ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 66.2
ตอนที่ 66-2 รกเด็ก
ซื่อหยินเหนียงกล่าวด้วยท่าทางโกรธแค้นว่า
“เนื่องจากคนอื่นต้องการทำร้ายเรา แล้วเราจะนิ่งเฉยโดยมิทำอันใดเลยได้อย่างไร?
ข้าเป็นผู้ที่เบาปัญญา ดังนั้นจึงต้องขอคำแนะนำจากเซียนจูด้วย”
หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยังซื่อหยินเหนียง จากนั้นจึงหัวเราะอย่างใจเย็น ขณะที่กล่าวว่า:
“เป็นเพราะหยินเหนียงเดินทางมาที่นี่ เราจึงได้สนทนากันเป็นการส่วนตัว”
รอยยิ้มอันแสนหวานปรากฏบนใบหน้าของซื่อหยินเหนียง และนางกล่าวว่า:
“เซียนจู เป็นเพราะเหตุผลบางประการ เราจึงมิสะดวกที่จะสนทนากันอย่างเปิดเผย
ตอนนี้เราเปรียบเสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เช่นนั้นเราจะต้องเปิดใจหารือกัน”
หลังจากที่ซื่อหยินเหนียงกล่าวจบ นางได้เหลือบมองไปยังหรงเอ๋อ
“สาวใช้ผู้นี้…คงต้องให้ชิหยินเหนียงลงโทษนาง ด้วยเหตุผลที่นางละเลยหน้าที่ของตนเอง”
หากสิ่งนี้หมายถึงการปลิดชีวิตของหรงเอ๋อ มันจะเป็นการฆ่าพยานสำคัญในเรื่องนี้
หลี่เว่ยหยางมองไปที่การแสดงออกที่บ่งบอกถึงความหวาดกลัวของหรงเอ๋อและกล่าวอย่างใจเย็นว่า:
“เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้งูตื่น เรามิควรลงโทษนางในตอนนี้ ท่านมิต้องกังวล ข้าจะหาวิธีทำให้นางปิดปากเอง”
ซื่อหยินเหนียงพยักหน้าและกล่าวว่า:
“เซียนจูมีแผนการในใจแล้วหรือยัง?”
หลี่เว่ยหยางยิ้มและกล่าวว่า
“ตอนนี้กะทันหันมากเกินไป ข้าคงต้องใช้เวลาในการไตร่ตรองเรื่องนี้
หากว่ามีอันใดคืบหน้า พรุ่งนี้ข้าจะติดต่อท่านไป”
หลังจากนั้นซื่อหยินเหนียงจึงกลับไปด้วยสีหน้าแห่งความพึงพอใจ และรอคอยให้ถึงวันรุ่งขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ…
และสองวันต่อมา หลี่จางเล่อมาที่ตำหนักซวงเยว่เกอเพื่อเยี่ยมหลี่ฉางซีตามปกติ
และเมื่อยังมิทันเข้าประตูมา นางก็เห็นสาวใช้ตัวน้อยกำลังถือถ้วยใบเล็ก เดินนำหน้าซื่อหยินเหนียงเข้ามาพอดี
หลี่จางเล่อรู้สึกสงสัย และอดมิได้ที่จะเอ่ยถามว่า
“วันนี้ตอนกลางวัน คุณหนูห้ากินอันใด?”
สาวใช้ผู้นั้นถึงกับผงะในทันใด มือของนางสั่นสะท้าน และมิกล้าที่จะเปิดปากเพื่อกล่าวอันใดออกมา ขณะที่ใบหน้าและหูของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง ในตอนที่จ้องมองไปยังหลี่จางเล่อ
สาวใช้รีบถอยทันที
หลี่จางเล่อขมวดคิ้วและกล่าวว่า:
“หยินเหนียงสิ่งนี้คืออันใดกันแน่? ท่านช่วยบอกกล่าวให้ข้าทราบที”
ความอึดอัดปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของซื่อหยินเหนียง ขณะที่นางยิ้มอย่างขอโทษ:
“คุณหนูใหญ่ นี่คือซุปดอกชบาร้อยดอก ข้าได้ยินมาว่า สูตรนี้ใช้แล้วสามารถเห็นผลได้จริง และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลบรอยแผลเป็น แล้วยังสามารถช่วยดูแลผิวพรรณได้อีกด้วย
นี่คือการรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของคุณหนูห้า ซึ่งมิใช่ของแพงแต่อย่างใด ดังนั้นท่านจึงมิควรใส่ใจกับมันมาก”
หลี่จางเล่อยิ้มเล็กน้อย และรู้ดีว่า มิใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับซื่อหยินเหนียง
นางยิ้มสดใสขณะที่กล่าวว่า:
“หยินเหนียงมิต้องกังวลใจ ข้าแค่เอ่ยถามเท่านั้น”
เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว นางจึงเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับซื่อหยินเหนียง
ขณะนั้นหลี่ฉางซีกำลังจ้องมองดูตนเองในกระจกเงา และได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น:
“น้องห้า?”
