ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 872 ล้วนเป็นคนยุคปัจจุบันทั้งหมด
- Home
- ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน
- บทที่ 872 ล้วนเป็นคนยุคปัจจุบันทั้งหมด
บทที่ 872 ล้วนเป็นคนยุคปัจจุบันทั้งหมด
อันหลิงหยุนลืมตาขึ้น: “อาจารย์ของข้าล่ะเจ้าคะ?”
เหล่าจู่ทอดถอนใจ:”ศาสตร์การเชิญวิญญาณจะได้ผล ก็ต่อเมื่อวิญญาณนั้นยังคงอยู่ อีกทั้งคนก็ยังต้องมีชีวิตอยู่เช่นกัน คนคนนั้นของเจ้า วิญญาณได้สูญสลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ข้าตามหาไม่พบ เขาเองก็ตายไปเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่มีทางแก้ไขใดๆได้อีก”
“ แล้วถ้าเขากลับไปล่ะเจ้าคะ?”
“ถ้าเขากลับไปได้ค่อยพูดกันเถอะ”
“ขอเหล่าจู่โปรดชี้นำทางด้วยเจ้าค่ะ!”
อันหลิงหยุนไม่ค่อยเคร่งศาสนาอะไรนัก เพราะสุดท้ายนางไม่ชอบการคุกเข่าให้ใคร
เมื่อเห็นอันหลิงหยุนโขกหัวคำนับถึงขนาดนี้ เหล่าจู่จึงเอ่ยขึ้นว่า: “เจ้าเรียกเขามาเถอะ”
อันหลิงหยุนลุกขึ้น รู้สึกดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง หันหลังออกประตูไปเรียกคนทันที
ซูมู่หรงได้ยินเสียงเรียกของอันหลิงหยุน ก็เดินไปที่หน้าประตูเรือนไม้ เมื่อถึงตรงหน้าของเหล่าจู่ ซูมู่หรงก็คุกเข่าลง
เหล่าจู่มองซูมู่หรงครู่หนึ่ง: “มือ!”
ซูมู่หรงส่งมือให้เหล่าจู่ เหล่าจู่กัดนิ้วจนมีเลือดไหล แล้วใช้เลือดวาดบางสิ่งบนฝ่ามือของเขา
เลือดได้ซึมเข้าสู่ฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว ซูมู่หรงเงยหน้าขึ้น เหล่าจู่ก็เอ่ยขึ้นว่า: “เจ้าไปได้แล้ว จำไว้ว่าหลังจากที่พวกเจ้ากลับมายังที่นี่อีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และในเวลานั้น บนท้องฟ้าจะปรากฏดวงอาทิตย์สองดวง!”
“…..” ในใจอันหลิงหยุนพลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที บนท้องฟ้าจะปรากฎดวงอาทิตย์สองดวง นั่นอาจมีหมายความว่า นางกับซูมู่หรงไม่ควรกลับมาที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ?
เหล่าจู่เก็บลูกแก้วแล้วหันไปมองอันหลิงหยุน แล้วทิ้งสายตาลงมองไปที่ท้องของนาง: “เจ้ามาที่นี่เพราะนาง และเจ้าก็ต้องไปจากที่นี่เพราะนางด้วยเช่นกัน
แต่เจ้าสามารถเลือกที่จะให้นางอยู่ในร่างกายของเจ้าตลอดไปได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้แล้ว ”
อันหลิงหยุนเหลือบมองที่ท้องของตัวเอง: “ไม่ต้องหรอก ข้าหวังเพียงว่านางจะได้มีชีวิตที่ดีมากกว่า”
อันหลิงหยุนลุกขึ้น พลันเกิดอาการปวดท้องแปลบขึ้นมา อันหลิงหยุนรีบใช้มือกดบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว : “อย่าทำตัวเอะอะวุ่นวายสิ”
ท้องไม่เจ็บแล้ว อันหลิงหยุนหันไปกกล่าวขอบคุณเหล่าจู่: “ขอบคุณเหล่าจู่มากเจ้าค่ะ”
เหล่าจู่เงยหน้าขึ้นมองอันหลิงหยุน: “หวังว่าเจ้าจะกลับมาได้อีกครั้ง!”
