ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 943 นั่งเงียบๆ อยู่ด้านหลังเถอะ
ตอนที่ 943 นั่งเงียบๆ อยู่ด้านหลังเถอะ
คืนวันนั้น
เยี่ยนชิงรีบกลับมาอย่างรีบร้อน พร้อมวิ่งตรงเข้ามาที่วังหลวงทันที
ตอนที่เข้ามาในห้อง เยี่ยนชิงก็เห็นว่าหรงซิวกำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่ที่ริมหน้าต่าง
เยี่ยนชิงรีบทำความเคารพทันที
“นายท่าน”
หรงซิวจ้องมองไปที่กระดานหมากรุก ราวกับกำลังคิดว่าต่อไปควรจะเดินไปทางไหนดี เขาตอบรับมาว่า “อื้ม” ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
“ได้ความว่าอย่างใดบ้าง?”
“เรียนนายท่าน ตอนนี้ข้าน้อยได้หลักฐานส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือจำเป็นจะต้องรอเวลาเท่านั้น!”
หรงซิวพยักหน้าอย่างพอใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะทำงานอันใดล้วนทำให้ข้าวางใจได้เสมอ แต่เรื่องนี้ให้รอไปก่อน”
“ขอรับ!”
เยี่ยนชิงพูดจบก็ลุกขึ้นยืน แต่เขาก็อดที่จะมองไปยังนายท่านของตัวเองอีกครั้งไม่ได้
และนึกไปถึงข่าวลือที่เขาเพิ่งได้ยินตอนที่กลับมา…เขารู้สึกเหมือนว่ามีอันใดบางอย่างมาข่วนที่หัวใจ
แต่ทว่าไม่ว่านายท่านจะทำอันใดล้วนมีเหตุผลอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็อาจจะเป็นเหมือนกันล่ะมั้ง…
“อยากจะถามอันใด ก็พูดออกมาเถอะ”
หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ
เยี่ยนชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นมาว่า
“นายท่าน ข่าวลือที่แพร่อยู่ด้านนอก บอกว่าท่านจะคัดเลือกพระชายาในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพนั้น..เป็นเรื่องจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง”
หรงซิวหัวเราะออกมา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหมาย
“ต่อให้หมิงเหยาจะใจกล้ามากกว่านี้แต่เขาก็ไม่กล้าสร้างข่าวลือเกี่ยวกับข้าหรอก”
ยิ่งไปกว่านั้น เขาตั้งใจกระพือข่าวนี้ออกไปอย่างเป็นวงกว้างด้วย
ไม่อย่างนั้นข่าวนี้ไม่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกขนาดนี้หรอก
เยี่ยนชิงไม่เข้าใจ
“แต่ว่าทางด้านฮูหยิน…”
“ข้ากำลังต้องการให้จบเรื่องนี้อย่างรวดเร็วพอดี”
แกร๊ก!
หมากในมือของหรงซิวหล่นลง
บนกระดานหมากรุกมีสีขาวดำแตกต่างกันอย่างชัดเจน พวกมันเหมือนกับมังกรสองตัวที่กำลังต่อสู้กันอยู่!
เมื่อหมากนี้ถูกวางลงไป มังกรดำก็ตัดหัวมังกรขาวทันที!
ทั้งหมดถูกวางเอาไว้อย่างรัดกุมแล้ว!
เขาเอนหลังแล้วยิ้มออกมา
“ข้าอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีมันช่างเหงาเกินทน ตำแหน่งพระชายานั้นเป็นของนางอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าถ้ามอบให้นางเร็วขึ้นสักหน่อย”
เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจะได้มาอยู่ข้างกายเร็วขึ้นหน่อย และยังสามารถยืนข้างเขาอย่างเปิดเผยอีกด้วย!
คนอื่นจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดโดยไร้เหตุผลเสียที!
…
ราชวงศ์เป่ยหมิง หลินโจว
หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งคืน แสงแรกก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็หยุดมือลงทันที
ตรงหน้านางมีม่านพลังสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ!
หากเมื่อพิจารณาให้ดีแล้ว ม่านพลังนี้เกิดจากลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมกัน ซึ่งมันซับซ้อนอย่างมาก แต่ก็งดงามจนแทบจะหยุดหายใจ!
…เห็นได้ชัดว่านี่คือตัวจำลองที่คัดลอกมาจากม่านพลังของราชวงศ์เป่ยหมิง
คาดไม่ถึงว่าสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งด้านบนนั้นก็ยังปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน!
นี่นางสามารถคัดลอกออกมาได้ทั้งหมดจริงๆ!
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ซีดเผือดไปเล็กน้อย แต่แววตาของนางนั้นสว่างสดใสอย่างมาก ประกายความตื่นเต้นที่อยู่ภายในก็ไม่สามารถปิดบังได้มิด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางจำลองรูปแบบค่ายกลระดับเก้า
ตอนแรกนั้นนางได้ทะลวงเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับแปด และแช่อยู่ที่ระดับนี้เป็นเวลานาน แม้ว่านางจะยังไม่ทันได้ทะลวงขึ้นไปอีกขั้น แต่ก็สามารถศึกษาค่ายกลระดับเก้าหลายรูปแบบได้แล้ว
นี่เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจนทุกวันนี้
แต่ว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางสามารถสร้างค่ายกลระดับเก้าได้สำเร็จสมบูรณ์!