หลี่ฉางซีจึงหันศีรษะมาทางต้นเสียงนั้น
เมื่อครู่เป็นเพราะนางทาแป้ง จึงทำให้รอยแผลเป็นจางลงจนเกือบจะมองมิเห็นแล้ว นางเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า:
“พี่ใหญ่รีบนั่งลงเร็วเข้า”
หลี่จางเล่อยิ้ม:
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
จากนั้นนางได้หันกลับไปกล่าวกับซื่อหยินเหนียงว่า:
“หยินเหนียง ข้าขอเวลาสักครู่”
ดูเหมือนซื่อหยินเหนียงจะลังเลใจอยู่พักหนึ่ง นางเคลื่อนไหวช้า ๆ ราวกับว่ามิต้องการที่จะจากไป และกลัวว่าหลี่ฉางซีจะหลุดปากกล่าวอันใดออกมา
ขณะที่หลี่จางเล่อเห็นอาการผิดปกติของนาง จึงเริ่มรู้สึกสงสัย
หลี่ฉางซีกล่าวโดยมิรู้ตัวว่า:
“หยินเหนียง ท่านมีเรื่องอื่นจะกล่าวอีกหรือไม่?”
ซื่อหยินเหนียงทำเพียงแค่จ้องมองบุตรสาว แล้วบิดตัวเพื่อเดินออกไป
หลี่จางเล่อจ้องมองไปที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของหลี่ฉางซีอย่างพิจารณาและกล่าวว่า:
“แผลเป็นของน้องห้า ดูเหมือนจะหายเกือบหมดแล้ว”
หลี่ฉางซีสัมผัสรอยแผลเป็นบนใบหน้าของตนเองโดยสัญชาตญาณ และเห็นว่ามันมิได้แตกต่างจากเดิมมากนัก
แต่เมื่อเทียบกับความน่าเกลียดในตอนแรกแล้ว มันดีกว่ามาก:
“ต้องขอบคุณกับสิ่งที่ หยินเหนียงนำมาให้…”
นางกล่าวออกมาได้เพียงแค่ครึ่งประโยค จากนั้นก็จำสิ่งที่ซื่อหยินเหนียงกำชับกับนางเอาไว้ได้ จึงรีบปิดปากและยิ้มกว้างขณะที่กล่าวว่า
“เมื่อครู่พี่ใหญ่ต้องการที่จะกล่าวอันใดหรือ?”
ผู้คนมักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ ยิ่งปกปิดก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น หลี่จางเล่อขมวดคิ้วและกล่าวว่า:
“น้องห้า เจ้ามิจำเป็นต้องปกปิด ข้าได้เห็นทุกอย่างแล้ว สิ่งที่อยู่ในถ้วยเล็กนั่น…”
หลี่ฉางซีแสดงสีหน้าตกตะลึง และรู้สึกมิสบายใจ ขณะที่นางกล่าวว่า
“พี่ใหญ่ อย่าบอกผู้ใดเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะมิสามารถกินของดีเช่นนี้ได้อีกต่อไป!”
หลี่จางเล่อสะดุ้งเล็กน้อยและกล่าวว่า
“นี่มันอะไรกันแน่?”
นางมิเชื่อในสิ่งที่ซื่อหยินเหนียงกล่าว ว่าเป็นเพียงแค่ดอกชบาร้อยดอก เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็มิจำเป็นที่จะต้องปิดเป็นความลับถึงเพียงนี้?