“……ต้องได้เจ้าค่ะ”
อันหลิงหยุนหันไปมองซูมู่หรง ซูมู่หรงลุกขึ้น แล้วทั้งสองคนก็จากไปพร้อมกัน
หลังจากออกไป อันหลิงหยุนก็เหลือบมองไปที่หญิงสาววัยรุ่นคนนั้น หญิงสาวมอบถุงหอมใบหนึ่งให้อันหลิงหยุน เมื่ออันหลิงหยุนรับมันไปแล้วก็กล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินจากไป
ตลอดเส้นทางที่ทั้งสองออกไปนั้น ราบรื่นไม่มีอุปสรรค เฟยยิงยืนอุ้มเจ้าห้ารออยู่ห่าง ๆ เมื่อทั้งสามมารวมตัวกัน อันหลิงหยุนก็วางแผนว่าจะกลับไปในทันที
ขากลับไปง่ายกว่าขามาอย่างมาก เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงเชิงเขากันแล้ว
อันหลิงหยุนลงไปจนถึงข้างล่างได้ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย จึงพักผ่อนยาวตลอดทั้งคืน
นางอุ้มเจ้าห้าพักผ่อนอยู่บนรถม้า ซูมู่หรงคอยสังเกตปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอยู่ตลอด
เฟยยิงยืนเฝ้าอารักขาอยู่นอกรถม้า
คืนนี้อันหลิงหยุนฝัน นางฝันว่าได้กลับไปที่สถาบันวิจัย ทั้งยังได้เจอผู้ช่วยของนางอีกด้วย
ผู้ช่วยคนนั้นยังคงดูอายุน้อยมากเหมือนเดิม อันหลิงหยุนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่รู้สึกว่าคุ้นเคยมาตลอด แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นผู้ช่วยของนางเอง
ถ้าไม่เห็นจากในลูกแก้วคริสตัลนั่น นางก็คงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในความเป็นจริง ตอนนั้นนางอาจยังไม่ตาย แต่เพราะถูกแรงระเบิดนั้นระเบิดจนตายต่างหาก
แต่ผู้ช่วยของนาง เพื่อที่จะให้นางตายไปซะ จึงวางระเบิดให้นางถูกระเบิดตาย ส่วนซูมู่หรงที่พยายามตามหานาง จะด้วยเหตุบังเอิญหรือสวรรค์จงใจกลั่นแกล้งก็ตาม จึงได้มาเจอกับผู้ช่วยคนนั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ผู้ช่วยคนนั้นจะต้องหาทางทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่ออันหลิงหยุนตื่นขึ้น ก็เป็นเช้าของวันถัดมาแล้ว นางเปิดม่านรถม้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไปหนานอี้กันเถอะ ถึงอย่างไรพวกเราก็ออกมากันแล้ว เจ้าห้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ดีจริง ๆ นั่นล่ะ ข้าอยากไปหาจื่อฮั่ว ”
ซู่มู่หรงไม่ขัดข้อง: “แล้วแต่เจ้าเถอะ”
เฟยยิงกล่าวท้วงขึ้นว่า: “ไม่ใช่ว่ามาหาวิธีการรักษาองค์ชายสามหรอกหรือ?”
“รักษาไม่ได้ ท่านหมอผีก็ไม่มีหนทางแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขามีเวลาเหลืออยู่อีกนานเท่าไหร่ด้วย แทนที่จะกลับไปหายาไร้ประโยชน์มารักษาโรคที่ไม่มีหวัง ไม่สู้พาเขาไปดูโลกกว้างแทนจะดีกว่า เขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คงไม่มีโอกาสไปดูอะไรที่มันสวยๆ งามๆ ที่นี่นักหรอก
เฟยยิงถามอีกว่า: “เช่นนั้น แล้วทางท่านอ๋องล่ะ?”
