ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 947 เช่นนั้นเจ้าก็มาด้วยสิ
ตอนที่ 947 เช่นนั้นเจ้าก็มาด้วยสิ
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ทุกคนก็หูผึ่งขึ้นทันที
ก็ที่พวกเขามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ?
“ตั้งแต่คืนวันนี้เป็นต้นไป ม่านพลังด้านนอกของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงจะได้รับผลกระทบจากพลังฟ้าดิน ทำให้แรงกดดันของมันค่อยๆ ลดลงไป หลังจากนั้นหนึ่งวันหนึ่งคืน นั่นจะเป็นเวลาที่แรงกดดันลดต่ำลงที่สุด อีกทั้งในเวลานั้นก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าไป”
จวินจิ่วชิงพูดกระชับและตรงประเด็น
“ทางเข้าของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงมีเพียงทางเดียวเท่านั้น และในขณะเดียวกันทางนั้นก็เป็นทางออกด้วย ซึ่งก็หมายความว่า เข้าทางไหนก็ออกทางนั้น ปากทางเข้านั้นเกิดขึ้นเพราะความพยายามของบรรพบุรุษนับพันคน จนในที่สุดก็สามารถเจาะรูออกมาได้ ครั้งนี้จึงต้องมีเวลาที่เหมาะสม และสถานที่ พร้อมทั้งจำนวนคน ถึงจะสามารถเปิดออกมาได้”
ทุกคนพยักหน้า แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจ
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นม่านพลังที่ผู้แข็งแกร่งที่สามารถก้าวเข้าสู่แดนเซียนทิ้งเอาไว้ให้เท่านั้น แน่นอนว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว
มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น นั่นคือการร่วมมือกัน ถึงจะสามารถคว้าโอกาสที่ว่านั้นมาได้
มิน่าล่ะเรื่องที่น่ายินดีขนาดนี้ แต่พวกเขากลับยินยอมแบ่งชิ้นเนื้อให้กับราชวงศ์อื่น
ซึ่งนี่คงเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่จริงๆ
“เมื่อหลายพันปีก่อน ไท่จู่ของเป่ยหมิงได้บำเพ็ญเพียรอยู่ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ในฐานะยอดฝีมือระดับเก้าขั้นสูงเขาสามารถบำเพ็ญเพียรไปสู่ขั้นสูงสุดได้สำเร็จ เมื่อขึ้นไปแล้ว หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงก็ถูกทิ้งเอาไว้เช่นนี้ หลายพันปีผ่านมา หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงก็ถูกปิดตายเอาไว้ตลอด ไม่เคยเปิดออกมา และยิ่งไม่มีใครเข้าไป ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา พลังดั้งเดิมในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงได้รับการสั่งสมเพิ่มขึ้น อีกทั้งได้กำเนิดวัตถุดิบวิเศษล้ำค่าจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อพลังดั้งเดิมในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงถึงจุดสูงสุด มันก็เลือกที่จะเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ อีกทั้งเมื่อปลดปล่อยพลังงานออกมา หลังจากนั้นมันก็จะเข้าสู่วัฏจักรต่อไป อีกทั้งขั้นตอนนี้ก็คือ…สามหยวนรวมยอด!”
“เมื่อถึงตอนนั้น พลังที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงได้สั่งสมเอาไว้ก็จะพวยพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำขึ้นลง ผู้บำเพ็ญเพียรสามารถใช้โอกาสนี้ เลื่อนระดับบำเพ็ญเพียรของตนเองได้! ผู้ที่มีพรสวรรค์ อีกทั้งฝีมือที่แข็งแกร่ง ใช่ว่าจะสามารถทะลวงด่านไปได้ง่ายๆ”
จวินจิ่วชิงพูดเพิ่มขึ้นอีกประโยค ทุกคนที่อยู่ด้านในก็มีสีหน้าตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
โลกใบนี้นับถือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นใหญ่ แล้วมีใครบ้างที่ไม่อยากแข็งแกร่ง!?
โอกาสเช่นนี้ บางคนตายไปแล้วยังไม่ได้รับเลย!
ยิ่งไปกว่านั้นหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีอันใดต้องละอาย ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะมีกุญแจหรือพลังอันใดบางอย่างที่จะสามารถทำให้ขึ้นไปสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงก็เป็นได้?
มีเพียงต่อเข้าไปเท่านั้น ถึงจะสามารถรู้ได้!
