ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 1.1
ตอนที่ 1-1 จักรพรรดินีที่ถูกปลด
แคว้นต้าหลี่.
ภายใต้หลังคาของพระราชวังเย็น หลี่เว่ยหยางกำลังนั่งนับเหา ซึ่งกำลังไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนผมที่ยาว และยุ่งเหยิงของตนเอง
เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่นางมิได้อาบน้ำเลย ทำให้รู้สึกราวกับว่า มีเกราะที่หนามากอยู่บนร่างกายนั้น และการจับเหากลายเป็นวิธีเดียวที่ใช้ในการฆ่าเวลา
สิบสองปี. เป็นเวลาสิบถึงสองปีแล้วที่เว่ยหยาง ต้องถูกคุมขังอยู่ในวังเย็นแห่งนี้
นางเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า เพื่อสังเกตุว่า วันนี้จะมีฝนตกลงมาอีกหรือไม่?
ทุกครั้งที่มีฝนตก อากาศจะหนาวเย็นกว่าปกติมาก หนาวเหน็บเข้าไปถึงในกระดูก และอาการปวดขาของนางก็จะกำเริบทุกครั้งไป
สิ่งนี้ทำให้รู้สึกทรมานมาก เจ็บปวดจนแทบมิต้องการจะมีลมหายใจอยู่ต่อไป
เว่ยหยางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของขุนนางหลี่เสี่ยวหรัน น่าเสียดาย ที่นางมิได้เกิดจากภรรยาคนแรก แต่เป็นภรรยาน้อย
มารดาของนางเป็นเพียงสาวใช้ชั้นต่ำ และสิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ นางเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า
‘ผู้หญิงคนใดที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นความโชคร้ายของครอบครัว’
ด้วยเหตุนี้ บิดาจึงได้ส่งตัวนางไปอยู่กับญาติห่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาอุปการะเลี้ยงดูนาง
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ญาติห่าง ๆ ก็ยังมิต้องการที่จะเลี้ยงดูเด็กหญิงที่เกิดจากสาวใช้ผู้ต่ำต้อย
พวกเขาส่งตัวนางไปยังพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล และทุรกันดาร เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง
เว่ยหยางถูกทอดทิ้ง และถูกลืม สิ่งนี้ทำให้ต้องช่วยเหลือตนเอง ในการทำงานบ้าน และแม้แต่งานในทุ่งนา
บิดาของนางเป็นขุนนางระดับสูง และภูมิหลังของครอบครัวนั้น เป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจ และมีอิทธิพลมากที่สุดในแคว้นต้าหลี่
ต่อมา บิดาได้ตามหาตัวนางจนพบ และรับตัวกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านตระกูลหลี่
ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หลี่จางเล่อผู้ซึ่งเป็นพี่สาวของนาง ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับชายผู้นั้น
บิดาของนาง และฮูหยินใหญ่(ภรรยาคนแรก) จึงตัดสินใจที่จะรับนางกลับมา . .
จางเล่อ, เว่ยหยาง สองชื่อนี้ ช่างมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อได้กลับมาที่บ้านตระกูลหลี่ในครั้งแรกนั้น มันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความสุขเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าบิดารักนางมาก และต้องการให้กลับมาอยู่ด้วยกัน
แต่กลับได้ยินบิดากล่าวกับ พี่สาวผู้งดงาม และสูงส่ง หลี่จางเล่อว่า:
“เซียนฮุ่ย ตอนนี้เจ้าสบายใจได้แล้ว เว่ยหยาง จะต้องแต่งงานกับทัวเป่าเจิ้นแทนเจ้า อย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
พี่สาวคนโต หลี่จางเล่อมีอีกชื่อหนึ่งว่า เซียนฮุ่ย ชื่อของนางมีความไพเราะมาก อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เว่ยหยางคิดในเวลานั้น
อีกมินานต่อมา ชื่อนี้ได้กลายเป็นฝันร้ายที่สุดของนาง
ในที่สุด บิดาได้ตัดสินใจให้นางแต่งงานกับองค์ชายคนที่สาม ทัวเป่าเจิ้น แทนจางเล่อ
นางมีความเต็มใจและบริสุทธิ์ใจ ที่จะช่วยให้ทัวเป่าเจิ้นได้ก้าวขึ้นครองราชย์
จากองค์ชายสาม จึงได้เป็น จักรพรรดิในเวลาต่อมา
และนางได้ให้กำเนิดโอรสของเขา มีนามว่า ‘หยูลี่’
เมื่อทัวเป่าเจิ้นได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ เขาจึงแต่งตั้งให้นางเป็น’จักรพรรดินี’
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแปดปี
ทัวเป่าเจิ้นเคยกล่าวว่า
เว่ยหยางเป็นผู้ที่มีผิวที่อ่อนนุ่ม และมีความงามเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน
แต่ความงามอันดับหนึ่ง ยังมิสามารถเทียบได้กับนางฟ้า ผู้ที่มีเสน่ห์เย้ายวน ซึ่งทำให้เขาหลงใหล
เกิดอันใดขึ้นหลังจากนั้น? หลังจาก. . .
