหารทั้งสองคนอย่างรุนแรง
“คำสั่งหรือ? พวกเจ้ารับคำสั่งใครกัน?!”
นายทหารสองคนขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้านาง
“แน่นอนว่าต้องเป็นองค์รัชทายาท!”
สำหรับการเปิดหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงในครั้งนี้ องค์รัชทายาทคือผู้ที่ส่งจดหมายเชิญไปยังราชวงศ์ต่างๆ เองทั้งหมด แม้แต่การจัดการเรื่องที่พักก็ไม่เว้น
และยังแจ้งไว้โดยเฉพาะอีกว่า พระราชฐานแห่งนี้สงวนไว้สำหรับราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น!
หลังจากพูดจบ นายทหารทั้งสองก็หันไปทำความเคารพแก่ฉู่หลิวเยว่ พลางเอ่ยด้วยท่าที่สุภาพยิ่งกว่าเมื่อครู่ก่อนหลายเท่า
“องค์รัชทายาททรงตรัสไว้ว่า ท่านโปรดพักอยู่ที่นี่ตามอัธยาศัย และหากต้องการหรือรับสั่งประการใด ก็ทูลถามได้ทุกเมื่อ”
ทัศนคติเช่นนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ!
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้น พร้อมกับกดยิ้มลึกล้ำ และเดินไปข้างหน้าทันที
รองเท้าหนังที่ตัดเย็บอย่างดีและประณีต เหยียบย่ำลงบนพื้นจนเกิดเสียงกุกกัก ประหนึ่งค้อนหนักๆ ที่กระแทกหัวใจของถานไถเฉินและคนอื่นๆ ทีละคน!
นางเดินไปที่หน้าประตูและหยุดยืนข้างพวกเขา
พลันกะพริบตาปริบแล้วเอ่ยด้วยความลำบากใจ
“ที่แท้ก็สงวนไว้ให้ข้าจริงๆ สินะ? เมื่อครู่ข้าก็เผลอนึกว่าพวกเจ้าล้อเล่นเสียอีก พวกเจ้าเลยต้องมาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้… ช่างน่าอายเสียจริง จักรพรรดิไหวเหริน ครานี้ข้ามิได้ฉวยมันไปจากท่านนะ โปรดอย่าเข้าใจผิดล่ะ!”
นางพูดพลางมองถานไถเฉิน
“เห่อ กว่าจะมาถึงได้ก็เหนื่อยเอาการ สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปที่ถนนอีกสาย… วุ่นวายจริงเชียว! ทุกท่าน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ หากเมื่อครู่พวกข้ามาถึงก่อน ก็คงไม่เกิดเรื่องน่าขันเช่นนี้ขึ้นหรอกเนอะ”
ถานไถเฉินรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง!
พวกเขาเป็นฝ่ายชิงรถม้ามาก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้กระสุนลูกนั้น มันย้อนกลับมายิงเจ้าของปืนแล้ว! ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก!
ถ้ารู้แต่แรกว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาจะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด!
ถานไถรั่วหลีทนฟังไม่ไหว นางหัวเราะเย้ยหยัน และชำเลืองมองทหารรักษาการณ์ทั้งสองนาย
“พวกเจ้าพูดว่าเป็นรับสั่งจากองค์รัชทายาท แล้วไหนหลักฐาน? พวกเจ้าคงไม่ได้จงใจแต่งเรื่องขึ้นเองหรอกใช่หรือไม่!”
สิ้นสุดคำนั้น ลมปราณของนายทหารทั้งสองก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดันและอันตรายขึ้นมาทันที!
แม้แต่อิ่นเฮ่าเองก็ยังอดบ่นไม่ได้
ถานไถรั่วหลีนี่ไร้สมองหรือไร!?
อย่าว่าแต่ในหลินโจวเลย แม้แต่ในราชวงศ์เป่ยหมิงทั้งหมด ก็ยังไม่มีใครกล้าที่บิดเบือนเจตจำนงขององค์รัชทายาทเลยสักคน ยิ่งพูดถึงคนที่คิดจะต่อต้านความตั้งใจของเขา ยิ่งเป็นไปไม่ได้!