“เขาไม่สนใจข้าอีกต่อไปแล้วล่ะ ข้าจะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญแล้ว พ่อของข้ากับหยุนจิ่นสามารถดูแลพวกเด็กๆได้ เสี่ยวเฉียวกับอามู่ก็ออกเดินทางไปกับเฟิงอู๋ฉิงแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าเป็นกังวลก็คืออาจารย์กับเจ้าห้านี่แหล่ะ แต่สองเรื่องนี้ ข้าสามารถจัดการไปพร้อมๆกันได้
ไม่รู้ว่าข้าจะต้องไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ก่อนที่ข้าจะไป ข้าอยากพาเสี่ยวหยุนกับเจ้าห้าไปดูอะไรให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ วันหน้าเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็อาจจะจำข้าได้”
เฟยยิงรีบพูดขึ้นว่า: “ท่านอ๋องคงมีธุระบางอย่าง จึงทำให้เกิดความล่าช้าเป็นแน่”
“เช่นนั้นก็ไม่อาจควบคุมมันได้แล้วล่ะ”
อันหลิงหยุนไม่พูดอะไรมาก เมื่อพูดว่าจะไป ก็ไปทันที
ซูมู่หรงขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังเมืองหนานอี้
ระหว่างทาง อันหลิงหยุนมักจะลงจากรถเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้าง ทั้งยังลงมือทำอาหารเองอีกด้วย
เจ้าห้าก็ตามนางลงไปเดินที่พื้นด้วย การเดินทางครั้งนี้ของอันหลิงหยุน เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ทั้งยังได้ยินได้ฟังเรื่องราวมากมาย กงชิงวี่จับกุมพวกราชนิกูลทั้งหมดที่สมคบคิดกันวางแผนก่อการร้ายได้นานแล้ว
นอกเหนือจากหงเย่แล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมด
หงเย่เป็นพี่ชายคนที่สองของหงเสี่ยว ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่ลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง ดังนั้นจึงยังอยู่ในขั้นตอนการไล่ตามจับกุม กงชิงวี่ยังได้ประกาศจับออกไปสู่สาธารณะว่า หากประเทศอื่นจับกุมหงเย่ได้ จะต้องส่งมอบให้กับประเทศต้าเหลียง มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดฐานช่วยปกปิดซ่อนเร้นนักโทษ ประเทศต้าเหลียงจะส่งกำลังทหารออกไปโจมตีทันที
ชั่วขณะที่สายตายังจ้องมองกองไฟ อันหลิงหยุนคล้ายตกอยู่ในภวังค์ความคิดเงียบๆ
ซูมู่หรงเอ่ยถาม: “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?”
“ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าเขายังทำท่าทีหยิ่งผยองได้ถึงขนาดนั้นเชียว แม้ว่าต้าเหลียงจะไม่ได้อ่อนแอที่สุด แต่ก็ยากจนข้นแค้นย่ำแย่ที่สุดแล้วล่ะ เขามีดีอะไรถึงสามารถไปเรียกร้องเอาคนจากประเทศอื่นได้กันนะ? ”
“เรื่องทุกเรื่องของเขา เจ้าล้วนใส่ใจเสียจริงนะ!” ซู่มู่หรงยังคงรู้สึกอิจฉาไม่หาย
แต่เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว ร่างกายก็เริ่มไม่เชื่อฟังขึ้นทุกขณะ
อันหลิงหยุนก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน จ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง: “หลังจากที่คุณกลับไปแล้ว ต้องระวังผู้ชายคนนั้นที่อยู่ข้าง ๆ คุณให้ดีนะ อันที่จริงแล้วเขาเป็นผู้ช่วยของฉันเอง ฉันฉีดยาชีวภาพเข้าไปในร่าง แต่ตอนนั้นฉันยังไม่ตาย แค่เวียนหัวแล้วสลบไป แต่ตอนที่คุณได้รับโทรศัพท์ เขากลับบอกว่าฉันตายไปแล้ว
พอวางสาย ทั้งฉันทั้งอุปกรณ์ในห้องทดลอง ก็ระเบิดเป็นจุลไปจนหมด นี่มันแปลกมากไม่ใช่หรือ?
