ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 15.1
ตอนที่ 15-1 การวางแผน
เมื่อฮูหยินใหญ่ กลับมาถึงตำหนักของตนเอง จึงนั่งลงพร้อมกับจิบน้ำชาด้วยท่าทีที่แสดงถึงความทุกข์ใจ
แต่ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านข้าง
“หลี่เว่ยยาง นังบ้า อวดดี! ทำตัวโดดเด่นมากนักหรือ! ต้องการลองดีใช่หรือไม่!”
หลี่ฉางซีกล่าวออกมาอย่างร้อนรน และน้ำเสียงนัันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหลี่ฉางซี ขณะที่มุมปากนั้นเอียงลง และกล่าวออกมาว่า
“ลูกห้า เจ้ากล่าวถึงพี่สามเช่นนั้นได้อย่างไร? มันมิสุภาพเลย”
ฉางซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แม้ฮูหยินใหญ่จะคิดว่า หลี่เว่ยหยางสมควรได้รับบทเรียนบ้าง
แต่ต่อหน้าผู้คน นางยังคงต้องการที่จะปกป้องภาพลักษณ์ที่จิตใจดีและมีเมตตาของตนเองอยู่
หลี่ฉางซีเย้ยหยันอย่างหยาบคายว่า
“ท่านแม่ใหญ่ ตอนนั้นท่านบอกว่า ได้สืบหาภูมิหลังของนางแล้ว มิใช่หรือ?
เห็นมีผู้กล่าวว่า นางโง่เขลา และ
ขี้ขลาด แต่ดูตอนนี้สิ นางมิเพียงแต่มีไหวพริบ
แต่นางมิได้ดูเหมือนผู้ที่ขี้ขลาดแม้แต่นัอย มันมิเหมือนกับสิ่งที่รู้มาเลย”
ฮูหยินใหญ่จ้องมองไปยังฉางซี และทำท่าโกรธเคืองพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“ฉางซี เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
ฉางซีมองไปที่ฮูหยินใหญ่และกล่าวตอบอย่างแผ่วเบาว่า
“ท่านแม่ จากที่ข้าเห็น ถึงเวลาแล้วที่จะให้สาวใช้ผู้ที่เราส่งไปแสดงความสามารถของนางเสียที”
ฮูหยินใหญ่หยุดคิดชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างดัง
“โอ! เจ้าฉลาดมาก”
การแสดงออกในดวงตาของฉางซีเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และกล่าวว่า
“ตอนนี้เว่ยหยางได้รับความคุ้มครองจากท่านย่าใหญ่ แต่หากผู้ที่จะเอาเรื่องนางคือ ท่านพ่อเล่า จะเกิดอันใดขึ้น?
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า นางเป็นตัวโชคร้าย เพราะเกิดในเดือนกุมภาพันธ์”
แม่ใหญ่จึงกล่าวชมว่า
“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ ”
รอยยิ้มของฮูหยินใหญ่ลึกขึ้น และกล่าวอีกว่า
“นับว่าเป็นความคิดที่ดีมาก”
จากนั้นคุณหนูห้าจึงเดินเข้ามาหาแม่ใหญ่ของนางอย่างคลุมเครือ และจ้องมองไปยังฮูหยินใหญ่พร้อมกับยิ้มกว้างบนใบหน้าในทันที
“ท่านแม่ใหญ่ วันนี้ท่านให้สร้อยข้อมือกับนาง!”
ความสุขของหลี่ฉางซีi มิมีอันใดมาก เมื่อเห็นชัดเจนดังนั้น ฮูหยินใหญ่จึงแสยะยิ้ม ขณะสั่งให้แม่นมหลินไปนำปิ่นปักผมรูปหงส์มาให้
จากนั้นจึงส่งมันให้กับหลี่ฉางซี
“หนึ่งชิ้นสำหรับเจ้า และอีกหนึ่งชิ้นสำหรับพี่สี่ของเจ้า”
พี่สี่ทำอันใด? มิได้ทำอันใดสักอย่าง! หลี่ฉางซีรู้สึกรำคาญกับพี่สาวร่วมสายเลือดผู้นี้มาโดยตลอด
จึงตัดสินใจที่จะเก็บปิ่นปักผมทั้งสองอันไว้กับตนเอง และรีบกล่าวขอบคุณแม่ใหญ่พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
หลี่ฉางซีมิใช่ผู้ที่โง่เขลา และนางมีนิสัยฉลาดแกมโกง
อย่างไรก็ตาม ฮูหยินใหญ่ชอบใจพรสวรรค์ข้อนี้มาก ขอเพียงแค่หลี่ฉางซีเชื่อฟังคำสั่งของนางก็เพียงพอแล้ว
หลี่ฉางซี ผู้มีอารมณ์ร้อน และพร้อมที่จะกระโดดเข้าใส่คู่ต่อสู้ อีกทั้งยังทำทุกอย่างด้วยเล่ห์เหลี่ยม
วิธีนี้จะทำให้ฮูหยินใหญ่และจางเล่อนั่งรอรับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น โดยมิต้องทำอันใดเลย
หลังจากสนทนากันสักพักหลี่ฉางซีจึงขอตัวลากลับไป
หลี่จางเล่อกล่าวขึ้นมาบ้าง หลังจากเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เป็นเวลานานพอสมควร
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงใจเย็นกับนางนัก?”
