ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 117-3 ทับทิมรักษาบาดแผล ความรักหยั่งลึกในยามค่ำคืน
ซือเหยาอันได้ยินแล้วตะลึงงันไป แต่ก็มองไปตามทางที่นางชี้ ก่อนจะเห็นต้นทับทิมในป่าต้นหนึ่ง สูงเท่าชายหนุ่มสองคนต่อตัวกัน อายุของมันประมาณห้าหรือหกเดือน ขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูหนาว ถือเป็นการจบสิ้นฤดูกาลของมันแล้ว แต่กลับยังคงออกผลอยู่จำนวนหนึ่ง
แม้จะไม่รู้ว่าคุณหนูอวิ๋นต้องการจะทำอะไร แต่นางคงไม่มีทางทำร้ายองค์ชายสาม ซือเหยาอันส่งคนออกไปทำตามคำสั่งทันที ไม่นานงานทั้งหมดก็เสร็จสิ้น และนำกระจาดมาตรงหน้าอวิ๋นหว่านชิ่น
นางยกกระจาดขึ้น เปิดประตูรถม้า แล้วเข้าไปด้านใน
ซือเหยาอันถึงจะเพิ่มเสียงกล่าวว่า “ออกเดินทาง กลับลานล่าสัตว์!”
เมื่อเปิดม่านขึ้น กลิ่นคาวเลือดยิ่งรุนแรง หลังจากที่อวิ๋นหว่านชิ่นเห้นภาพตรงหน้าชัดเจน นางก็ตะลึงลานไปชั่วขณะหนึ่ง
เนื่องจากการทำความสะอาดบาดแผลและพันแผล ทำให้เสื้อนอกและกางเกงของชายหนุ่มรูปงามถูกถอดออก ท่อนบนเหลือเพียงเสื้อด้านในลายครามมังกรทั้งห้า บาดแผลอยู่ตรงต้นขาด้านซ้ายพอดี เส้นเอ็นตรงต้นขาขมวดเกร็งและปูดออกมาเป็นรูปร่าง บัดนี้ชายหนุ่มพิงอยู่บนผนังรถ คลายมวยผม ผมยาวสีดำขลับแผ่อยู่บนไหล่กว้างทั้งสองข้าง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง ดวงตาปิดสนิท ทว่าเปลือกตาสั่นเทาเล็กน้อย
ผ้าพันแผลสีขาวบนขายังคงมีเลือดซึมออกมาอย่างต่อเนื่องจริงๆ หมอหลวงอิงทำได้เพียงใช้มือกดไว้ ถึงจะพอทำให้เลือดไหลออกมาช้าลงบ้าง
“คุณหนูอวิ๋นตั้งใจจะจัดการอย่างไร” หมอหลวงอิงมองสิ่งของในมือของนาง รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง
อวิ๋นหว่านชิ่นชี้ไปที่บาดแผลบนต้นขาของฉินอ๋อง “รบกวนหมอหลวงอิงปลดผ้าพันแผลออก ข้าจะช่วยหยุดเลือดให้ฉินอ๋องเอง”
หมอหลวงอิงลังเล “เพิ่งจะพันแผลไป หากแกะออกมาอีก เกรงว่าเลือดจะไหลหนักยิ่งกว่าเดิม”
“เลือดออกเช่นนี้ก็ถือว่าหนักพอแล้วเจ้าค่ะ จะออกหนักกว่านี้ได้อีกที่ไหนกัน” อวิ๋นหว่านชิ่นชี้ไปที่แผลของฉินอ๋อง พลางกล่าวเสียงเบา
“คุณหนูอวิ๋นทำเช่นนี้กับฉินอ๋อง เท่ากับรักษาม้าตายดังม้าเป็นกระมัง” หมอหลวงอิงขมวดคิ้ว บนใบหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจที่มีให้กับฉินอ๋อง
“จะตายได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ เขายังกะพริบตาอยู่เลย” อวิ๋นหว่านชิ่นเหลือบมองชายหนุ่ม
นางมองซย่าโหวซื่อถิงจนทะลุปรุโปร่ง เขาพลันลืมตา ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย แต่กลับไร้เรี่ยวแรงและซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด “หมอหลวงอิง ให้นางทำเถิด”
หมอหลวงอิงเห็นองค์ชายรับสั่งดังนั้น เขาก็ทำได้เพียงปลดผ้าพันแผลสีขาวบนขาของฉินอ๋องออก
