ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 145-5 แผนลับของสองแม่ลูก นักบวชทายเซียมซี
ไต้ซืออู้เต๋อยิ้มก่อนจะเอ่ย “เรื่องนี้จำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรด้วยหรือ นางบอกว่าเป็นเรื่องตั้งครรภ์ อาตมาเห็นตัวนางตั้งแต่ยืนไปจนนั่งลง มือกุมท้องอยู่ตลอดเวลา ต้องตั้งครรภ์อยู่เป็นแน่ กระทั่งเรื่องแรงอาฆาตในกายนั้น ฮูหยินผู้นั้น แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นสะใภ้มาจากตระกูลร่ำรวย สตรีภายในตระกูลใหญ่ เพื่อสามี เพื่อสมบัติของตระกูล เพื่อทำให้ผู้อาวุโสรักใคร่ เพื่อช่วงชิงอนาคตที่สวยงาม มีกี่คนกันที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ มิต้องต่อสู้กับทางโลก หากไม่ใช่คนที่มีแรงอาฆาตทั้งร่าง แล้วจะเป็นสิ่งใดได้เล่า หากภายในใจนางไม่มีความกังวลใจหรือความโหดร้าย จำเป็นต้องมาหาอาตมาหรือ หากครอบครัวของนางราบรื่น สามีรักใคร่ นางยังจำเป็นต้องเป็นห่วงลูกในท้องหรืออย่างไร อยู่บ้านเลี้ยงลูกก็พอแล้ว อาตมาเห็นหน้าตาของหญิงสาวข้างกายนางสองคน หว่างคิ้วแฝงไปด้วยความกังวลไม่สงบสุข อยู่ในแวดล้อมและอารมณ์เช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อกันทั้งคู่ ความชั่วร้ายหมุนวน ลูกในครรภ์จะคลอดออกมาอย่างปลอดภัยได้เยี่งไร สรรพสิ่งล้วนมีเหตุและผลทั้งนั้น”
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างถึงที่สุด ไต้ซืออู้เต๋อท่านนี้มิใช่พระสงค์บำเพ็ญตบะขั้นสูงแต่อย่างใด ทว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแตกฉานจิตวิทยาด้วยการอ่านใบหน้าของผู้คนต่างหาก
“เอ แล้วที่ท่านไต้ซือพูดว่าครรภ์ที่สร้างด้วยคนนั่นเล่า หมายความว่าอย่างไรหรือ” ชูซย่าอดไม่ได้ที่พูดแทรกขึ้น
อวิ๋นหว่านชิ่นวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ในเมื่อไต้ซือพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เช่นนั้นเด็กในครรภ์ไม่ใช่ผลึกความรักแท้ของสามีภรรยา ต้องเกิดจากความไม่จริงใจเป็นแน่”
“เด็กคนนี้ใช้ได้” อู้เต๋อยิ้มพลางเอ่ย ในตอนแรกรู้สึกสนใจในตัวสีกาคนนี้ แต่ในตอนนี้พบว่าสติปัญญานางมีไม่น้อย เอ่ยหนึ่งอย่างพูดได้สามอย่าง จึงรู้สึกชอบขึ้นมาบ้างแล้ว
ครั้งนี้อวิ๋นหว่านชิ่นไม่หลงกลคำพูดของเขาอีกแล้ว วกกลับไปที่หัวข้อหลัก “เช่นนั้น ที่ไต้ซือพูดเมื่อครู่ว่า รอบกายนางมีดวงเพชรฆาต ก็เป็นจริงอย่างนั้นหรือ”
ไต้ซืออู้เต๋อเอ่ย “จากเซียมซีที่ฮูหยินผู้นั้นจับได้ มีสัญญาณที่จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“เช่นนั้น……คนที่เป็นดวงเพชรฆาตคือผู้ใดหรือ” อวิ๋นหว่านชิ่นลองถาม
อันที่จริงนางรู้ว่าไต้ซืออู้เต๋อจะไม่บอกตน เมื่อครู่เขาก็บอกไปแล้วว่า ความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย แม้แต่อวินหว่านถงยังไม่บอกเลย