ฉันตายก็ไม่เป็นไรหรอก ร่างจะถูกระเบิดเละก็ยังไม่เป็นไรเหมือนกัน แต่พวกข้อมูลกับพวกอุปกรณ์เหล่านั้น ต่างก็หายไปด้วยใช่ไหม?
พอได้เห็นชายหนุ่มคนนั้น ฉันก็คิดอยู่ว่าเคยเห็นเขาจากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ มันค่อนข้างแปลก แต่ตอนนั้นฉันเองก็คิดอะไรไม่ค่อยออกมากนัก มาเพิ่งมารู้เรื่องนี้จากท่านหมอผี ว่าเขาเป็นผู้ช่วยของฉันในตอนนั้น ทำไมเขาถึงยังดูเด็กมาก? นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาฉีดยาชีวภาพเหล่านั้นให้ตัวเองหรอกหรือ? ”
ซูมู่หรงขมวดคิ้ว: “พูดอย่างนี้ก็หมายความว่า ที่เขาจงใจมาช่วยฉัน ก็เพื่อจะทำร้ายฉันงั้นเหรอ!”
“…. ” อันหลิงหยุนหันไปมอง แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรออกไป
เฟยยิงโพล่งขึ้นว่า: “บางทีอาจจะไม่ใช่การตั้งใจทำร้ายเจ้า!”
ซูมู่หรงหันไปมองเฟยยิง: “จุดประสงค์ของเขาก็เหมือนกับข้า คือตามหาตัวหยุนหยุน จากนั้นค่อยกำจัดหยุนหยุน?”
“เมื่อใครคนหนึ่งอยากจะฆ่าใครสักคน มักจะมีสิ่งหนึ่งที่ต้องคอยกังวล นั่นก็คือต้องแน่ใจว่าคนผู้นั้นตายสนิทแล้วจริง ๆ เท่านั้น ความลับจึงจะหายไปอย่างสมบูรณ์”
สิ่งที่เฟยยิงพูดนั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก อันหลิงหยุนหันไปมองเขาแวบหนึ่ง เขาก็รีบหันหน้าไปอีกทางทันที
เจ้าห้ากำลังเดินเล่นอยู่ไม่ไกลในลานสายตา เจ้าเสือน้อยกับจิ้งจอกหางสั้น พลันผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
เฟยยิงส่งสายตามองออกไปไม่ไกลจากที่นั่น : “มีคนกำลังมา ทั้งยังมีจำนวนมากอีกด้วย”
อันหลิงหยุนพยักหน้า: “อื้ม มาแล้วสินะ!”
เฟยยิงหันไปมองเจ้าเสือน้อย เจ้าเสือน้อยรีบคาบเจ้าห้าขึ้นมา แล้วรีบเข้าไปในรถม้า จิ้งจอกหางสั้นก็รวดเร็วมากเช่นกัน อันหลิงหยุนกำลังคิดอยู่ว่าจะออกไปดู ๆ ที่ด้านนอกเสียหน่อยเฟยยิงก็ชิงกล่าวขึ้นว่า ” พระชายา โปรดเข้าไปในรถก่อนเถอะ”
อันหลิงหยุนจึงยอมขึ้นไปบนรถ
เพียงไม่นานก็มีคนเข้ามา คนจำนวนหนึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ซูมู่หรงรู้สึกประหลาดใจ: “พวกเขาดูแล้วคุ้นตามากจริงๆ”
อันหลิงหยุนเปิดม่านรถม้า พินิจมองไปที่กลุ่มคนที่นั่งอยู่บนหลังม้าเหล่านั้น : “เป็นคนที่มาจากยุคปัจจุบัน!”
ซู่มู่หรงถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หันไปมองคนนับสิบ ๆ คนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม