ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 985 ดอกท้อหนึ่งดอก
ตอนที่ 985 ดอกท้อหนึ่งดอก
นางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มิได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
หากแต่พลังอำนาจและแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวในสายตาผู้อื่นนั้น กลับดูเหมือนจะไม่เป็นภัยต่อนางเลย
แต่ถ้ามองดีๆ แล้ว จะเห็นริ้วแสงสีทองที่พลุ่งพล่านล้อมรอบไปทั่วทั้งกายาของนางได้จางๆ
ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่แอบรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เพราะในยามนี้ นางเพิ่งจะค้นพบว่าพลังป้องกันของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนั้น… เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก?
นี่มันแปลกเกินไป…
นางมิได้เพิ่งเคยใช้ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเพียงครั้งสองครั้ง ทว่าเมื่อก่อนมันไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ออกมาเลย
เดิมทีมันก็แข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว และมันแข็งแกร่งขนาดที่ว่าช่วยคุ้มกันให้นางหลบหนีอย่างปลอดภัย หลังจากต่อสู้กับจอมยุทธ์ระดับแปดสามคนเพียงลำพังได้
แต่อย่างใดก็ยังไม่เท่าตอนนี้…
ฉู่หลิวเยว่ระงับความสงสัยนี้ไว้และยกมือขึ้น
จากนั้นลำแสงสีส้มก็พุ่งเข้าใส่ร่างของนางอย่างเงียบเชียบ
แม้ว่าการดูดกลืนพลังบนที่ลาดชันนั้นจะค่อนข้างอันตราย แต่สุดท้ายนางก็เต็มใจรับความแข็งแกร่งนั่น
หากปล่อยให้มันสลายไปก็น่าเสียดายเปล่าๆ
ในเมื่อมีลาภลอยเช่นนี้ ก็ควรคว้าได้ก่อนมิใช่หรือ?
เมื่อเห็นปฏิบัติการของฉู่หลิวเยว่ ชายหนุ่มผู้นั้นก็ถึงกับตกตะลึงจนกรามค้าง
นี่นาง… เมื่อครู่นางทำอันใดลงไปกัน?
นางสนใจในสิ่งที่คนอื่นต่างหลีกเลี่ยง แถมยังยินยอมให้พลังนั่นเข้าสู่ร่างกายของตัวเองอีก?
แต่ทันใดนั้น ก็มีแรงบีบบังคับก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว!
เขาเผลอประมาทและไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายที่กำลังจะมาถึง
แต่กว่าที่เขาจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติ คลื่นริ้วพลังสีส้มก็พุ่งเข้าใส่เขาแล้ว!
และเพียงพริบตาเขาก็จะถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์!
พรึบ!
แสงสีดำสว่างวาบผ่านหน้าเขาไปอย่างไว แล้วปิดกั้นพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวนี่ไว้
แสงสีส้มพลันแตกกระจายและสลายไปทันที!
“หลังจากนี้ ยอดเขานี่จะอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม จงรีบหนีออกไปเสียแล้วเจ้าจะปลอดภัย”
ฉู่หลิวเยว่ดึงกระบี่หลงหยวนกลับมา พลางยกเท้าขึ้นแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า
ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองนางด้วยสายตาฉงนใจอยู่นาน ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น
“ขอบคุณเจ้ามาก!”
ทว่าร่างของฉู่หลิวเยว่นั้นได้พุ่งทะยานออกไปไกลแล้ว
เขาเม้มปากแน่น แล้วตัดสินใจเดินลงเขาไปในที่สุด
…
ระหว่างที่ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นไปบนภูเขาได้ครึ่งทาง นางก็ได้รับแรงกระแทกจากคลื่นความผันผวนนั่นถึงสามครั้งสามครา
เป็นอย่างที่นางคาดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไร ก็จะยิ่งถูกแรงกดดันโจมตีใส่มากขึ้นเท่านั้น และนางก็จะยิ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้นกว่าเดิม
แต่แทนที่นางจะช้าลง ความเร็วในการเคลื่อนที่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หรือเป็นเพราะว่า…ยิ่งกลืนกินพลังเหล่านี้ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อร่างกายของนางกัน?
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าเดินขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง พลางดูดซับพลังปราณรอบด้านไม่หยุด
อย่างใดเสียมันก็คือเศษเสี้ยวของพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ และพลังปราณดั้งเดิมที่พุ่งออกมาจากกลุ่มแสงหลากสีนั่น ย่อมได้รับการขัดเกลามากกว่าพลังปราณดั้งเดิมทั่วไปที่อยู่ภายนอกอยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของขอบเขตพลังปราณอย่างเลือนราง นี่มันสัญญาณของวิถีแห่งจอมยุทธ์ระดับเจ็ด!
