ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 976 หรงซิว ข้าปล่อยให้เจ้ารอเสียนาน
ตอนที่ 976 หรงซิว ข้าปล่อยให้เจ้ารอเสียนาน
ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามซั่งกวนเยว่หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและผ่อนคลาย
“ตกลง”
ฉู่หลิวเยว่พลันเบิกตากว้าง!
มันเป็นเสียงที่นางคุ้นเคยมากๆ!
นางกำหมัดแน่นและจ้องมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบ
หญิงสาวในศาลาแปดเหลี่ยมเท้าคางลงบนมือข้างหนึ่ง พลางหยิบตัวหมากจากโถหมากรุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม และโยนมันลงบนกระดานจนเกิดเสียงดัง “กุกกัก”
จากนั้นนางก็ช้อนตาขึ้นมอง แพขนตายาวงอนสั่นไหวเบาๆ ดวงตากลมเหมือนหยกเกลี้ยงเกลาของเธอเปล่งประกายด้วยไหวพริบและความฉลาดหลักแหลม
“หรงซิว เจ้าแพ้แล้ว”
…
หรงซิว…
หรงซิว!
เป็นเขานี่เอง!
ยามนี้การคาดเดาอันไร้แก่นสารและออกจะกล้าบ้าบิ่นไปหน่อยของนาง ได้รับการยืนยันแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า หัวสมองของนางว่างเปล่า แม้แต่หัวใจก็ยังหยุดเต้นไปชั่วขณะ และเหมือนว่าโลหิตในกายของนางจะแข็งตัวไปโดยปริยาย!
คำพูดเหล่านั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู
“หรงซิว เจ้าแพ้แล้ว”
นี่คือสิ่งที่นางเคยพูดกับหรงซิว…
ชัดเจนว่าพวกเขารู้จักกันมาตั้งนานแล้ว!
ไม่แปลกใจเลยที่นางจะรู้สึกคุ้นเคยกับชายผู้นี้…
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจและมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดพลั้งอันใดไป
ทว่ายามนี้ แสงรอบข้างกลับหรี่ลงอย่างรวดเร็ว และภาพทั้งหมดก็หายไปทันที!
ฉู่หลิวเยว่ร้อนรนรีบยื่นมือออกไปคว้าภาพนั้นเอาไว้
แต่กลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า
มันไม่มีอันใดนอกจากพลังของห้วงมิติที่ไหลวนอย่างเชื่องช้า
ราวกับว่าทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้นนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
แต่… มันไม่ใช่!
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอน! และนั่นคือความทรงจำของนาง!
บรรยากาศรอบด้านตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง ความเงียบงันหาที่เปรียบมิได้ปกคลุมไปทั่วพื้นที่
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่นั่นนิ่งๆ แต่จิตใจของนางกลับว้าวุ่น
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พร้อมคำถามนับไม่ถ้วนที่พรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง!
นางเคยไปที่หน้าผาแห่งนั้น และเล่นหมากรุกกับหรงซิวในศาลาแปดเหลี่ยม
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ในช่วงเวลานั้น นางได้อยู่กินร่วมกันกับหรงซิวแล้ว!
หากทั้งหมดนี้เป็นความจริง นางก็สามารถหาเหตุผลมายืนยันเรื่องความทรงจำที่หายไปได้ แต่หรงซิวเล่า?
เขายังจำเรื่องทั้งหมดนั่นได้หรือไม่?
