ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 910 ผู้ที่เสี่ยวเฉียวชอบ
บทที่ 910 ผู้ที่เสี่ยวเฉียวชอบ
ในสิบปีนี้ กงชิงวี่ก็มองดูซูมู่หรงเติบโตขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เริ่มอ้อแอ้ฝึกพูด จนถึงสามารถอ่านเขียนหนังสือได้ ตอนนี้อายุสิบขวบแล้ว
ซูมู่หรงในตอนนี้ชื่อกงชิงยี่เหริน ไท่จื่อแห่งประเทศเทศต้าเหลียง
ฝึกฝนวิทยายุทธกับกงชิงวี่ทุกวัน เรียนรู้ตำรากับหวางหวยอัน
เขากับจวิ้นจู่หยุนซึ่งก็คือกงชิงหยุนเยนเป็นเพื่อนร่วมเรียนด้วยกัน แต่ทุกวันเขาจะต้องถูกจวิ้นจู่หยุนเล่นงาน ทุกครั้งเขาก็น้อยใจมาก หลังจากกลับไปก็ต้องบอกกับฮองเฮา
ฮองเฮาจนปัญญามาก เด็กที่ไม่มีแม่คอยสั่งสอนก็ก้าวร้าวเช่นนี้แหละ นางก็เคยไปคุยกับอ๋องเซ่เจิ้งหลายครั้ง แต่ความหยิ่งผยองนั่นช่างอวดดีเหลือเกิน มีครั้งหนึ่งยังพูดว่าจวิ้นจู่หยุนเกิดมาเพื่อเล่นงานคน ไม่ชอบถูกเล่นงานก็อย่าปรากฏตัว
หยุนโล๋ชวนก็จนปัญญามากเหมือนกัน มีพ่อที่ยโสโอหัง ก็เอาแต่ใจเช่นนี้แหละ
แต่จวิ้นจู่หยุนไม่ชอบเล่นงานคนอื่น เล่นงานเฉพาะไท่จื่อ จะให้คนทำเช่นไร?
ไท่จื่อเป็นผู้ชาย ตีผู้หญิงไม่ได้
เสียเปรียบก็เสียเปรียบไปไม่น้อย
ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ห้าประเทศรวมตัวกัน จัดงานสัมพันธ์ประเทศพันธมิตร
เดิมทีแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางมีประเทศใหญ่ๆสี่ประเทศ ประเทศต้าเหลียง ประเทศเฟิ่ง หวูโยกั๋ว หนานอี้ บัดนี้ในสิบปีนี้ มีประเทศหลิงหยุนเพิ่มขึ้นมา
ฮ่องเต้ของประเทศหลิงหยุนขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้เมื่อสามปีก่อน ก่อนหน้านั้นเขาก็วางตัวเองไว้ในตำแหน่งฮ่องเต้หลิงหยุนตลอด
ครั้งนี้ห้าประเทศ แต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป คนที่มาจากหนานอี้คือองชายสี่ซูมู่ไห่ ตอนนี้เขาก็ใกล้จะขึ้นครองราชย์แล้ว
หวูโยกั๋วจุนโม่ซ่างมาด้วยตัวเอง เดิมเขาไม่ควรมา ถังหลงกับขุนนางใหญ่คนอื่นๆต่างก็ไม่ยินยอมให้เขามา แต่ว่าเขาเบื่อหน่ายมากในหวูโยกั๋ว จะมาให้ได้ สุดท้ายเขาก็มาจนได้
เซวียนเหอก็มาด้วยตัวเองเช่นกัน เขาอยากมาเยี่ยมหยุนโล๋ชวน ถึงได้มาประเทศต้าเหลียงด้วยด้วยเอง
คนของประเทศเฟิ่งที่จะมาในครั้งนี้ยังไม่ได้สรุปสักที แต่มีคนบอกว่าน่าจะเป็นอ๋าวชิงที่มา เพราะอ๋าวชิงเป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนักแล้ว
การต้อนรับแขกเหรื่อของประเทศต้าเหลียงอยู่ภายใต้การดูแลของอ๋องเซ่เจิ้ง และคนที่จะจัดการเรื่องนี้ของจวนอ๋องเซ่เจิ้ง ไม่ใช่คนอื่น คืออ๋องจุ้นอะมู่
ตอนนี้อะมู่เป็นอ๋องจุ้นของจวนอ๋องเซ่เจิ้งแล้ว
เขาเข้ามาดูแลเรื่องนี้ เสี่ยวเฉียวเป็นผู้ช่วยของเขา คอยช่วยเหลือเขา
เสี่ยวเฉียวเข้าออก ก็คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมหน้าสีขาวเอาไว้ สิบขวบเสี่ยวเฉียวก็ทำตามคำพูดของกงชิงวี่ ใส่ผ้าคลุมหน้าเอาไว้ ห้ามผู้ใดถอดออก หากถอดออกก็ฆ่าโดยไม่มีการละเว้น