“ราชวงศ์เป่ยหมิงเชิญให้พวกเราเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงด้วยกันนั้น นับว่ามีน้ำใจมากทีเดียว หนิงหยวนไม่มีอันใดจะกล่าวนอกจากคำว่าขอบคุณ และเมื่อถึงตอนนั้นก็ขอเชิญให้ผู้อาวุโสทุกท่านให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
หนิงหยวนประสานมือขึ้นมา
เมื่อเขาพูดขึ้นเช่นนั้นคนอื่นๆ ก็ทยอยทำความเคารพเพื่อแสดงความขอบคุณด้วยเช่นกัน แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะรู้ว่า พวกเขานั้นทำเพื่อตัวเอง ถึงได้เชิญพวกเขามาเช่นนี้ แต่สำหรับพวกเขาแล้วนี่เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปเหตุใด?
จวินจิ่วชิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ราวกับพอใจในปฏิกิริยาของทุกคนมาก มุมปากจึงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ตอนที่เปิดหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงนั้นก็ยังต้องอาศัยทุกคนให้เปิดมันขึ้นพร้อมกัน อย่างน้อยหลังจากที่เข้าไปแล้ว สุดท้ายแล้วพวกท่านจะได้รับอันใดบ้างนั้น ก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนแล้ว”
จวินจิ่วชิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“แต่ว่า เมื่อครู่นี้มีเรื่องบางอย่างที่ข้านั้นลืมบอกไป ทุกๆ สองชั่วยามหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงจะสามารถเข้าไปครั้งละห้าคน นั่นก็หมายความว่า ทุกท่านจะต้องแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มแล้วค่อยเข้าไป ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เรามาจัดลำดับการเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงก่อนเลยดีหรือไม่?”
…
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ทั่วทั้งท้องพระโรงก็เงียบไป คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ
ตอนแรกพวกเขาคิดว่า ขอเพียงแค่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเปิดทุกคนจะสามารถเข้าไปด้านในพร้อมกันได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องเรียงตามลำดับด้วย?
อีกทั้งระยะห่างของช่วงเวลาก็ไม่ได้นับว่าสั้น เวลาตั้งสองชั่วยาม
ถ้าฟังเช่นนี้อาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ต้องบอกก่อนว่า ภายในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงนั้น เวลาเป็นสิ่งมีค่าอย่างมาก!
หากสามารถอยู่ในนั้นได้นานขึ้นอีกหน่อย ก็อาจจะสามารถบำเพ็ญเพียรก้าวหน้าได้มากขึ้นอีกขั้น!
แล้วใครจะยอมอยู่ด้านหลังเล่า?
ดังนั้นการจัดลำดับในครั้งนี้นั้นจึงจำเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าราชวงศ์เป่ยหมิงต้องไปก่อนเป็นกลุ่มแรก และที่เหลืออีกสี่ตระกูล จำเป็นจะต้องจัดลำดับกันเอาเอง
ในตอนนั้นเองทุกคนก็ต้องอยู่ในความเงียบ
ฉู่หลิวเยว่ก็หลุบสายตาลงต่ำ พร้อมมองไปที่จอกเหล้าตรงด้านหน้าตนเอง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน
จวินจิ่วชิงผู้นี้คงจะกลัวว่าโลกใบนี้วุ่นวายไม่พอ
เขามีฐานะเป็นไท่จื่อเป่ยหมิง ถ้าเขาเป็นคนจัดลำดับเองแล้วก็คงจะไม่มีปัญหา
แต่ว่าไม่ทำเช่นนั้น
เขากลับให้ทั้งสี่ราชวงศ์ปรึกษากันเอาเอง
ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นธรรมและเป็นกลาง แต่ความจริงแล้วเขาต้องการหาเรื่องให้กับราชวงศ์ทั้งหลายเหล่านี้เองมากกว่า
นี่ยังไม่ทันได้เข้าไปที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเลยนะ ก็เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาเสียแล้ว
ด้วยความวุ่นวายเช่นนี้ จึงยากจะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะทำให้การร่วมมือนั้นอ่อนแรงลง
อีกทั้งราชวงศ์เป่ยหมิงกลับเอาตัวให้ห่างจากเรื่องนี้ พร้อมมองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด เขาล้วนรู้วิธียิงนกที่ยื่นหัวออกมา
เขาไม่อยากจะล่วงเกินใครง่ายๆ และตกเป็นเป้าหมายของงานนี้
…
“ข้ามีข้อเสนอแนะ”
ทันใดนั้นถานไถเฉินก็พูดขึ้นมา
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
ฉู่หลิวเยว่ก็เหลือบสายตามอง และเห็นว่าถานไถเฉินกำลังมองมาที่นางอยู่พอดี
หัวใจของนางเต้นระรัว ทันใดนั้นลางสังหรณ์บางอย่างก็แจ้งเตือน
และในตอนนั้นถานไถเฉินก็พูดขึ้นว่า
“เนื่องจากราชวงศ์เทียนลิ่งเดินทางมาไกล ลำบากอย่างมาก ถ้าเช่นนั้นให้พวกเขาอยู่ด้านหน้าเป็นอย่างใด?”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ทั่วทั้งท้องพระโรงก็พลันเงียบเสียงทันที
ยกเว้นราชวงศ์เป่ยหมิงที่นั่งเป็นเจ้าภาพ มีใครบ้างที่ไม่ได้เดินทางมาไกล?
