ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 881 ถูกเซวียนเหอเอาตัวไป
บทที่ 881 ถูกเซวียนเหอเอาตัวไป
เซวียนเหอมองซูมู่ไห่แวบหนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “องค์ชายสี่ ยินดีที่จะเดินทางไปกับเราหรือไม่”
“ที่แท้พวกเจ้ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า มีประเทศที่ชื่อหลิงหยุน”
“ท่านไปแล้วก็จะได้ยินเอง”เซวียนเหอหมุนตัวไปดูอันหลิงหยุน “หากข้าลงมือ พวกท่านคงไม่ดีแน่ ท่านรอข้าลงมือ หรือว่าจะตามข้ามาแต่โดยดี”
สีหน้าอันหลิงหยุนเย็นชา “ข้าจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร ”
“เป็นบุญที่สั่งสมมาห้าร้อยปี”
เซวียนเหอหันไปมองกงชิงวี่ที่สีหน้าเย็นชา มุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “เขาเป็นถึงอ๋องซื่อเจิ้น อยู่ใต้เพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น แต่แล้วอย่างไร ฆ่าข้าตั้งหลายครั้งหลายคราแต่ก็ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ตอนนี้ยังจะโยนเจ้าให้กับข้า ข้าจะให้เขาแบ่งดินแดนออกมา ให้เขามีชื่อเสียงอื้อฉาวเป็นหมื่นปี”
คิ้วของอันหลิงหยุนขยับอยู่ชั่วครู่ “เจ้าคิดว่าเขาจะทำลายประเทศต้าเหลียงเพื่อข้าหรือ”
“ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรเล่า แล้วเจ้าล่ะ หวังว่าเขาจะทำเช่นไร แม้ว่าเขาจะเป็นท่านอ๋อง แต่สุดท้ายก็เป็นสามีจ้า หากเพื่อประเทศต้าเหลียงแล้วเขายอมยกเจ้าให้ข้า เจ้าจะคิดอย่างไร แต่หากเขายอมตอบตกลง เช่นนั้นเจ้ากับเขาก็จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวไปตลอดกาล
เขาบริหารจัดการกองทัพจนประเทศต้าเหลียงมั่นคงเป็นปึกแผ่น แต่เพราะหญิงสาวเพื่อคนเดียวกลับคิดจะโค่นล้มประเทศ เขาก็คือนักโทษ”
“ท่านยังคงไม่เข้าใจในตัวเขา แล้วแต่ท่านเถอะ ท่านจะพาข้าไปก็ไม่เป็นไร แต่ว่าข้าจะพาองค์ชายสี่ไปด้วย องค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอ ข้าจะรักษาให้กับเขา”
อันหลิงหยุนมองไปยังซูมู่ไห่ที่ไม่ปริปากอะไรเลยตั้งแต่ต้น เขาคนนี้ช่างหนักแน่นยิ่งนัก และช่างสังเกต สำหรับฮ่องเต้หนานอี้แล้วนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ซูมู่ไห่มองอันหลิงหยุนแวบหนึ่ง “ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าดูแลรักษาข้า แต่ว่าเขาจะพาเจ้าไปจากข้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
ซูมู่ไห่ชักดาบออกมาจากข้างหลัง วางไว้ที่คอของเซวียนเหอ
เซวียนเหอก้มมองดาบที่จ่ออยู่ที่คอของเขาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “เจ้าช่างอ่อนวัยยิ่งนัก”
“แต่ก็ดีกว่าเจ้า”
เซวียนเหอมองไปยังอันหลิงหยุน ยกมือขึ้นคิดจะผลักดาบออกไป อันหลิงหยุนก็ได้ดึงมือของซูมู่ไห่ไว้แล้ว เอาดาบของเขาไป แม้ว่าซูมู่ไห่จะไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร
อันหลิงหยุนวางดาบของซูมู่ไห่ไว้อย่างดี “รอเวลาที่เขาไม่ระวังตัว พวกเราค่อยสับเขาเป็นชิ้นๆ ตอนนี้เจ้าสู้เขาไม่ได้ ข้าเองก็เช่นกัน แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเจ้าจะสู้ไม่ได้ แต่เพราะเจ้าไม่สบาย รอให้หายดีซะก่อน ค่อยจัดการเขาเสีย”