หลี่ฉางซีลังเลอยู่นาน จนกระทั่งหลี่จางเล่อแกล้งทำเป็นโกรธ นางจึงพึมพำและกล่าวออกมาว่า:
“มันคือรกมนุษย์”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่จางเล่อจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก และเสียงของนางก็ดังขึ้น
“เช่นนี้…เจ้า…เจ้า…”
สีหน้าของหลี่ฉางซีสลดลงในทันที และนางคุกเข่าลงต่อหน้าพี่สาวขณะที่กล่าวว่า:
“พี่ใหญ่ ข้ามิมีทางเลือกอื่น นี่เป็นเพียงทางเลือกเดียวที่ข้ามี
แผลเป็นบนใบหน้าของข้าเริ่มปรากฏให้เห็นน้อยลงเรื่อย ๆ และหลังจากกินอีกเพียงแค่สามครั้งมันจะหายสนิท…
ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับผู้ใด…“
ดวงตาเป็นประกายของหลี่จางเล่อสั่นคลอน ขณะที่จ้องมองไปยังใบหน้าของหลี่ฉางซี
นางจำได้ว่า มารดาของตนเองเคยกล่าวว่า หญิงสาวผู้นี้ยังสามารถใช้งานได้ นางจึงกัดริมฝีปากของตนเอง และในที่สุดได้กล่าวว่า:
“ลุกขึ้นมาก่อน”
หลี่ฉางซีตัวสั่นด้วยความกลัวขณะที่กล่าวว่า
“พี่ใหญ่ ท่านยกโทษให้ข้าแล้วใช่หรือไม่?”
หลี่จางเล่อถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวว่า
“เหตุใดเจ้ายังคุกเข่าอยู่อีก?!”
จากนั้นหลี่ฉางซีจึงรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พร้อมกลับรอยยิ้มที่กระจายไปทั่วทั้งใบหน้า:
“พี่ใหญ่ ท่านมิเข้าใจ สิ่งนี้อาจจะฟังดูน่ารังเกียจ แต่หลังจากใช้สิ่งนี้เป็นเวลามินานเท่าใด
มิเพียงแต่ผิวจะเรียบและเนียนใส แต่ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ด้วย…
ข้าได้ยินว่า นางสนมในวังหลวงของจักรพรรดิใช้สิ่งนี้เพื่อรักษาความงาม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของหลี่จางเล่อก็แดงขึ้น ขณะที่นางกล่าวว่า
“นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ!”
หลี่ฉางซีกัดฟันและกล่าวว่า:
“พี่ใหญ่ หากท่านมิเชื่อข้า ก็สามารถทดลองใช้ด้วยตนเองได้!”
เมื่อได้ยินผู้เป็นน้องสาวกล่าวเช่นนั้นหลี่จางเล่อถึงกับผงะ นางจึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า:
“เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสกปรกอันใด! ข้าจะสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างไร!”
หลังจากนั้น นางจึงรีบลุกขึ้น และกล่าวว่า:
“สำหรับเรื่องนี้ มิควรกล่าวถึงอีก!”
หลี่ฉางซีมองดูนางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
มินานนักซื่อหยินเหนียงได้เดินเข้ามาและกล่าวว่า:
“พี่ใหญ่ของเจ้ารู้เรื่องแล้วหรือ?”
หลี่ฉางซีคร่ำครวญออกมาว่า:
“เป็นความผิดของท่าน ปกติข้ามักจะกินมันตอนกลางคืน แต่วันนี้ท่านทำให้ข้ากินตอนบ่าย แล้วพี่ใหญ่ก็เข้ามาพบพอดี!
ข้ามิต้องการปิดบังนาง จึงเล่าให้ฟังตามตรง หลังจากรับฟังแล้ว นางจึงรีบหุนหันออกไป”
ซื่อหยินเหนียงยิ้มและกล่าวว่า:
“ดีแล้วที่นางรู้เรื่องจริง”
หลี่ฉางซีจ้องมองไปยังซื่อหยินเหนียงอย่างสงสัย ความหมายของสิ่งนี้คืออันใด?
“ข้ากล้าเดิมพันกับเจ้าได้เลยว่า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอน
เพราะนางทะนุถนอมความงามราวกับว่ามันมีค่ามากกว่าชีวิตของตนเอง”
ซื่อหยินเหนียงกล่าวอย่างมั่นใจ
เพราะหลี่เว่ยหยางกล่าวว่า การจับจุดอ่อนของหลี่จางเล่อจะทำให้พวกนางสามารถเอาชนะได้
และตอนนี้ดูเหมือนว่า เว่ยหยางจะกล่าวได้ถูกต้อง