คาดว่าเมื่อพลังของสามหยวนรวมยอดสาดซัดลงมาอีกครา นางอาจจะสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพลังปราณนี้ได้…
และในขณะที่ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นไปเรื่อยๆ นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องบ้างเป็นครั้งคราว
คงจะเป็นเสียงของกลุ่มคนที่พยายามปีนขึ้นไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถทนรับแรงกระแทกนั้นได้ ถึงได้กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเช่นนั้น
เมื่อนางเดินไปได้ถึงสองในสามของพื้นที่บนยอดเขาทั้งหมด ก็เกิดคลื่นความผันผวนลูกที่ห้าขึ้น
แต่คราวนี้มีร่างสองร่างล่วงลงมาจากยอดเขาด้วย
ชัดเจนว่าคนเหล่านั้นตกรอบ
ฉู่หลิวเยว่จับตาดูจากระยะไกล ก่อนจะเห็นร่างเงาที่คุ้นตา
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากราชวงศ์เป่ยหมิงและราชวงศ์ซีเหยียน
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
นี่เจี่ยนเฟิงฉือและคนอื่นๆ ยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้เลยหรือ…
…
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์สายที่เจ็ดฟาดลงใส่กลุ่มแสงนั่น!
ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่กลุ่มแสงกลมๆ เฉกเช่นคราแรกแล้ว และทั่วทั้งร่างของมันมีเพียงสีสามสีที่สอดประสานกันอยู่เท่านั้น!
การที่ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้เกิดกระแสพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง!
คราวนี้ก้อนแสงพลังปราณสามสีเปล่งแสงสีม่วงแปลกๆ ออกมา!
แสงเหล่านั้นแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า แล้วซาดเทลงมากระจัดกระจายไปทั่วผืนดิน!
ตอนนี้ทั้งภูเขาหลักและยอดเขาอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ เกือบทั้งหมด ล้วนกลายเป็นภูเขาเปลือยเปล่าที่โดนเฉือนยอดออกไปแล้วทั้งสิ้น และสามารถมองเห็นรอยเฉือนและรอยแตกแขนงบนภูเขาได้ทุกที่!
ทว่ามีเพียงยอดเขาของภูเขาหลักเท่านั้น ที่ยังคงแบนราบเหมือนเดิมไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น!
และมีเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ที่นั่นในตอนนี้
สำหรับราชวงศ์ซีเหยียนนั้นเหลือเพียงกงซุนอี้
ส่วนราชวงศ์ตงหนิงเองก็เหลือแค่ชายร่างท้วม
แม้แต่ราชวงศ์เป่ยหมิงอันเลื่องชื่อ ก็ยังเหลือเพียงจวินจิ่วชิงและชิงไต้เท่านั้น
แต่… นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนจากราชวงศ์เทียนลิ่งอีกห้าคน ที่ยังปักหลักไม่ไปไหน!
แม้ว่าสถานการณ์ของแต่ละคนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่พวกเขาก็ยังอยู่ที่นี่เหมือนเดิม!
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะความช่วยเหลือของถวนจื่อ และความพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันของทุกคนด้วย
มู่หงอวี่นั้นมีร่างซวีหยวน ที่สามารถควบคุมและแฝงตัวกับห้วงมิติโดยรอบได้ชั่วคราว
ซึ่งเพียงแค่ใช้พลังของนางผู้เดียว ก็ช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเช่นนี้ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดพวกเขาถึงอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้
เกิดแสงสว่างวาบขึ้นทั่วทั้งบริเวณ ก่อนจะดับไป
เชียงหว่านโจวเอนตัวไปด้านข้าง โดยมิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
แต่จู่ๆ อักขระที่อยู่ปรากฏตรงหว่างคิ้ว ก็พลันส่องสว่างมากขึ้น!
…
พลังปราณสายที่เจ็ดแพร่กระจายออกไป!
ขณะเดียวกัน บนก้อนกลุ่มแสงนั่นก็เหลือเพียงแสงสีเงินและสีทองเท่านั้น!
และโครงร่างของสิ่งที่อยู่ข้างในก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น!
…ดูเหมือนว่ามันจะเป็นดอกไม้!
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ เมื่อมองจากด้านนอกแล้ว ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามันคืออันใด
จวินจิ่วชิงจับตามองกลุ่มแสงอย่างไม่ละสายตา เสมือนกุมความลับบางอย่างไว้
หึ่ง!
คลื่นพลังลูกที่แปด!
แสงสีเงินส่องสว่างปกคลุมไปทั่วท้องนภาและพสุธาภายในพริบตาเดียว!
ฉู่หลิวเยว่พลันตื่นตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมอง!
ก่อนจะเห็นก้อนแสงสีทองนั้นลุกโชนราวกับเปลวไฟ!
แรงกดดันขั้นสูงสุดแผ่กระจายออกมา!
ม่านพลังสีทองหมุนวนรอบมันเป็นพันๆ ครั้ง และมองเห็นเงาของดอกไม้ตูมที่อยู่ภายในได้ลางๆ!
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ และไม่รู้เพราะเหตุอันใด ส่วนลึกในจิตใจของนางถึงบังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอันแรงกล้าเช่นนี้ขึ้นมา!
นางเผลอบีบกระชับด้ามกระบี่หลงหยวนโดยไม่รู้ตัว พลันกระโดดขึ้นในอากาศแล้วตรงไปที่ยอดเขาทันที!
ในยามนี้ กลุ่มแสงนั่นส่องแสงพร่างพราว และในที่สุดนางก็ได้เห็นชัดๆ แล้วว่ามีอันใดอยู่ข้างใน!
ซึ่งนั่นก็คือ…
ดอกท้อหนึ่งดอก!
**********************************