ดังนั้นในเมืองหลวงของประเทศต้าเหลียง ไม่มีคนไม่รู้เรื่องนี้
ข้างกายเสี่ยวเฉียวมีคุณชายตัวน้อยที่แต่งตัวเรียบง่ายและสง่างามมากคนหนึ่ง คนคนนี้อายุสิบขวบ หน้าตาเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา บนหน้าเล็กหล่อเหลายังมีท่าทางของหญิงสาวเล็กน้อย คนที่รู้ต่างก็รู้ว่า นางก็คือจวิ้นจู่ที่อ๋องเซ่เจิ้งโปรดปรานที่สุด กงชิงหยุนเยน และสัญลักษณ์ของนางก็คือแส้ที่แขวนไว้ที่เอวของนางเส้นนั้น
เข้าออกวังหลวง ก็พกแส้ไปด้วย ข้างกายนางยังมีคนที่คอยปกป้องนางสองคน แต่เพื่อไม่ให้กระทบกับชีวิตนาง สองคนนั้นจะคอยปกป้องอย่างลับๆ
เช่นนี้ นางก็ไม่ใช่คนโอหังอวดดี ตามที่ได้ยินมาคือนางแค่มีชอบไท่จื่อเท่านั้น ดังนั้นเห็นหน้าก็จะเล่นงานเลย
และตามที่ได้ยินมานางเชี่ยวชาญทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่เพียงแต่จะเขียนตัวอักษรได้ดี แม้แต่ความสามารถด้านวรรณกรรมก็ทำให้หญิงผู้มีความสามารถพิเศษในเมืองหลวงเกลียดเข้ากระดูกดำ
กงชิงหยุนเยนเข้าไปในห้องโถง กวาดตามองรอบหนึ่ง ก็ตามเสี่ยวเฉียวเข้าไปข้างในแล้ว กงชิงหยุนเยนมองสังเกต เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างใน มือไขว้หลังเอาไว้ กำลังมองมาที่นาง นางเลยมองไป ระหว่างที่มองสังเกตก็สอบถาม: “ท่านเป็นใคร?”
เซวียนเหอยิ้มออกมา: “เจ้าไม่รู้จักข้า ข้าเป็นเพื่อนของแม่เจ้า เซวียนเหอ!”
เซวียนเหอนึกไม่ถึงว่า จะได้พบกับเด็กที่เหมือนกันกับอันหลิงหยุน ระหว่างคิ้วของเด็กคนนี้เหมือนกับอันหลิงหยุนทุกประการ
กงชิงหยุนเยนถาม: “ท่านคือฮ่องเต้ของประเทศหลิงหยุน?”
ระหว่างที่เสี่ยวเฉียวมองสังเกต ทำความเคารพ: “เสี่ยวเฉียวคำนับฮ่องเต้หลิงหยุน!”
“ลุกขึ้นเถอะ” เซวียนเหอก้าวไปข้างหน้ามองดูกงชิงหยุนเยนอย่างละเอียด: “จวิ้นจู่แต่งตัวเช่นนี้ ดูดีมาก!”
“เข้าออกสะดวกเท่านั้น ฮ่องเต้หลิงหยุนปรากฏตัวที่นี่ ทำไมไม่เห็นผู้ติดตาม?” กงชิงหยุนเยนเป็นคนหลักแหลมมาตั้งแต่เด็ก ท่าทางเย็นชานั่นของนางไม่เหมือนกับอันหลิงหยุน กลับเหมือนกับกงชิงวี่มาก ดังนั้นในเมืองหลวงร่ำลือกันว่า ได้พบจวิ้นจู่หยุนแล้ว ก็เหมือนได้พบอ๋องเซ่เจิ้ง
เซวียนเหอตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่: “เป็นเหมือนกับที่ร่ำลือกันจริงๆ? จวิ้นจู่เต็มใจจะพาข้าไปชมอี้หยวน(เรือนรับรอง)หลังนี้หรือไม่?”
อี้หยวนเป็นสถานที่ที่ใช้รับรองคณะทูตที่มาในครั้งนี้โดยเฉพาะ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การดูแลของจวนอ๋องเซ่เจิ้ง
กงชิงหยุนเยนเหลือบมองเสี่ยวเฉียว เรื่องนี้นางตัดสินใจเองไม่ได้
เสี่ยวเฉียวกล่าวว่า: “เรื่องนี้ยังต้องไปขออนุญาตกับท่านพ่อ ขอฮ่องเต้หลิงหยุนได้โปรดให้อภัย”
“ไม่เป็นไร แล้วจวิ้นจู่ทั้งสองท่านกำลังจะไปทำอะไร?”
