ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 890 แลกเปลี่ยนกับหมอกุ่ย
บทที่ 890 แลกเปลี่ยนกับหมอกุ่ย
ก่อนที่ฮ่องเต้หนานอี้จะจากไปก็ไปหาอันหลิงหยุนที่หน้าบ้าน เขาเองก็เดินผ่านมาทางนี้
ฮ่องเต้หนานอี้อยากจะพบอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนบอกว่านางไม่สะดวกพบ เพราะตนเองเป็นไข้หวัด
ฮ่องเต้หนานอี้ไม่เชื่อนาง นอกจากจะไม่เป็นห่วงแล้ว ยังพูดจาไม่น่าฟังว่าทำไมไม่ป่วยตายไปเลยอยู่ข้างนอกก่อนจะจากไป
ฮ่องเต้หนานอี้จากไปแล้ว ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ออกไปส่งที่ประตูด้วย คิดอยากจะพบอันหลิงหยุน แต่อันหลิงหยุนก็ปฏิเสธไป
ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกประหลาดใจ “ใช่พวกเขาสามีภรรยาทะเลาะกันจนหย่าร้างกันแล้วหรือไม่ ทำไมทะเลาะกันรุนแรงเช่นนี้”
“ฮ่องเต้ทรงคิดมากไปแล้ว จะหย่ากันได้อย่างไร พวกเขาหย่ากันพวกเราย่อมต้องรับรู้ ในเมื่อไม่ยอมพบหน้ากันก็แล้วไปเถอะ ต้องมีเหตุผลอะไรแน่นอน ฮ่องเต้อย่าทรงได้กังวลไปเลย ”หยุนโล๋ชวนตอนนี้ท้องโตมากแล้ว และไม่ค่อยออกนอกวังด้วย หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้หนานอี้จะกลับไป นางเคยพบกับฮ่องเต้หนานอี้ที่จวนอ๋องเสียนก่อนหน้านี้อยู่หลายครั้ง ทั้งที่รู้ว่าเขาจะไปแล้ว
พวกเขายังไม่ไปส่งนอกวัง ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
ตอนนี้อันหลิงหยุนไม่ยอมพบพวกเขา หยุนโล๋ชวนกลับรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่
ไม่รบกวนจะดีกว่า
เมืองหลวงมั่นคงแล้ว แผ่นดินทั้งสี่ทิศก็ดูเหมือนจะสงบลง
คืนนี้กงชิงวี่มาที่บ้านนอกเมือง ยังอุ้มลูกๆอีกหลายคนมาด้วย เด็กๆต่างก็คิดถึงท่านแม่แล้ว และก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านแม่ถึงไม่กลับบ้าน
ลงจากรถม้าเหล่าเด็กๆต่างก็วิ่งตรงไปยังลานบ้าน ต่างก็รู้ว่าท่านแม่อยู่ข้างใน ต่างก็ราวกับก้อนเนื้อก้อนกลมๆ ที่วิ่งเข้าไปด้านใน
คนที่หน้าประตูคิดจะขัดขวาง อันหลิงหยุนบอกให้พวกเขาไม่ต้องสนใจ เด็กๆต่างเข้าไปอย่างแสนดีใจ ต่างก็พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของอันหลิงหยุน
“ท่านแม่”
อันหลิงหยุนอุ้มคนหนึ่งไว้ในมือ นั่งลงมองพวกเขาอีกหลายคนอย่างไม่สบายใจ ที่ท้องยังมีอีกคนหนึ่ง
อันหลิงหยุนทำได้เพียงพาพวกเขาเข้าไปในเรือน ที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ที่นี่มีเตียงอุ่น เด็กๆนอนกันได้พอดี
เข้าไปในเรือน อันหลิงหยุนวางจื่อฮั่วลง หัวเราะอย่างมีความสุขขึ้นกับลูกชายทั้งหลาย
กงชิงวี่เดินเข้าประตูมาอย่างหดหู่ สีหน้าอึมครึม แต่ตอนที่อันหลิงหยุนมองเขา หัวใจของเขาก็กระตุกขึ้น แล้วก็ไม่กล้าทำสีหน้าเย็นชาอีก นั่งลงอย่างเชื่อฟัง มองอันหลิงหยุนอย่างเป็นทางการ
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ วันนี้สวมชุดสีม่วงทั้งตัว ดูดีกว่าที่ผ่านมามาก และเขานั่งอยู่ตรงนั้นดูจริงจังมาก
อันหลิงหยุนคุยกับลูกๆอยู่สักพัก ถามเขาขึ้นมาว่า “งานของท่านอ๋องเรียบร้อยแล้วหรือ”
“อืม”กงชิงวี่ความคิดหวั่นไหว
อันหลิงหยุนถามต่อ “วันนี้ไม่มีงานหรือ”
“อืม”