ทุกครั้งที่หลี่เว่ยหยางนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ก็จะหัวเราะออกมา หัวเราะให้กับความโง่งมงายของตนเอง
หัวเราะให้กับความไร้เดียงสา และอ่อนต่อโลกของนางเอง
หัวเราะให้กับปัจจุบัน และอดีตของนาง สองสิ่งนี้ ช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
ยังคงจำเหตุการณ์ในคืนนั้นได้อย่างชัดเจน
สาวใช้ในวังและทุกคนในวังคุนหนิงถูกลงโทษทันทีในที่เกิดเหตุ
พวกเขามิมีการสอบสวนเลยแม้แต่น้อย มีแต่การตัดสินว่า ทุกคนจะต้องตาย และเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับ
สาวใช้มิได้ถูกนำตัวไปที่ห้องทรมานด้วยซ้ำ แต่ถูกลงโทษบริเวณหน้าห้องนอนของนางเอง
ทางเข้าพระราชวังคุนหนิงถูกปิดตาย ทุกคนต้องรับโทษ ทุกคนถูกฆ่าปิดปาก
ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา พระราชวังคุนหนิง ก็ได้กลายเป็นดินเเดนที่เปื้อนเลือด
หลี่เว่ยหยางถูกลากออกไป ต่อหน้าต่อตาองค์จักรพรรดิ ทัวเป่าเจิ้น
ในสายตาที่ชาญฉลาดของทัวเป่าเจิ้น ตอนนี้มีท่าทีที่เฉียบคม เย็นชา และโหดเหี้ยมเป็นที่สุด
“นังบ้า! นางเป็นพี่สาวที่มีสายเลือดเดียวกันกับเจ้า แต่ก็ยังพยายามที่จะทำร้ายนางอย่างโหดร้าย”
หัวใจของหลี่เว่ยหยางเต็มไปด้วยความปวดร้าว แต่ก็ยังกล่าวว่า
“ทำร้ายนาง? ข้ามิเคยทำร้ายนาง!”
ทัวเป่าเจิ้นใช้ข้อศอกกระแทกเข้าที่หน้าอกของนางอย่างไร้ความปราณี
ทำให้เลือดไหลออกมาจากปากของหลี่เว่ยหยาง และเขามองมาด้วยความรังเกียจ
“สารเลว! จางเล่อกำลังทุกข์ทรมาน และในตอนนั้นข้ามิได้อยู่ด้วย สาวใช้คนหนึ่งมาหาเจ้า เพื่อขอร้องให้ช่วยจางเล่อ
แต่เหตุใด จึงปิดประตู และหันหน้าหนีนางไป
เห็นได้ชัดว่า เจ้าพยายามที่จะทำร้ายนาง! หากข้ามิย้อนกลับมา ทั้งแม่และลูกคงจะต้องตายไปแล้ว!”
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปยัง
ทัวเป่าเจิ้นผู้เป็นสามี ตอนนี้เขายังคงหล่อเหลาเหมือนเดิมมิได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
เขามิใช่ทัวเป่าเจิ้นคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความจริงก็คือ นางมิเคยเข้าใจชายผู้นี้เลย
นางเองก็มิรู้ว่า ชายอันเป็นที่รักนี้เป็นผู้ใด เขาเป็นคนเช่นใดกันแน่
ในหนึ่งนาทีเขาอาจจะ
อ่อนโยนและอ่อนหวาน แต่เขาก็เย็นชาและโหดเหี้ยมได้ในเวลาเดียวกัน
นางรู้สึกเหมือน กำลังถูกผู้คนหัวเราะเยาะ เพราะหลงใหลในความรักที่มีต่อเขาอยู่ฝ่ายเดียว โดยมิรู้ว่า เขามิเคยต้องการนางเลย
หลี่เว่ยหยางหัวเราะอย่างเย็นชา
“ฝ่าบาทคิดถึงแต่จางเล่อ ท่านเคยคิดถึงหยูลี่ โอรสของเราบ้างหรือไม่?
ในคืนเดียวกันนั้น คืนที่จางเล่อจะคลอดลูก แต่หยูลี่ของข้ากำลังป่วยหนัก และต้องนอนทนทุกข์ทรมานอยู่บนเตียงนั้น!
ข้าผิดหรือ ที่ตามหมอหลวงมาดูอาการของลูกเรา จางเล่อเป็นภรรยาท่าน ข้าก็เป็นเช่นกัน!