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็นึกถึงวันที่นางเกิดใหม่
นางตื่นขึ้นมาในป่ารกร้าง จัดการกับผู้คนที่ต้องการสังหารเจ้าของเดิมของร่างนี้ แล้วเดินไปที่ทะเลสาบ
จากนั้นนางก็ได้พบกับหรงซิว
ในเวลานั้น นางยังไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขามีพลังมหาศาลและไม่ง่ายต่อการยั่วยุ
แต่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพมาก
ในตอนนั้น ตัวนางเต็มไปด้วยความระแวดระวังจนมิได้ไม่สนใจรายละเอียดเหล่านี้
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะสุภาพเกินไปด้วยซ้ำ… เรียกได้ว่าสนิทสนมเกินปกติก็ว่าได้
และหลังจากนั้น เขาก็คอยช่วยเหลือนางหลายต่อหลายครั้ง ทั้งอย่างโจ่งแจ้งและอย่างลับๆ…
แต่ไหนแต่ไรหรงซิวมิใช่คนจุ้นจ้านในเรื่องของคนอื่น
แต่นางเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ฉู่หลิวเยว่เคยถามเขาหลายครั้ง ว่าเหตุใดต้องเป็นนาง?
มีสตรีมากมายในโลกนี้ที่คลั่งไคล้ในตัวเขา แต่เพราะอันใดเขาถึงเอาแต่ไล่ตามนาง?
นางนึกว่าเขารู้จักนางจากหลังพบกันในป่าครานั้น
แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างระหว่างเรานั้นมีมาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว!
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่สั่นเครือ
อย่างนั้นก็หมายความว่า… หมายความว่า…
หรงซิวรู้ตั้งนานแล้วว่านางเป็นใคร?
และยิ่งไปกว่านั้น ความจริงแล้วเขา…มารอนางอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว!
…
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เจ็บแปลบ นางกรีดร้องด้วยความทุกข์ระทม พลันกุมศีรษะไว้อย่างเจ็บปวด แล้วทรุดตัวลงกับพื้น
มันเจ็บเจียนตายราวกับถูกเข็มแหลมคมทิ่มแทงอย่างต่อเนื่อง หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดแสนสาหัส!
ฉู่หลิวเยว่บังคับตัวเองให้หยุดคิด พลันหอบหายใจอย่างหนัก
หลังจากนั้นพักใหญ่ ความเจ็บปวดอันแสนทรมานก็ค่อยๆ จางหายไป
ทั้งตัวของนางแทบชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
นางหลับตาและทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น
อุณหภูมิบนกายบางเย็นลง แต่นางไม่ได้สนใจมันมากนัก
เพราะยามนี้ ในหัวของนางเต็มไปด้วยความคิดมากมาย และสิ่งเดียวที่นางคิดได้ในตอนนี้ ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
นางจะไม่ฝืนระลึกความทรงจำอีกแล้ว เพราะมันมีแต่จะทำให้นางปวดหัว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้นางได้ใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องทั้งหมด
นางนวดขมับตัวเอง พลางจ้องมองความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
แท้จริงแล้ว… พวกเขารู้จักกันและรักกันมานานแล้ว
นางได้สัญญากับหรงซิวว่านางจะเล่าเรื่องของเราสองคนให้ท่านพ่อของนางฟังหลังจากกลับวัง
นั่นมัน… ไม่ต่างจากการขอแต่งงานเลย…
แม้นางจะจำไม่ได้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่นางรู้ดีว่าหากตอนนั้นนางพูดเช่นนี้ แสดงว่านางตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับหรงซิวไปตลอดชีวิต
แต่แล้ว…
เหตุใดนางถึงไม่มีความทรงจำในส่วนนี้เลย?
และแม้แต่นางเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่านางได้ลืมสิ่งสำคัญไปตั้งมากมายเช่นนี้!
…
ฉู่หลิวเยว่เยาะเย้ยกับตัวเองอย่างอดไม่ได้ พลางคิดเล็กคิดน้อยราวผูกใจเจ็บ
หรงซิวเขา… น่าจะจำได้ทั้งหมดเลยใช่หรือไม่?
มิฉะนั้น เขาจะมาดูแลเอาใจใส่สตรีแปลกหน้าอย่างนางเหตุใด?
มิฉะนั้น เขาจะยืนกรานอยู่เคียงข้างนางไปเหตุใด?
และมิฉะนั้น เหตุใดเขาถึงยอมสละทุกอย่าง เพียงเพื่อขอนางแต่งงาน?
ภาพเหตุการณ์มากมายปรากฏขึ้นสลับกันไปมา ยุ่งเหยิงและวุ่นวายไปหมด
ทว่าท่ามกลางปมปัญหาเหล่านี้ มีอีกประเด็นหนึ่งซึ่งชัดเจนมาก
…ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ หรงซิวปฏิบัติต่อนางเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด
ทุกอย่างที่เขาทำไปนั้น ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อนาง
หรือพูดก็คือ ทำเพื่อให้ได้อยู่กับนาง
ฉู่หลิวเยว่ขยับปลายนิ้วสัมผัสแหวนเฉียนคุนบนมือของตน
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงคืนที่ฝนพรำ วันนั้นหรงซิวยืนอยู่บนถนนชิงฉือหน้าจวนตระกูลฉู่
ทั้งดูโดดเดี่ยว และหนาวเหน็บ
เขาเดินเข้ามาแล้วโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนและถือร่มบดบังสายฝนมิให้โดนตัวนาง
แล้วกล่าวว่า
…เยว่เอ๋อ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง พลันหยาดน้ำตาอุ่นร้อนก็ไหลรินลงมาจากหางตาเรียวสวยอย่างเงียบเชียบ
หรงซิว
ข้าคง… ปล่อยให้เจ้ารอนานมากเลยใช่หรือไม่?
…
บรรยากาศรอบด้านหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่เผลอขดตัวกอดตัวเองแน่น แต่ก็ยังยากที่จะต้านทานลมปราณอันเย็นยะเยือก ที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางจากทุกทิศทาง
นางนั่งกอดและฝังศีรษะไว้ระหว่างเรียวแขน แต่ลมหายใจที่ออกมาจากปากนั้น กลับเย็นลงกว่าเดิมหลายเท่า
“นังหนู…นังหนู!”
ราวกับมีเสียงตะโกนเบาๆ ดังมาจากที่ไกลๆ พลันลอดเข้ารูหูของนาง
ฉู่หลิวเยว่พลันขยับตัวและค่อยๆ ลืมตาขึ้น
พื้นที่รอบตัวนางยังคงมืดสนิท แต่เสียงนั้นกลับดังชัดเจนมาก
“นังหนู! ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“…องค์ไท่จู่?”
“เฮ้อ…ดีจริงที่เจ้าตื่นทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย เจ้าคงหลับไหลไปตลอดกาลแล้ว!”
องค์ไท่จู่รู้สึกกระวนกระวายใจมาก น้ำเสียงของเขาก็แฝงไปด้วยความกลัว
“นังหนู เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้นกับเจ้ากัน? ข้าตะโกนเรียกอยู่นาน แต่เจ้ากลับไม่ตอบสนองสักที!”
ฉู่หลิวเยว่หยีตาแรงๆ และต้องการที่จะลุกขึ้น แต่กลับพบว่าร่างกายของนางนั้นแข็งทื่อเสียจนไม่สามารถขยับได้
และที่สำคัญที่สุดคือ พลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของนางหายไปเยอะมากโดยที่นางไม่รู้ตัวเลย!
ในขณะที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว ร่างกายของนางกลับรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ!
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น!”
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมาอีกครั้ง พลันขมวดคิ้วฉับ ทั่วทั้งกายบางตื่นตัวขึ้นทันที!
“ห้วงมิตินี้แปลกมาก เมื่อครู่เหมือนว่าจู่ๆ เจ้าก็หลับไปเสียดื้อๆ และขณะเดียวกัน พลังในกายเจ้าก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณอย่างบ้าคลั่งและหยุดไม่ได้! ถ้าช้ากว่านี้ ก็เกรงว่าจะ…”
ฉู่หลิวเยว่เม้มปากแน่น
นางต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!