หลี่จางเล่อแสดงความคิดเห็นพร้อมกับจ้องมองด้านหลังของหลีฉางซี ขณะที่คุณหนูห้าได้เดินออกไป และกล่าวอีกว่า
“หากท่านยังตามใจนางเช่นนี้ ต่อไปข้าเกรงว่า น้องห้าจะกลายเป็นเด็กเกเร และมีนิสัยอวดดี”
“ผู้ที่มีนิสัยเช่นนี้แหละ ที่ข้าต้องการ” ฮูหยินใหญ่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ที่นี่มีคุณหนูรองที่ใจคอคับแคบจากนั้นก็มีคุณหนูห้าที่เจ้าเล่ห์
และสุดท้ายยังมีคุณหนูสี่ที่มีจิตใจงดงาม มีเพียงผู้นี้เท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้”
หลี่จางเล่อเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำกล่าวของมารดา
จึงยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่นั่งลงด้านข้างฮูหยินใหญ่
“ท่านแม่ แต่ตอนนี้ยังมีคุณหนูสามที่ชาญฉลาดเพิ่มขึ้นมาอีกคน”
ฮูหยินใหญ่ยกมุมปากขึ้น
“เว่ยหยางมิใช่ผู้ที่โง่เขลาอย่างแน่นอน แต่อีกมินาน นางจะต้องพลาด”
หลังจากเหตุการณ์ที่เว่ยหยางเล่นละครต่อหน้าท่านย่าใหญ่มินาน เสื้อผ้าหลายชุดก็ได้ถูกส่งมาในทันที
ใช้เวลามิถึงวันในการจัดส่งเสื้อผ้า และในจำนวนนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับทุกฤดูกาล
เว่ยหยางเลือกเครื่องแต่งกายที่เบาบางและอ่อนนุ่ม เป็นสีแดงและสีเงินพร้อมกับลายปักรูปดอกไม้
ด้านในเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหนาที่ให้ความอบอุ่น และสามารถสวมใส่ได้ในช่วงฤดูหนาว
ทั้งหมดนี้หมายความว่า แผนของ
เว่ยหยางประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
หลี่เว่ยหยางกำลังนั่งด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายอยู่บนเตียงของตนเอง ขณะที่จิบชาไปด้วย
และกำลังวางแผนว่า จะทำอย่างไรกับเงินที่ท่านย่าให้มาดี
ฮัวเหม่ยเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากทางด้านนอก พร้อมกับถือรองเท้าที่ตัดเย็บอย่างงดงามคู่หนี่ง
“คุณหนูสาม ข้าสังเกตเห็นว่า รองเท้าของท่านชำรุดแล้ว
และเห็นว่า คุณหนูใหญ่มีรองเท้าคู่หนึ่งที่ปักลวดลายหงส์อย่างประณีต ข้าจึงนำมันมาให้ท่าน!
คุณหนู ดูสิว่าท่านชอบหรือไม่”
หลี่เว่ยหยางเหลือบมองรองเท้าเพียงเเวบเดียว และเห็นว่า รองเท้าทำจากผ้าสีแดงเลือดหมู และปักด้วยรูปหงส์สีทอง
ด้ายแต่ละเส้นถูกปักด้วยความประณีต ซึ่งเห็นได้ชัดว่า รองเท้าคู่นี้ใช้ความพยายาม และใช้เวลาในการเย็บปักนานทีเดียว
ฮัวเหม่ยจ้องมองไปยังหลี่เหว่ยหยางด้วยความสงสัย และเอ่ยถาม อีกครั้งว่า
“คุณหนู ท่านชอบหรือไม่”