ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 885 บุกเข้ามาแล้ว
บทที่ 885 บุกเข้ามาแล้ว
“หากไม่มา ข้าจะรู้ความในใจของหลิงหยุนได้อย่างไร ”กงชิงวี่ก้าวเท้าเดินเข้ามา อันหลิงหยุนลุกขึ้น คิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ รู้สึกอึดอัดในใจ
กงชิงวี่เดินใกล้เข้ามา เดินไปข้างหน้าอันหลิงหยุนโดยเร็ว ยื่นมือคว้าตัวอันหลิงหยุนเอาไว้ในอ้อมอก ทั้งสองกอดกันกลม
ซูมู่ไห่สีหน้าเขียวคล้ำ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแล้ว
กงชิงวี่ผละออก จูบอันหลิงหยุนหนึ่งที
อันหลิงหยุนก็ผละออก อุ้มจื่อฮั่วไป จูบไปที่หน้าเล็กๆสีชมพูนั้นหนึ่งที ส่ายไปมา “ไม่เจอไม่กี่วัน จื่อฮั่วด้วยขึ้นหรือ”
จื่อฮั่วลืมตาขึ้น ดวงตาที่สวยงามนั้นเห็นแล้วอันหลิงหยุนก็อดที่จะชอบไม่ได้ โตแล้วคงต้องเป็นหญิงงามแน่ๆ อันหลิงหยุนไม่กล้าคิดจริงๆ ดวงตาคู่นี้ ภายหน้าจะสามารถดึงดูดวิญญาณของผู้คนได้มากสักเท่าไหร่
จื่อฮั่วส่ายหัวไปมา อิงแอบอยู่ที่อกของอันหลิงหยุน นางรำคาญพวกเขามาก นางไม่ชอบกงชิงวี่
อันหลิงหยุนอุ้มแล้วก็จูบอีกครั้ง “จื่อฮั่วเด็กดี”
เจ้าห้าลงมาจากตัวเสือ เดินไปตรงหน้าอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนรีบนั่งลงหอมลูกชาย “เจ้าห้าก็แข็งแรงแล้ว”
เจ้าห้าเม้มริมฝีปาก “ท่านแม่ พวกข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เข้ามาไม่ได้ วันนี้ท่านพ่อไม่พอใจ จึงได้บุกตีเข้ามา ”
เจ้าห้าตอนนี้ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง พูดจายังคงอ่อนนุ่มอยู่บ้าง ที่จริงเขาพูดได้ไม่เลวแล้ว เทียบกับเด็กอายุเท่ากันถือว่าพูดได้มากแล้ว
แต่ก็ยังมีบ้างที่ไม่ค่อยชัดเจน คงต้องรอให้ดวงเปิดหมดแล้วเท่านั้น จึงจะเหมือนผู้ใหญ่
“แม่รู้แล้ว เจ้าห้าลำบากแล้ว”อันหลิงหยุนหอมเจ้าห้าอีกครั้ง เจ้าห้าหน้าแดงเล็กน้อย แต่ยังคงทำตัวเป็นปกติ มือหนึ่งไขว้หลังไว้ อีกมือก็ดึงกระโปรงของอันหลิงหยุนเอาไว้ เช่นนี้ก็เหมือนกันกับจื่อฮั่วแล้ว แม้จะไม่ได้อุ้มเอาไว้ แต่ก็อยู่กับท่านแม่แล้ว
ตอนนี้เจ้าห้ารู้สึกเสียใจมาก จื่อฮั่วมักจะให้ท่านแม่อุ้มอยู่ตลอด เช่นนั้นก็ไม่มีที่สำหรับเขาแล้ว
ดีที่ยังมีท่านพ่อ
อันหลิงหยุนมองไปทางซูมู่ไห่ “ท่านอ๋อง พูดตามหลักแล้ว องค์ชายสี่ยังเป็นพี่ชายของข้า ฉะนั้นก็เป็นพี่ชายของท่านอ๋องเช่นกัน”
ซูมู่ไห่เย็นชา “ข้าไม่นับญาติ”
กงชิงวี่สีหน้าเย็นชา เลิกคิ้วมองซูมู่ไห่ เดิมทีกงชิงวี่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่ พอซูมู่ไห่เปิดปากเอ่ยขึ้น เขาก็เตะออกไปทันที ซูมู่ไห่นึงไม่ถึงมาก่อนว่ากงชิงวี่จะป่าเถื่อนเช่นนี้ ใช้เท้าเตะมาบนร่างเขา เขาล้มลงไปบนที่นอนทันที เจ็บปวดจนกลิ้งไปมาบนที่นอน
มุมปากของอันหลิงหยุนกระตุก “ข้าเพิ่งรักษาโรคให้เขา ท่านเตะเขาจนตาย ใครจะขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ของหนานอี้ ”