ดังคาด ไต้ซืออู้เต๋อสำรวม “การทำนายเซียมซีบอกครึ่งหนึ่ง เก็บไว้อีกครึ่งหนึ่งถึงจะเป็นหลักที่ถูกต้อง ชีวิตคนเราควรเหลือความหวังและเรื่องประหลาดใจไว้เล็กน้อย หากรู้ไปหมดทุกอย่าง จะไปสนุกอะไร โยมว่าจริงไหม”
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มอย่างขมขื่น ท่านรู้ไปเสียทุกอย่างเลยนะ คนที่รำคาญใจมิใช่ท่านเสียหน่อย ทว่ากลับกะพริตาปริบๆ “ต่อให้วันนี้ไต้ซือไม่พูด เกรงว่าฮูหยินท่านนั้นคงจะมาถามทุกวัน ไต้ซือหลบข้าได้ แต่ไม่แน่ว่าจะหลบการรังควานของนางได้ ต่อให้ไต้ซือจะออกธุดงค์จากเมืองหลวงไป ทว่าท่านก็เห็นความร้ายกาจของฮูหยินท่านนั้นแล้วมิใช่หรือ แม้ว่าจะยังไม่มีอะไร ก็สามารถทำให้วิหารนี้ยุ่งเหยิงได้ หากท่านไปแล้วจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพลิกวัดนี้ไปเลยหรือไม่! ไม่แน่อาจจะตามท่านไปไม่ลดละ! ข้าน้อยทราบดีว่าท่านไม่กลัวนาง เพียงแต่จะรบกวนการบำเพ็ญเพียรของท่านเสียมากกว่า น่ารำคาญอยู่เหมือนกัน เป็นถึงไต้ซือผู้ยิ่งใหญ่ ในอนาคตคงไม่อาจถูกคนตามได้ตลอดอยู่แล้วกระมัง”
ไต้ซืออู้เต๋อหัวเราะขึ้นมา ไหวพริบของสีกาผู้นี้เปรียบดั่งรูของบัวเสียจริง บอกใบ้และตีไปพร้อมกัน เอาเสียจนตนนั้นไร้หนทางสู้ แต่ฟังดูมีเหตุผล ดูจากท่าทางของฮูหยิน จะต้องมาหาอีกเป็นแน่ ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนไม้แข็ง ต่อกรแบบใดก็ล้วนยุ่งยากทั้งนั้น ตนเองไม่มีอะไร กลัวก็แต่จะดึงเอาวัดหวาอันและผู้ศรัทธาในบริเวณนี้เข้ามาด้วย เม้มปากดดยไม่รู้ตัว “โยมมีวิธีอะไร”
ไม่อยากถูกคนอื่นดุด่า ยังมีวิธีอะไรอีก นอกเสียจากซ่อนอย่างไรเล่า!
“ข้าก็ไม่ได้มีวิธีอะไรนักหรอก” อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มตาใสอย่างไม่สะทกสะท้าน “เพียงแค่มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่ที่ภูเขาหลงติ่งในเขตชานเมือง ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากวัดหวาอันเท่าไรนัก สภาพแวดล้อมสวยงามและเงียบสงัด เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ เกษตรกรที่หมู่บ้านเป็นคนซื่อสัตย์ น่าจะเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรชั้นดี หากไต้ซืออู้เต๋อไม่รังเกียจล่ะก็ ไปอยู่ที่นั่นสองสามวัน หลบเลี่ยงการรังควานจากฮูหยินผู้นั่นก่อน รอให้นางคิดว่าท่านออกจากเมืองหลวงแล้ว ค่อยกลับมา”
ไต้ซืออู้เต๋อสายตาสว่างวาบ “โยมให้อาตมาหลบเลี่ยงการรังควานจากฮูหยินผู้นั้น ก็เพื่อให้ฮูหยินผู้นั่นไม่รู้ว่าดวงเพชรฆาตคืออะไร โยมดูแลอาตมาดีเช่นนี้ แม้อาตมาจะรู้สึกประทับใจ ทว่ายังคงเหมือนเดิม ไม่สามารถบอกโยมได้ โยมคิดดูอีกทีเถิด เดี๋ยวอาตมาจะไปอาศัยในหมู่บ้านของโยมอย่างเปล่าประโยชน์”
ไม่รู้ว่าสีกาผู้นี้กับฮูหยินผู้นนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน แต่ที่แน่ใจได้นั้นคือ ต้องมีความบาดหมางใจต่อกันเป็นแน่ มิฉะนั้นสีกาจะไม่ถามถึงเรื่องการตั้งครรภ์ของฮูหยินผู้นั้นหรอก แล้วเหตุใดเขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเล่า