หลังจากนั้นอันหลิงหยุนก็ไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งตอนมื้อค่ำ เด็กๆนั่งล้อมโต๊ะ กินอาหาร
ทุกคนต่างก็กินเก่งมาก มีเพียงเจ้าห้าที่ค่อนข้างเลือกกิน อันหลิงหยุนรอให้เด็กๆหลับไปแล้ว จึงไปดูกงชิงวี่ที่ลานบ้าน กงชิงวี่สั่งให้คนอื่นกลับไปพักผ่อนก่อนหนึ่งวัน ตอนที่เขาอยู่ไม่จำเป็นต้องมีคนอื่นอยู่
คนเหล่านั้นไม่ฟังเขา ต่างก็ฟังแต่อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนพยักหน้าพวกเขาจึงจากไป กงชิงวี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เห็นทีข้าคงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“นอนเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”อันหลิงหยุนก็ไม่ได้อธิบายอะไร หมุนตัวเดินไปแล้ว
กงชิงวี่หมุนตัวเดินตามไป เดินเข้าประตูแล้วปิดลง กอดอันหลิงหยุนอยู่ที่ประตูร้องขอตามความปรารถนา
ไฟในเรือนได้ดับลงแล้ว ทั้งสองหอบหายใจแรง น้ำเสียงแหบพร่า
“ข้าคิดถึงเหลือเกิน”กงชิงวี่น้อยมากที่จะพูดคำพูดเช่นนี้
อันหลิงหยุนกอดคอของกงชิงวี่เอาไว้ จูบอย่างกระตือรือร้น ทุกสิ่งล้วนอยู่ระหว่างริมฝีปาก
กงชิงวี่อุ้มนางขึ้นมา เดินไปยังอีกฝั่ง
คืนนี้ทั้งสองกว่าจะหลับก็ใกล้รุ่งเช้าแล้ว ก่อนนอนกงชิงวี่ถามอันหลิงหยุนว่าทำไม่จึงให้สวีฝูกลับไปที่จวนอ๋องเสียน แต่นางไม่กลับ
ในเมื่อร่างกายของสวีฝูไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ทำไม่นางไม่กลับ
อันหลิงหยุนบอกว่าที่นี่อากาศดี ในเมืองหลวงอากาศไม่ดี นางไม่อยากกลับไป กลับไปแล้วก็วุ่นวาย การหลอกลวงกันไม่ไว้ใจกันมีมากเกินไป”
กงชิงวี่เห็นนางง่วงมากแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ตอนเช้าตื่นขึ้นมา คนพวกนั้นก็กลับมาแล้ว กงชิงวี่ก็ได้รับจดหมาย
อาหยู่เอาจดหมายให้กับกงชิงวี่ กงชิงวี่เปิดออกดู สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลง
อันหลิงหยุนแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
“ฮ่องเต้ได้รับสาส์นจากประเทศเฟิ่งแล้ว ให้เจ้ากลับไปสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ของประเทศเฟิ่ง”กงชิงวี่เอ่ยเย็นชา ส่งจดหมายในมือให้อันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนเปิดออกดู จดหมายเป็นลายมือของฮ่องเต้ชิงหยู่จริง
อันหลิงหยุนมองไปทางกงชิงวี่ “ท่านอ๋องกลับไปเถอะ ข้าจะทำเป็นว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น อยู่ที่นี่ ใครก็ทำอะไรข้าไม่ได้ สามีและลูกข้ายังอยู่ที่นี่ พวกเขาให้ข้ากลับไปแต่ข้าไม่กลับแน่นอน ในเมื่อท่านอ๋องพูดเช่นนี้
ไม่ว่าผู้ใดเป็นคนถามก็ตอบเช่นนี้ ท่านอ๋องก็บอกกล่าวประเทศเฟิ่งไปเช่นนี้ก็พอ”
“ข้าได้ค้นหาฮ่องเต้หญิงแล้ว แต่นางยังไม่ปรากฏตัว”กงชิงวี่เองก็เข้าใจ
มีบางเรื่องกำลังจะมาถึงแล้ว
เขากำลังค้นหา แต่ก็ยังหาไม่พบ
“ท่านอ๋องกลับเถอะ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ข้าไม่กลับไปแน่นอน ท่านบอกพวกเขาไป มีปัญญาก็มาหาเอง ข้านั้นไม่กลับ ไม่ใช่เพราะท่านอ๋องไม่ปล่อยข้าไป”
ที่อันหลิงหยุนพูดกงชิงวี่ก็รู้ดี แต่เขาเป็นบุรุษ จะให้นางแบกรับเรื่องนี้คนเดียวได้อย่างไร “ข้าไม่ปล่อยแน่ ข้าจะทำตามที่เจ้าพูด”