กงชิงวี่อึ้งไปชั่วครู่ นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้กะทันหัน หันไปมองอันหลิงหยุน
จึงพูดขึ้นว่า “ข้าลืมไป”
“ครั้งนี้จะละเว้นให้”อันหลิงหยุนตอนนี้อารมณ์ดีมาก ให้อภัยกงชิงวี่แล้ว
“อืม”กงชิงวี่ตอบรับ หมุนตัวไปทางอันหลิงหยุน สำรวจอย่างละเอียดอยู่หลายครั้ง มองแล้วมองอีกค่อยดึงตัวอันหลิงหยุนออกไป
เจ้าเสือน้อยคำรามหนึ่งเสียง หมอบอยู่ข้างกายเจ้าห้า เจ้าห้าก้าวขึ้นไป เจ้าเสือน้อยก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก หางที่แข็งแรงส่ายไปมา
อันหลิงหยุนตามกงชิงวี่ออกไป ก็เห็นเซวียนเหอยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ในมือถือดาบอันแหลมคมเอาไว้ มืออีกข้างไขว้ไว้ด้านหลัง อีกมือหนึ่งถือดาบชี้ไปที่พื้น
อันหลิงหยุนรู้สึกระอาใจ เอาจริงหรือนี่
นี่คิดว่าดื่มเลือดไปแค่ถ้วยเดียว ก็กลายเป็นจอมพลังแล้วหรือ
“ท่านอ๋อง เมื่อวานเขาดื่มเลือดข้าไปถ้วยหนึ่ง”อันหลิงหยุนเตือนกงชิงวี่ กงชิงวี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย แต่หัวคิ้วของเขากระตุกไปทีหนึ่ง หันไปมองอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้าใจ “ซูมู่ไห่จะตายแล้ว หนานอี้ก็จะเป็นของข้า ข้าเพียงต้องการช่วยชีวิตคน แต่ถูกเขาเอาเปรียบจนได้”
อันหลิงหยุนไม่ใช่นักบุญ ที่เซวียนเหอเอาเปรียบนางใช่ว่านางจะไม่ตอบโต้ และใช่ว่าจะไม่ถือสา ถ้าเป็นเวลาปกติก็แล้วไปเถอะ แต่ตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว เซวียนเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ
ทำเช่นนั้นแล้วจุดประสงค์ของเขาก็ไม่รู้ว่าดีหรือไม่
เพียงแค่เขาดื่มเลือด ก็ถือว่าหักหลังนางแล้ว
ในเมื่อเซวียนเหอหักหลังนางก่อน เช่นนั้นนางก็จะทำกลับคืน
ปฏิบัติต่อคนอื่นเสมือนคนอื่นปฏิบัติต่อตน แม้จะใจร้ายอยู่บ้างแต่ก็ยังพอให้อภัยได้
กงชิงวี่ฮึเสียงหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้าไป มุมปากของเซวียนเหอหยักขึ้น เข้าไปถึงตรงหน้าในพริบตาอันหลิงหยุนยกมือขึ้นป้องจื่อฮั่วและถอยหลังไปหนึ่งก้าว เจ้าเสือน้อยคำรามและตามไป กงชิงวี่ใช้หมัดเปล่าพุ่งออกไป ทั้งสองต่อสู้กันขึ้น อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว “ท่านระวังตัวด้วย”
“……”กงชิงวี่ไม่ตอบอะไร แต่ท่าทางกลับรวดเร็วมาก
ข้างหน้าราวกับเงาร่างสองเงากำลังต่อสู้กันอยู่
ทันใดนั้นในเงาคนก็มีดาบเล่มหนึ่งถูกโยนออกมา อันหลิงหยุนรีบถอยหลัง ดาบตกอยู่ที่หน้าประตู ซูมู่ไห่ถอยออกมาเกือบจะถูกโจมตีแล้ว ยืนอยู่หน้าประตูหน้าขาวซีด
ดาบที่อยู่บนพื้นเริ่มสั่นไหว
ซูมู่ไห่เงยหน้าขึ้นมองกลางลานบ้าน มีคนคนหนึ่งถูกโยนออกมาจากข้างใน ซูมู่ไห่ถูกพุ่งชนเข้าไปในห้อง เสียงดังปัง
ทั้งสองล้มทับกันจนกระอักเลือด
เซวียนเหอลุกขึ้นยืน โอนเอนกว่าจะยืนได้มั่นคง