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังออกมาจากด้านนอก
“ฝ่าบาท พวกเราควรเข้าวังได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
นี่คือเสียงของเหวินฝาน
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
“รู้แล้ว”
เมื่อพูดจบนางก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง
ม่านพลังจำลองที่อยู่ตรงหน้าของนางก็หายไปในทันที ก่อนจะกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็อาบน้ำอย่างรวดเร็ว พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากประตูไป
…
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ออกมาแล้ว เหวินฝานก็รีบถวายบังคม
เขาใช้สายตาสำรวจอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พบว่าฉู่หลิวเยว่นั้นอารมณ์ดีมาก ดวงตาสว่างสุกสกาวราวกับดวงดาว
เหมือนว่าเรื่องราวของเมื่อวานจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางเลย
อีกทั้งปราณที่อยู่บนตัวนางก็เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อย…
เหวินฝานแอบรู้สึกตกใจ
เคยได้ยินมาว่าคนผู้นี้มีชีพจรเทียนจิงที่หาตัวจับได้ยาก เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาบนโลก น่าเสียดายที่สุดท้ายกลับโดนคนทำร้าย นางจึงกลับมาจากหายนะได้อย่างยากลำบาก
เดิมทีเขาคิดว่าฝีมือจะต้องด้อยกว่าเมื่อก่อน แต่ดูจากตอนนี้แล้วนั้น…เหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย…
เหวินฝานระงับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แล้วนำทางฉู่หลิวเยว่ออกไปจากเรือน
ผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ ก็ได้รับข่าวเช่นเดียวกัน จึงทยอยออกมาทีละคน
ขบวนรถม้าของเมื่อวานรออยู่ที่ด้านหน้าเรือนแล้ว คนกลุ่มหนึ่งทยอยเดินขึ้นรถม้าไป เป้าหมายคือวังหลวง
…
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ออกจากเรือนมาแล้ว เพิ่งได้เลี้ยวเข้าสู่ถนนก็ได้บังเอิญเจอกับราชวงศ์ไท่อวี่
เหวินฝานนั่งอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน พร้อมเหลือบสายตาไปมองทางอิ่นเฮ่า
ในขณะเดียวกันนั้นเองอิ่นเฮ่าก็มองมาทางนี้เช่นกัน
เขานึกถึงเรื่องเมื่อวานนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงรู้สึกโมโหขึ้นมา แม้กระทั่งใบหน้ายังดูมืดครึ้มหลายส่วน
“ศัตรูบนทางแคบจริงๆ”
เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้นหนึ่งครั้ง
“ขบวนรถม้าของพวกเราต่อแถวอยู่ด้านหน้า ตามหลักแล้วพวกเราควรไปก่อน เหวินฝานเจ้ายังไม่รีบหลีกทางให้พวกเราอีก!”
จากประสบการณ์การโดนรังแกมาหลายปี เมื่อเห็นอิ่นเฮ่าโมโหเหวินฝานก็แทบจะยอมแพ้และหลีกทางให้อีกฝ่ายแล้ว
แต่ในตอนที่ฝีเท้ากำลังจะขยับ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากทางด้านหลังของรถม้า
การกระทำของเหวินฝานชะงักไปทันที
เมื่อวานซั่งกวนเยว่ได้พูดกับเขาว่า ห้ามถอยหรือประนีประนอมเด็ดขาด!
ไม่ว่าอย่างใดนางก็อยู่ที่นี่!
เรื่องนี้ทำให้เหวินฝานมีความมั่นใจมากขึ้นหลายส่วน
เขายืดหน้าอกขึ้นทันที คางก็เชิดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปจ้องอิ่นเฮ่าตรงๆ
“ขอโทษด้วยจริงๆ นะขอรับ ถนนของฝั่งพวกเรานั้นอยู่ใกล้กับวังหลวงมากกว่า แค่ออกมาก็มาอยู่ด้านหน้าของพวกเจ้าแล้ว แม้ว่าอันดับของเจ้าจะอยู่ก่อน แต่ทุกคนก็ล้วนเข้าวังเหมือนกัน ยังจะมาแบ่งก่อนหลังเหตุใดอีกหรือขอรับ? หากพวกเราหลีกทางให้ในตอนนี้มันมีแต่เพิ่มปัญหามากขึ้นนะขอรับ”
เขายกแส้ยาวในมือขึ้นมา
เพียะ!
เขาสะบัดแส้ยาวลงพื้น เสียงหวดอากาศดังขึ้น!
“พวกเจ้า…ตามมาด้วยจะดีกว่านะขอรับ!”
“ย่ะ!”