อวิ๋นหว่านชิ่นก็ไม่ได้ทำตัวว่าง นางใช้น้ำเกลือที่หมอหลวงอิงใช้ล้างแผลให้ฉินอ๋อง ล้างมือของตัวเองจนสะอาด จากนั้นก็ล้างดอกทับทิมเป็นการฆ่าเชื้อ แล้วฉีกกลีบของมันเป็นชิ้นๆ ก่อนจะผสมกับถ่านหินในสัดส่วนสามต่อหนึ่ง ในอ่างที่ทำการฆ่าเชื้อแล้วเช่นกัน สุดท้ายก็ชุบน้ำมันหอมระเหย ครั้นเห็นผ้าพันแผลถูกปลดออกแล้ว นางถึงจะโน้มตัวเข้าไปใกล้
บนขาของฉินอ๋องมีรูเลือดขนาดใหญ่เท่าถ้วยชาจริง ดูท่าทางจะบาดเจ็บตรงศูนย์รวมเส้นเลือดพอดี ทำให้ยากจะหยุดเลือดได้ หมอหลวงอิงกำลังกดจุดจิงหลัวอยู่ข้างๆ อย่างแรง พยายามทำให้เลือดไหลช้าลงบ้าง
อวิ๋นหว่านชิ่นควักถ่านหินน้ำมันหอมระเหยที่ผสมกับดอกทับทิมไว้ที่ฝ่ามือ แล้วเข้าไปใกล้ฉินอ๋อง จากนั้นก็จ้องบาดแผลบนขาของเขา “ฉินอ๋องไม่กลัวเจ็บใช่หรือไม่”
ความคิดของซย่าโหวซื่อถิงถูกนางชักจูงไป ขณะกำลังจะตอบ นางกลับใช้ยาหยุดเลือดบนฝ่ามือที่เพิ่งผสมเมื่อครู่โปะลงบนบาดแผลของเขา โดยไม่ให้สิ้นเปลืองเลยสักนิด
นางไม่สนใจเลือดที่เปรอะมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทันที “รบกวนหมอหลวงอิงพันแผลด้วยเจ้าค่ะ”
หมอหลวงอิงรีบเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง แล้วพันแผลจนเรียบร้อย
ขณะใส่ยาครั้งเมื่อครู่นี้ ซย่าโหวซื่อถิงเจ็บจนเหงื่อกาฬเย็นเยียบผุดเต็มร่าง รู้สึกเพียงการถูกงูพิษกัดทุกเดือนยังไม่ได้เจ็บเท่าครั้งนี้ แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อครู่นางทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจของตน หากเขาเคร่งเครียดอยู่ในขณะนั้น ร่างกายก็คงจะเกร็งตามไปด้วย อาจทำให้ดูดซึมยาช้าลง ความเจ็บปวดก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
โชคดีที่ความเจ็บปวดมาอย่างกะทันหัน และความเจ็บปวดนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากทุกอย่างผ่านไปได้ ความทรมานก็ค่อยๆ ลดลง
หลังจากพันแผลเสร็จครั้งแรก เลือดยังซึมออกมาตลอด ไม่นานผ้าพันแผลก็ชุ่มเลือดไปหมด! ทว่าหลังจากใส่ยาและพันแผลในครั้งนี้ ผิวของผ้าพันแผลกลับสะอาดเหมือนใหม่ ทำเอาหมอหลวงอิงประหลาดใจ เมื่อได้รู้ว่าบาดแผลของฉินอ๋องไม่มีเลือดไหลออกมาอีกแล้ว เขาก็วางใจลงได้ แต่กลับมีความรู้สึกประหลาดใจมาแทนที่ อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ดอกไม้นี่เป็นยาวิเศษจากที่ไหนหรือ”
“ไม่ใช่ยาวิเศษหรอกเจ้าค่ะ” อวิ๋นหว่านชิ่นล้างมืออย่างเชื่องช้า “ตามป่าเขาหรือบ้านเรือนทั่วไปล้วนมี ในสวนของจวนท่านอ๋องก็น่าจะมีเช่นกัน เป็นดอกจากต้นทับทิมธรรมดาๆ เจ้าค่ะ”
“ดอกทับทิมหรือ?” หมอหลวงอิงยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม
อวิ๋นหว่านชิ่นควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดทำความสะอาดมือเรียวบาง มือทั้งสองข้างกลับมาเหมือนหยกขาวอีกครั้ง นางหันหน้ามาพร้อมดวงตาสดใส แล้วแย้มยิ้ม “‘สารบัญสมุนไพร’ บันทึกไว้ว่า ทับทิมนั้น ตากให้แห้งจะไม่มีประโยชน์…แต่ใบแห้งรักษาอาการอาเจียนเป็นเลือดได้ ทั้งยังมีการม้วนปลายเพื่อหยุดอาการเลือดกำเดาด้วย และช่วยหยุดเลือดในแผลฉกรรจ์ได้อีกเจ้าค่ะ ‘รวมตำรายาเหนือท้องทะเล’ ก็มีบันทึกไว้เช่นกัน ว่าหากนำปลายดอกทับทิมผสมเข้ากับน้ำมันหอมระเหยและถ่านหิน จะสามารถรักษาแผลถูกขวานฟันจนเลือดไหลได้อย่างรวดเร็ว โชคดีที่ข้างทางมียาหยุดเลือดชั้นดีอยู่พอดี” ครั้นพูดถึงตรงนี้ นางก็เหลือบมองฉินอ๋องครั้งหนึ่ง “ไม่จำเป็นต้องให้ฉินอ๋องเสียเลือดไปเฉยๆ จนถึงลานล่าสัตว์หรอกเจ้าค่ะ หากเป็นเช่นนั้นแม้จะไม่ตาย แต่ขาคงจะพิการ กลายเป็นอ๋องที่ใช้การไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าเดินไปตลอดชีวิต เช่นนั้นคงดูไม่ได้”
ซย่าโหวซื่อถิงรู้ว่านางกำลังล้อเล่น กล้ามเนื้อบนใบหน้าจึงกระตุกเบาๆ
หมอหลวงอิงสังเกตเห็นว่าคำพูดครึ่งหลังของคุณหนูอวิ๋นนั้นหลอกเย้าองค์ชาย จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณหนูอวิ๋นจะรู้วิชาแพทย์แผนจีนด้วย ทั้งยังรู้ละเอียดกว่าข้าเสียอีก ช่างเป็นเด็กสาวที่มีอนาคตไกลนัก! เมื่อครู่ข้าไม่เชื่อคุณหนูอวิ๋น นับว่าผิดต่อคุณหนูอวิ๋นแล้ว…”
ชายวัยหลางคนยังพูดไม่ทันจบ กลับได้ยินฉินอ๋องที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากขึ้นว่า “หมอหลวงอิง ท่านไปล้างมือก่อนเถิด”
คราวนี้หมอหลวงอิงเพิ่งรู้ตัว จึงรีบพยักหน้า “พะยะค่ะ องค์ชายสาม” จากนั้นเขาก็สั่งให้รถม้าหยุดก่อน แล้วลงไป
บุคคลที่สามเพิ่งเออกไป ซย่าโหวซื่อถิงมองคนตรงหน้า ครั้นพิจารณาได้ครึ่งตัว สายตาของเขาก็ร้อนเป็นไฟ ชายหนุ่มหยัดตัวตรง ทำให้บาดแผลของเขาถูกดึงขึ้นตามท่านั่งด้วย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที น้ำเสียงแหบแห้งเปลี่ยนไปเช่นกัน “เจ้าสวมเสื้อของใครอยู่”
อวิ๋นหว่านชิ่นกลัวว่าแผลที่เพิ่งพันอย่างดีจะปริแตก จึงก้าวเข้ามาดันหน้าอกเขาลงอย่างเบามือ น้ำเสียงออกคำสั่งโดยไม่รู้ตัว “นอนลง! ยาหยุดเลือดยังไม่แข็งตัวเลย”
แผลยังไม่ทันหายเขาก็ลืมเจ็บเสียแล้ว ทำให้ตอนนี้เขามีสีหน้าขาวซีด ด้วยเพราะต้องการจะลุกขึ้นนั่งในทันที
ซย่าโวซื่อถิงรู้สึกสบายตัว จากฝ่ามือนุ่มนวลของนางที่ดันเขาเมื่อครู่ ความเจ็บปวดรงบาดแผลหายไปมากกว่าครึ่ง ชายหนุ่มโอนอ่อนตามนาง ก่อนจะพิงลงไป มือข้างหนึ่งกลับทับชายเสื้อกันลมของนาง โดยที่นางไม่ทันระวัง ทำให้เสื้อตัวนั้นหล่นลง
“ทำอะไรเพคะ” อวิ๋นหว่านชิ่นโมโหแล้ว “เป็นเสื้อกันหนาวที่พี่ใหญ่เฉินให้ข้า!”
เขาเบนสายตา เหลือบมองมุมหนึ่งในรถม้า น้ำเสียงขุ่นเคือง “สวมตัวนั้น มันหนากว่า แล้วคืนเสื้อของเฉินจ้าวไปเสีย”
ที่มุมรถม้ามีเสื้อขนสัตว์สีเขียวของเขาวางไว้อยู่