ซูมู่ไห่โมโหจนหน้าแดง “เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะกำจัดเขาไม่ได้ ”
“เช่นนั้นท่านพูดสิว่า ตอนนี้ท่านสามารถจัดการเขาได้หรือไม่”
อันหลิงหยุนไม่มีทีท่าอ่อนแอ ซูมู่ไห่มองอันหลิงหยุนด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่มีพละกำลังจริงๆด้วย อย่าว่าแต่คนคนนี้เลย แม้แต่คนทั่วไปก็อาจจะสู้ไม่ไหว
อันหลิงหยุนเห็นซูมู่ไห่ไม่พูดจา จึงมองไปยังเซวียนเหอ “พวกเราไปกันได้แล้ว”
พูดจบก็มองไปยังกงชิงวี่แวบหนึ่ง เดินตามเซวียนเหอไป นางเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าประเทศหลิงหยุนเป็นเช่นไร แรกเริ่มคนที่ให้เขาออกจากประเทศต้าเหลียงเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ก็คือนาง ตอนนี้เขาได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้บุกเบิกประเทศแล้ว ทำไม่นางจะไม่ไปดูสักหน่อยเล่า
อีกทั้งเขายังใช้คำว่าหลิงหยุนโดยเฉพาะ ไม่ใช่ต้องการให้กงชิงวี่ต้องอกแตกตายหรอกหรือ
ซูมู่ไห่ก็ตามไปด้วย ไม่ไกลนักมีแพไม้ไผ่ ทั้งสามคนอยู่บนแพไม้ไผ่
เซวียนเหอยืนเอามือไขว้หลัง อยู่ด้านหน้า ด้านหลังมีคนถ่อแพ
อันหลิงหยุนเดินไปยืนอยู่อีกฝั่ง รับลมของแม่น้ำ
เซวียนเหอพูดว่า “ก่อนที่ข้าจะมาก็ได้ยินว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ขณะที่กำลังคิดว่าจะหลอกล่อเจ้าอย่างไรให้เจ้ามากับข้า ก็ได้ยินข่าวว่า เจ้าได้ถูกหงเย่พาออกมาแล้ว ข้ารีบรุดมาหาเจ้าโดยไม่หยุดพัก พลางให้คนขัดขวางกงชิงวี่ พลางรีบมาหาเจ้า
ดีที่ได้วางแผนไว้แต่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นคนที่โชคร้ายคงเป็นข้า
เดินทางไกลแสนยากลำบาก แต่หาเจ้าไม่พบ ไม่ใช่มาเสียเที่ยวหรอกหรือ ”
น้ำเสียงของเซวียนเหอแฝงแววขบขัน อันหลิงหยุนมองเขาอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคนคนนี้ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก
อีกทั้งยังมีนิสัยบางส่วนคล้ายกับกงชิงวี่ซ่อนอยู่
ลักษณะทางพันธุกรรมเช่นนี้ ช่างแปลกยิ่งนัก
อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า “ข้าตั้งครรภ์แล้ว”
เซวียนเหออึ้งไปชั่วครู่ หมุนตัวกลับมามองอันหลิงหยุน ไร้คำพูดเป็นนาน จากนั้นก็สั่งการว่า “ช่างเข้าโค้งให้ช้าลงหน่อย”
“ขอรับ”
อันหลิงหยุนรู้ว่าอย่างไรเสียเซวียนเหอก็ต้องดูแลนาง ฉะนั้นรีบพูดออกมาจึงเป็นเรื่องดี
อันหลิงหยุนนั่งลง เซวียนเหอพูด “บนนั้นมีแต่น้ำ เจ้ายืนขึ้นก่อน อีกไม่ไกลข้างหน้านี้ก็เป็นเรือใหญ่แล้ว ขึ้นเรือแล้วเจ้าก็พักผ่อนเสีย เจ้ากินอะไรหรือยัง”
อันหลิงหยุนส่ายหัว เซวียนเหอพูดว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนทำของกินให้เจ้า เจ้ากินเนื้อสัตว์หรือไม่ ”
อันหลิงหยุนส่ายหัว “ก็พอกินได้”
ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนในชั่วพริบตา อันหลิงหยุนมองบุรุษตรงหน้าที่จิตใจเต็มไปด้วยความแปรปรวน ที่จริงเขาไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนความรู้สึกจากใครได้ง่ายๆ เพียงแต่การเผชิญหน้ากับภูเขาและสายน้ำตรงหน้า เขาก็เพียงแค่โดดเดี่ยวเกินไปเท่านั้นเอง
อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืน แพไม้ไผ่ช่วงที่เข้าโค้งก็ยังคงสั่นไหวอยู่บ้าง อันหลิงหยุนยืนได้ไม่มั่นคง เซวียนเหอคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของนาง ดึงนางไปอยู่ข้างกาย ใช้แขนป้องเอวของนางเอาไว้ ทำให้ต้องยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น
อันหลิงหยุนนิ่งเงียบไร้คำพูด ซูมู่ไห่ที่อยู่ด้านหลังเอามือไขว้หลังไว้ สายตาเอาแต่จ้องมองอันหลิงหยุน ช่างไม่สำรวมเสียจริง
“เจ้าเคยคิดหรือไม่ ว่าจะไปกับข้า ”ใต้สายลม เซวียนเหอยังคงถามขึ้นอย่างไม่ตายใจ
มุมปากของอันหลังหยุนยกขึ้น “ไม่คิด”
เซวียนเหอหันหน้ามา มองหญิงสาวข้างกายอย่างช้าๆ นางยังคงมีสีหน้าสงบเย็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในฝันของเขา
เขาคิดว่าชวนเอ๋อจะเป็นหญิงเดียวในชีวิตของเขาที่เขาไม่อาจปล่อยวางได้ แต่เขาคิดผิดแล้ว
เพียงแต่ ความคิดผิดๆเช่นนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้ ให้นางเข้าใจผิดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อชีวิตนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องทำแล้ว เขาก็อยู่ปกป้องนางตลอดชีวิตแล้วจะเป็นอย่างไร
เซวียนเหอมองไปยังที่แสนไกลออกไป คิดถึงใบหน้าของหยุนโล๋ชวนที่ค่อยๆเลือนราง แล้วยิ้มขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ใบหน้าเยาว์วัย ที่สุดก็ต้องถดถอยลงไป
แพไม้ไผ่ไปถึงด้านล่างของเรือใหญ่ อันหลิงหยุนมองเชือกที่ปีนขึ้นไปอย่างเป็นกังวล สูงขนาดนี้ ขึ้นไปยังพอทำเนาแต่นางก็ยังกังวลอยู่ดี
ไม่รอให้เปิดปากพูด มือที่อยู่ที่เอวของนางก็รวบแน่นขึ้น ร่างเอนไปด้านหลัง
เซวียนเหอได้อุ้มนางไว้ด้านข้าง พานางโดดขึ้นไปบนเรือแล้ว
ซูมู่ไห่เห็นคนไปแล้ว เขาเองก็โดดขึ้นไปบนเรือเช่นกัน
อันหลิงหยุนถูกอุ้มไปจนถึงบนเรือ เซวียนเหอไม่ได้วางนางลงในทันที กลับอุ้มนางอ้อมเรือไปหนึ่งรอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม อันหลิงหยุนกลับกลัวว่าตนเองจะถูกหมุนจนเวียนหัว เงยหน้าขึ้นพูดว่า “เจ้าปล่อยข้าลง”
“ทำไมเจ้าไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด หญิงสาวมิใช่ควรจะเขินอายสักหน่อยมิใช่หรือ ”เซวียนเหอรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
อันหลิงหยุนไม่สนใจเขา รีบลงมาทันที หมุนตัวมองไปยังซูมู่ไห่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งด้วยสีหน้าขาวซีด ก้าวเท้าเดินไป ยื่นมือไปกุมข้อมือของซูมู่ไห่ เริ่มทำการจับชีพจรตรวจร่างกายของเขา จนแน่ใจแล้วว่าเขาเจ็บปวดมาก จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปอย่าเคลื่อนพลัง รอเรือใหญ่เข้าฝั่งแล้ว ข้าจะคิดหาวิธีหายาให้กับเจ้า”
ซูมู่ไห่สะบัดมือออกทันควัน “ไสหัวไป”
หากคิดว่าก่อนหน้านี้อันหลิงหยุนนั้นไม่สำรวมอยู่บ้าง เช่นนั้นตอนนี้อันหลิงหยุนในสายตาของซูมู่ไห่ก็คงจะมีความไร้ยางอายอยู่บ้างแล้ว
หญิงสาวที่ไหนกันที่ให้บุรุษอุ้มได้ตามใจ
อันหลิงหยุนไม่ใส่ใจ หันไปมองเซวียนเหอ “ร่างกายเขาไม่สู้ดีนัก”
สีหน้าของเซวียนเหอเย็นชาอยู่บ้าง “ขังไว้ก่อน ดูท่าทางของเขาแล้ว ไม่แน่ว่าเขาคิดอยากจะฆ่าคนเมื่อไหร่ก็ได้ ”
“เขาไม่สบาย ไม่สามารถกักขังได้ เขาไม่ไปไหนแน่ เจ้าเตรียมอาหาร ข้ากินแล้วจะพักผ่อนสักครู่ ”อันหลิงหยุนไม่ได้กำลังหารือ แต่เป็นคำสั่ง
แต่เซวียนเหอก็ยินยอมโดยปริยาย