กงชิงวี่มองไปยังเซวียนเหอที่อยู่ในห้อง “ในเมื่อเจ้าได้เปลี่ยนชื่อแซ่แล้ว ตั้งแต่นี้ไปก็หลุดจากตระกูลกงชิงแล้ว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า และจะไม่รื้อฟื้นความหลังอีก เจ้าก็ทำตัวให้มันดีๆ
เลือดที่กระอักออกมา เป็นหนี้ที่เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
กงชิงวี่มองอันหลิงหยุนแวบหนึ่ง “ไปเถอะ”
“อืม”
อันหลิงหยุนหันมามองทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะตามกงชิงวี่จากไป
เซวียนเหอยืนมั่นคงแล้วมองไปยังอันหลิงหยุน “หลิงหยุน”
ไอเย็นจากร่างของกงชิงวี่แผ่ซ่านออกมา หันกลับมาสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาคาดคั้น อันหลิงหยุนดึงมือของเขาเอาไว้ “ท่านไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเขา และเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ข้าทำผิดหรือ”กงชิงวี่ไม่สบอารมณ์
“ข้าพูดที่ไหนกันว่าท่านทำผิด ข้าเพียงแต่อยากบอกกับท่านว่า ตอนนี้เขาได้ละทิ้งสถานะของเขาที่มีมาตั้งแต่ต้น และยังเชิญข้าให้มาดูประเทศของเขา เขาได้กลายเป็นฮ่องเต้ของประเทศหนึ่งไปแล้ว หากท่านอ๋องไม่พอใจเขา คิดอยากจะทำลาย ก็คงทำได้เพียงสั่งการกองทัพลงมาจัดการเท่านั้น จึงจะทำลายเขาได้ อีกทั้งยังต้องมอบหมายให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นความผิดของท่านอ๋อง ”
“ประเทศหลิงหยุนของเขาอย่างนั้นหรือ”กงชิงวี่สีหน้าไม่น่าดู
อันหลิงหยุนรู้ว่ากงชิงวี่รู้แล้ว แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว รู้แล้วก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี
ฆ่ากงชิงเซียนเหอนั้นง่ายดายนัก แต่การฆ่าฮ่องเต้ของประเทศหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในแผ่นดินทั้งสี่ทิศนี้ ที่สุดจะต้องมีเหตุผลที่มากพอ
“เขาจงใจ”
“ไม่อย่างนั้นเล่า”
กงชิงวี่มองเซวียนเหอที่ออกมาจากห้อง “ข้าไม่ฆ่าเจ้า”
เซวียนเหอหัวเราะ “เจ้ากลัวว่าถ้าฆ่าข้าแล้ว ไม่รู้จะอธิบายกับหลิงหยุนอย่างไรอย่างนั้นหรือ เจ้าตีข้าให้ตายแล้วอย่างไร ก็ยังกลัวหลิงหยุนโกรธอยู่ดี”
อันหลิงหยุนเลิกคิ้ว “หากว่าเจ้ายั่วโมโหคนนัก ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือ ข้าจะลงมือเอง”
อันหลิงหยุนยกมือขึ้น เข็มเงินเล่มหนึ่งยิงไปยังร่างของเซวียนเหอ เซวียนเหออ้าปาก ราวกับจะพูดอะไร แต่ไร้เสียง เขายกมือขึ้นจับเข็ม ดึงออกมา แต่ก็ยังพูดไม่ได้
“เจ้าจะพูดไม่ได้ชั่วคราว ”อันหลิงหยุนมองไปทางกงชิงวี่ “ไปเถอะ”
อันหลิงหยุนดึงกงชิงวี่หมุนตัวจากไป
ออกจากประตูมีคนบางส่วนล้อมที่นี่เอาไว้ แต่เห็นว่ากงชิงวี่ไม่มีคนคอยขัดขวางแล้ว
ที่ประตูมีรถม้า อันหลิงหยุนตามขึ้นรถม้าก็จะจากไปทันที ตอนนี้นางยังไม่คิดที่จะไปยังวังของหนานอี้ ไม่มีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์
แต่พอเดินทางได้สักพักอันหลิงหยุนก็นึกถึงสวีฝู จึงพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะพาสวีฝูจากไปด้วย แต่ลืมซะได้”