การคลอดลูกของนางเรียบร้อยดี แม้แต่เด็กก็ยังได้รับตำแหน่งรัชทายาทตั้งแต่เกิด
แต่หยูลี่เสียชีวิตแล้ว!
ท่านเคยให้สัญญากับข้าว่า จะให้หยูลี่เป็นรัชทายาท
ตอนนี้ท่านมิได้เป็นจักรพรรดิแล้วหรือ? เหตุใดท่านจึงมิรักษาสัญญา? เหตุใดกัน!?”
ใบหน้าของเขาเย็นชา มองมายังนางด้วยความมิแยแส
“ข้ามอบตำแหน่งจักรพรรดินีให้แก่เจ้าแล้ว แต่ยังคิดว่ามันมิเพียงพออีก!
และยังมีความละโมบ ต้องการตำแหน่งรัชทายาทด้วย!”
หลี่เว่ยหยางสามารถลิ้มรสเลือดในปากของตนเองได้ น้ำเสียงนั้นเยือกเย็น และทรมาน เหมือนธารน้ำแข็ง
“จักรพรรดินี? ถูกต้อง ข้าเป็นจักรพรรดินี แต่ราชโองการที่จะปลดข้า กำลังอยู่ตรงหน้าของท่านแล้ว
สื่งที่ท่านกำลังรอก็คือ ให้จางเล่อคลอดลูก เพื่อที่จะได้ประทับตราลงในราชโองการ!
ทัวเป่าเจิ้นข้าทำอันใดผิดต่อท่าน?
ข้าแต่งงานกับท่านมาแปดปีแล้ว และข้าปฏิบัติต่อท่านอย่างไรบ้าง”
นางเอ่ยถาม พร้อมกับดึงเสื้อตัวนอกออก เผยให้เห็นร่องรอยของแผลเป็น ที่น่ากลัวบนหน้าอกของนาง
“ในปีเซียนตี้ที่38 ข้าปกป้องท่านจากการถูกลอบสังหาร และตอนนี้ ยังคงเป็นแผลเป็นที่นี่ ตรงกลางหน้าอกของข้านี่
ปีเซียนตี้ที่40 เมื่อได้รู้ว่า รัชทายาทได้วางยาพิษในเหล้า ข้าได้ดื่มมันแทนท่าน
ปีเซียนตี้ที่41 ข้ารู้ว่า
องค์ชายเจ็ด ต้องการที่จะฆ่าท่าน
ข้าเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยม้าหลายพันลี้ เพียงเพื่อที่จะแจ้งให้ท่านทราบข่าว!
ในเซียนตี้ที่42 เมื่อท่านไปช่วยบรรเทาภัยพิบัติ และป่วยหนักกลับมา ข้าดูแลท่าน เพียงผู้เดียวเป็นเวลาถึง 48 วัน!
ตอนที่ท่านกลายเป็นจักรพรรดิ ท่านสัญญาอันใดกับข้า ยังจำได้หรือไม่?
ท่านเคยบอกว่า ตราบใดที่ท่านเป็นจักรพรรดิ ข้าจะเป็นจักรพรรดินีตลอดไป
แต่หลังจากนั้น ท่านก็หลงเสน่ห์หลี่จางเล่อ ท่านมิเพียงแต่แต่งตั้งให้บุตรชายของนางเป็นรัชทายาทเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ท่านยังต้องการที่จะปลดข้าอีกด้วย!
ทัวเป่าเจิ้น ท่านทำให้ข้าผิดหวังเป็นอย่างมาก!”
ทัวเป่าเจิ้นจ้องมองนางด้วยสีหน้าเฉยเมยและมิแยแส
ความมิแยแสของเขา เป็นเรื่องธรรมดามาก ราวกับว่า เขาเกิดมาพร้อมกับสีหน้าเช่นนั้น
การแสดงออกของเขาทำให้หัวใจดวงนี้ รู้สึกราวกับว่า มันถูกบีบให้แน่นขึ้น แน่นจนแทบจะขาดใจ
และรู้สึกราวกับว่า เข็มเล็ก ๆ ที่แหลมคมนับพันเล่ม ได้ทิ่มแทงลึกเข้าไปในหัวใจของนาง
ในเวลาที่คาดมิถึง นางสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม สีหน้านั้นยังคงมีความแค้นแฝงอยู่ แต่ลึก ๆ แล้ว การจ้องมองนั้น คือความเศร้าโศกและการสูญเสีย
“จางเล่อคือผู้ที่ข้ารัก แม้ว่าในตอนแรก ข้าตั้งใจที่จะขับไล่เจ้าออกจากวังแห่งนี้
แต่ด้วยความสงสาร จะยังคงปล่อยให้อาศัยอยู่ในวัง เพื่อที่จะได้มิต้องเป็นกังวลเรื่องอาหาร และที่พักพิง อีกทั้งจะได้อยู่อย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต”
“อยู่อย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต เช่นนั้นรึ”