ถานไถเฉินตั้งใจพูดขึ้นเช่นนี้ และยังเน้นย้ำว่าเป็นราชวงศ์เทียนลิ่ง ซึ่งไม่ได้มีชายแดนอยู่ติดกับราชวงศ์เป่ยหมิง และยังบอกเป็นนัยว่าความจริงนางไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมเสียด้วยซ้ำ
แต่ว่ามันไม่ใช่แค่เท่านี้ นางยังได้พักในเรือนหลังที่ดีที่สุดอีกด้วย
เรื่องเช่นนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไร
หรือว่านางจะมีความสัมพันธ์กับไท่จื่อราชวงศ์เป่ยหมิง
หรือว่านางจะมีผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่อยู่อีก?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้นางอยู่ด้านหน้าสุดไปก็จบเรื่อง!
ให้ทุกคนเห็นไปเลยว่า นางมีความสามารถหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่!
ท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะขึ้นมา
“คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสถานไถจะดูแลข้าดีเช่นนี้ ตามหลักการแล้ว ข้าถือว่าเป็นคนที่มีฐานะต่ำที่สุดของที่นี่ ควรจะอยู่สุดท้าย แต่ในเมื่อผู้อาวุโสถานไถพูดเช่นนี้…หากข้าปฏิเสธท่านต่อไป จะไม่เป็นการหักหน้าท่านหรอกหรือ?”
ถานไถเฉินหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาในใจ แต่ใบหน้ากลับราบเรียบ แล้วพูดขึ้นว่า
“ช่วงนี้เจ้าเพิ่งขึ้นครองราชย์ แต่กลับต้องมาที่เป่ยหมิงแล้ว มันคงจะลำบากอย่างมาก ดังนั้นพวกเราจะหลีกทางให้เจ้านั้นก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้น ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดที่ประชดประชันนั้นเลย นางจึงยิ้มแล้วพยักหน้าขึ้นลง
“ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้น…ผู้น้อยก็จะเชื่อฟังคำพูดของผู้อาวุโส! เพียงแต่ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านอื่นจะว่าอย่างใดบ้าง?”
เมื่อพูดจบนางก็หันหน้าไปมอง
เดิมทีกงซุนเซียวต้องการที่จะแข่งขันให้เข้าไปเป็นคนแรก แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าถานไถเฉินจะผลักฉู่หลิวเยว่และคณะออกไปข้างหน้า
อีกทั้งเมื่อพูดมาถึงขั้นนี้แล้วหากพวกเขาไม่ยอม พวกเขาก็กลายเป็นคนใจแคบน่ะสิ!
กงซุนเซียวชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดออกมาอย่างลังเลว่า
“ด้วย…ด้วยตัวนางนั้นยังเด็ก ให้นางนำเข้าไปจะเป็นอันตรายหรือไม่?”
ถานไถเฉินหัวเราะหนึ่งครั้ง
“เรื่องนี้ทุกคนไม่ต้องกังวล ทุกท่านอาจจะไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อซั่งกวนเยว่ผู้นี้มาถึงชายแดนของเป่ยหมิง นางก็ได้สร้างม่านพลังจำลองของค่ายกลระดับเก้าออกมาแล้ว เมื่อเข้าไปที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ขอเพียงนางใช้พลังเพียงเล็กน้อยก็สามารถอยู่รอดคงกระพันแล้ว”