เว้นแต่คนผู้นั้นจักรีบไปพบยมบาล และต้องการพาคนทั้งตระกูลไปลงนรกด้วยน่ะนะ!
การที่นางพูดเช่นนั้น หมายความว่านางไม่ได้ให้เกียรติองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย!
“องค์หญิงใหญ่ถานไถ โปรดระวังคำพูดด้วย!”
นายทหารคนหนึ่งเตือนอย่างเข้มงวด!
ถานไถรั่วหลีตกตะลึงกับแรงกดดันนี่ ความเย่อหยิ่งและความเอาแต่ใจที่นางมี หายวับไปในทันที นางเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด
“ขะ ข้าแค่ถามเฉยๆ…”
คนพวกนี้น่ากลัวจริงๆ!
นางเพิ่งจะกล่าวไปประโยคเดียวเท่านั้น…
“องค์หญิงใหญ่ โปรดอย่าได้พูดเช่นนี้อีก! มิฉะนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายจนท่านคิดไม่ถึงเชียว!”
แม้แต่อิ่นเฮ่าก็ยังต้องเอ่ยเตือนนาง
ถ้าอยากตายคนเดียวย่อมไม่มีใครว่า แต่อย่าดึงคนอื่นไปลงนรกด้วย!
เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ อิ่นเฮ่าก็ไม่กล้าถามอันใดไปมากกว่านี้ และร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านทั้งสองอย่าได้เข้าใจผิดไปเลย เป็นเพราะข้าไม่ได้สอบถามให้ดี จึงเกิดความผิดพลาดขึ้นเช่นนี้ พวกข้าจะไปแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้! เพียงแต่อย่ารายงานเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทเป็นกังวลก็พอ แล้ววันหลัง วันหลังข้าจักเลี้ยงสุราท่านทั้งสองเป็นการตอบแทนแน่นอน พวกท่านว่าอย่างใด?”
หลังจากพยายามอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบสอพลอสุดฤทธิ์ ในที่สุดนายทหารรักษาการณ์ทั้งสองก็พยักหน้าตกลง
อิ่นเฮ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ถานไถเฉินและเอ่ยเสียงเบาว่า
“เช่นนั้น… พวกเรา ก็กลับที่พักกันเถิด… ข้าน้อยจักนำทางท่านไปวังอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล…”
ตลอดชีวิตการเป็นจักรพรรดิของถานไถเฉิน เขาไม่เคยเจอเรื่องไร้สาระอย่างการถูกคนอื่นปฏิเสธเช่นนี้มาก่อนเลย หากต้องร้องขอความเมตตาล่ะก็ เขายอมจากไปอย่างราบรื่นทั้งๆ แบบนี้เสียดีกว่า!
และถึงเขาจะไม่ใช่คนร้องขอความเมตตา แต่ก็ถือว่าเป็นการเสียหน้าอยู่ดี!
ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว จนอยากจะมุดดินหนีไปเสียให้จบๆ!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ไป!”
แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ฉู่หลิวเยว่ก็ดันหัวเราะเยาะแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นว่า
“นี่ พวกท่านจะไม่เข้าไปนั่งพักเสียหน่อยหรือ?”
ถานไถเฉินเจ็บแค้นใจสุดๆ! ใบหน้าของเขาบึ้งตึงไม่พอใจ!
เขากำหมัดแน่นจนแทบจะได้ยินเสียงบีบเค้นของกล้ามเนื้อ ก่อนจะระงับความโกรธในใจได้ในที่สุด และกล่าวอย่างเย็นชาโดยไม่หันกลับมามองอีก
“ไม่จำเป็น!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ตรงดิ่งไปขึ้นรถม้าและเคลื่อนออกจากถนนสายนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่โบกมือไหวๆ ให้พร้อมยิ้มอย่างสดใส
“ว่างแล้วก็แวะมาหากันบ้างนะ!”
ถานไถเฉินที่ได้ยินแทบจะกระอักเลือดออกมาเสียตรงนั้น!