อันหลิงหยุนส่ายหน้า ยกมือขึ้นปัดไปที่หน้าอกของกงชิงวี่ “ท่านอ๋อง สงครามนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ความเข้มแข็งนั้นสำคัญมาก แต่การทหารนั้นไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย ท่านอ๋องยังจะให้ข้าพูดอีกหรือ”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจมาดูเจ้าทุกวันแล้วน่ะสิ”
“ไม่กี่วันนี้คงไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ท่านอ๋องคงต้องลำบากเสียหน่อย มาตอนกลางคืน และจากไปก่อนฟ้าสาง ผ่านไปอีกสักพัก คงไม่ได้แล้ว คาดว่าคงมีการส่งคนมาจากประเทศเฟิ่ง
ข้าคิดว่าอ๋าวชิงคงไม่สามารถคุมสถานการณ์ให้มั่นคงได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ขอให้ข้ากลับไป ประเทศเฟิ่งยังคงมีคนที่ไม่พอใจต่อสถานการณ์ตรงหน้านี้เป็นแน่
ฮ่องเต้หญิงหายตัวไปก็ครึ่งปีแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป อ๋าวชิงก็คงจะแบกต่อไปไม่ไหวแล้ว
พวกเขาคงไม่มีทางยอมให้อดีตชายที่เคยเป็นคนโปรดของฮ่องเต้หญิงมาดูแลประเทศเป็นแน่
ฮ่องเต้หญิงและซูอู๋ซินต่างก็เป็นคนไร้คุณธรรม ก็ไม่รู้ว่าหนีไปสำราญเริงร่าที่ไหนแล้ว
ประเทศเฟิ่งไม่ใช่ของพวกเรา จะทำอย่างไร พวกเราไม่ต้องสนใจ พวกเขาสามีภรรยายังไม่สนใจ ทำไม่พวกเราต้องกลับไปด้วย
ท่านอ๋อง หากต้องไปตอนนี้จริงๆ ในท้องข้ายังมีอีกคนหนึ่ง เกิดมาจะทำอย่างไร
ไปครั้งนี้ก็ไม่ใช่แค่สามปีห้าปี ขอเพียงพวกเขารู้ว่าข้าให้กำเนิดลูกสาว
พวกเราคงต้องถูกกักอยู่ที่นั่น
ตอนนั้นเฟิ่งป่ายซูคิดอยากจะไปแต่ก็ไปไม่ได้ ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เพราะต้องการหลุดพ้นจึงได้ทำเช่นนี้”
กงชิงวี่มองอันหลิงหยุน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะไปปรับทัพทหารก่อน
หากพวกเขามา ก็สู้รบกัน”
“สู้กันไม่ดี ให้พวกเขามาหาข้า ยังไงข้าก็ไม่กลับไป หากไม่ใช่ประเทศเฟิ่งยอมจำนนต่อประเทศต้าเหลียง ดูสิว่าพวกเขาจะทำอย่างไร ดูสถานการณ์ไม่ก่อนค่อยว่ากัน ”
“อืม ”แม้ว่ากงชิงวี่จะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่วิธีการที่ดีสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ทำเช่นนี้ก็เป็นเพียงวิธีการเดียวที่ทำได้
สองสามีภรรยาพบปะกันเป็นเวลาสั้นๆ กงชิงวี่เข้าวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ก็ใช้ได้ จึงได้รีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้กับคนที่มาจากประเทศเฟิ่ง ให้พวกเขานำกลับไป
เรื่องนี้ไปกลับก็ใช้เวลาเป็นครึ่งเดือนแล้ว ครึ่งเดือนผ่านไปเฟยยิงลงจากเขา สีผิวดำขึ้น แต่ว่าฝีมือร้ายกาจกว่าเดิมแล้ว
อันหลิงหยุนเห็นเฟยยิงลงจากเขา จึงให้หมอกุ่ยกลับไปก่อน เอ่ยขอบคุณ มอบหนังสือเล่มหนึ่งให้กับหมอกุ่ย “นี่คือการผสมยาพิษชนิดต่างๆเข้าด้วยกัน เจ้าลองศึกษาดูดีๆ จำให้ขึ้นใจ ข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้า”
หมอกุ่ยเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว นี่มันของดีมากๆ เขาฝันก็ยังไม่กล้าคิดเลย ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธ จึงรับมาเก็บไว้