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไต้ซือมองคนทุกคนเท่ากัน ไม่เปลี่ยนใจและอ่อนง้อให้อำนาจเงินทอง ข้าน้อยขอชื่นชม” โบกมือ “ชูซย่า เจ้าทิ้งที่อยู่ของบ้านสวนโย่วเสียนไว้ และแนบจดหมายที่เขียนเองไปให้พ่อบ้านหูและภรรยาเขาไว้หนึ่งฉบับ บอกว่าไต้ซือจะไปพักผ่อนสักช่วงหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่นานเพียงใด ทุกวันต้องถวายอาหารชั้นดีให้ ห้ามปล่อยปละละเลยเด็ดขาด ไต้ซือพกจดหมายฉบับนี้ไปตามที่อยู่นี้ อยากจะไปวันไหนก็ย่อมได้”
“เจ้าค่ะ” ชูซย่าหันตัว โดยมีเณรน้อยพาไปเขียนที่ห้องวิปัสนา
หลายปีมานี้ไต้ซืออู้เต๋อได้รับการปรนนิบัติจากผู้ยศรัทธามาจนชินเสียแล้ว ในตอนนี้ก็รับไว้ด้วยความไม่ขวยเขินแต่อย่างใด “เช่นนั้นอาตมาก็ขอรับไว้อย่างไม่อายก็แล้วกัน”
แม้ใบหน้าของอวิ๋นหว่านชิ่นจะมีรอยยิ้ม ทว่ากลับถอนหายใจอยู่ภายในใจ เฮ้อ ไม่เอาทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง คงได้แต่ดูสถานการณ์ต่อไป ดูว่าจะเดาคำพูดของเขาออกอีกหรือเปล่า
ในเวลานี้ ฉิงเสวี่ยและเจินจูเห็นว่าชายาเอกกับชูซย่ายังไม่ออกมาเสียที กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จึงเข้ามาหา
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าดึกแล้ว จึงบอกลาอู้เต๋อไต้ซือแล้วขอตัวจากมา ออกไปรอชูซย่าที่รถม้าก่อน
เพิ่งจะหันตัวกลับ ฉิงเสวี่ยด้วยความอยากรู้จึงปากไว กระซิบกระซาบถามขึ้นมา “……เช่นนั้นเมื่อครู่ชายารองอวิ๋นเดินควันออกหูออกไป หน้าเหมือนอยู่ในกองเพลิงมิปาน ชายาเอกกับชูซย่าไม่ออกมาเสียที พวกบ่าวจึงเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพคะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นตั้งสติ กระซิบสั่งกับฉิงเสวี่ย “ฉิงเสวี่ย ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าต้องจับตาดูอนุฟางให้ดี ไม่ว่าอนุฟางจะไปไหน ทำอะไร ต้องมารายงานข้า”
ฉิงเสวี่ยพยักหน้า “เพคะ ชายาเอก”
เสียงเบามาก หากเป็นคนทั่วไปอยู่ข้างๆ ไม่มีทางได้ยินแน่ๆ ทว่าไต้ซืออู้เต๋อมีวิชา หูตาไว ได้ยินอย่างชัดแจ้ง ชายาเอก ถูกต้อง บ่าวคนนั้นพูดซ้ำถึงสองรอบ ไม่ได้ฟังผิด
สีกาผู้นี้มีฐานะที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!
ในบรรดาองค์ชายในตอนนี้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองอายุมากแล้ว แม่นางผู้นี้อายุน้อยเกินไป น่าจะไม่ใช่ชายาเอกขององค์ชายสองคนนั้น
ทว่าองค์ชายห้าเว่ยอ๋องยังไม่แต่งตั้ชายา ที่เหลือก็ยังอายุน้อย
เช่นนั้น…หรือว่าจะเป็นชายาเอกของฉินอ๋องที่เพิ่งจัดพิธีไป
อู้เต๋อเบิกบานใจขึ้นโดยพลัน ก้าวเข้าไปขวางด้านหน้าอวิ๋นหว่านชิ่น “โยมคือชายาฉินอ๋อง”