“ไปลาดตระเวนในอี้หยวน”
“พอดีเลย ข้าก็ไม่มีธุระอะไร ไปกับพวกเจ้าด้วยเป็นอย่างไร?”
“ฮ่องเต้หลิงหยุนเชิญ”
เสี่ยวเฉียนมองดูกงชิงหยุนเยนที่อยู่ข้างกายครู่หนึ่ง: “หยุนเอ๋อ เราไปกันเถอะ”
“อืม”
เสี่ยวเฉียวหันหลังเดินไปข้างหน้า ด้านหลังกงชิงหยุนเยนกับเซวียนเหอสองคนเดินไปพร้อมกัน เซวียนเหอกล่าวถาม: “ได้ยินมาว่าความสามารถด้านวรรณกรรมจวิ้นจู่เยี่ยมมาก?”
“ปุถุชนทั่วไปพูดไปเรื่อย ไม่ควรค่าแก่การเชื่อถือ” กงชิงหยุนเยนไม่เคยคิดว่านางเก่งกาจอะไร ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คนข้างนอกพวกนั้นพูดเองทั้งนั้น
เซวียนเหอเพียงแต่มองดูนาง: “เจ้าเหมือนกับแม่เจ้ามาก อีกไม่กี่ปี พวกเจ้าก็จะยิ่งเหมือนเข้าไปอีก”
กงชิงหยุนเยนกล่าวว่า: “ข้าเป็นลูกสาวของท่านแม่ข้า ก็ต้องเหมือนมากอยู่แล้ว”
ทั้งสามเดินไปด้วย พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยไปด้วย
ไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็เดินมารอบหนึ่งแล้ว เซวียนเหอยังรู้สึกอารมณ์ค้างเล็กน้อย เสี่ยวเฉียวก็ได้บอกว่าควรกลับไปแล้ว
หันหลังเสี่ยวเฉียวพากงชิงหยุนเยนจากไป และบอกว่า: “ท่านพ่อบอกว่าห้ามพูดคุยกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับผู้ชาย หากเขาถามอะไรเจ้า เจ้าไม่ตอบก็พอ เรื่องนี้หากว่าท่านพ่อรู้เข้า กลับไปจะต้องถูกเขาตำหนิอีกแน่”
เสี่ยวเฉียวทำเพราะหวังดีกับกงชิงหยุนเยน ทุกครั้งก็ต้องไปคัดลอกพระคัมภีร์ที่สถานธรรม แล้วนางก็ไม่ชอบการเขียนอีก ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย แต่เมื่อถูกขังเข้าไปไม่มีเวลาสามวันห้าก็ออกมาไม่ได้
กงชิงหยุนเยนไม่คิดเช่นนั้น: “ไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“เอาอีกแล้ว!”
ทั้งสองออกมาและกลับไปถึงจวนอ๋องเซ่เจิ้ง กงชิงวี่กำลังเล่นหมากรุกกับหวางหวยอัน เห็นลูกสาวกลับมากงชิงวี่ถึงคิดจะไม่เล่นแล้ว หวางหวยอันก็มองไปทางกงชิงหยุนเยน ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนอันหลิงหยุนมาก
“คำนับกั๋วจิ้ว”
ทั้งสองเดินมาข้างหน้า ไปคำนับหวางหวยอันก่อน ถึงไปดูกงชิงวี่ เสี่ยวเฉียวรายงานเรื่องของวันนี้ เอ่ยถึงเรื่องฮ่องเต้หลิงหยุน
“หยุนเอ๋อ!” น้ำเสียงกงชิงวี่ไม่พอใจเล็กน้อย มองดูกงชิงหยุนเยนที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย
กงชิงหยุนเยนทำหน้ามุ่ย: “รู้แล้ว ข้าไปคัดลอกพระคัมภีร์ก็ได้”
หันหลังกงชิงหยุนเยนก็เดินไป กงชิงวี่ลุกขึ้นเดินตามไปด้วย เขาก็จนปัญญามาก ลูกสาวคนนี้ด่าไม่ได้ตีไม่ได้ ทุกครั้งที่คัดลอกพระคัมภีร์อยู่ข้างในก็ไม่กินไม่ดื่ม เขาที่เป็นพ่อคนนี้ยังต้องแอบเข้าไป ช่วยนางเขียน
พ่อลูกไปสถานธรรมแล้ว เสี่ยวเฉียวมองไปทางหวางหวยอัน หวางหวยอันมองเสี่ยวเฉียวครู่หนึ่ง: “หมากเกมนี้ยังเล่นไม่จบ เสี่ยวเฉียวมาเถอะ”
เสี่ยวเฉียวมองดูครู่หนึ่ง นั่งลงไปเล่นหมากรุกกับหวางหวยอัน
ทั้งสองพูดคุยกันขึ้นมา หวางหวยอันกล่าว: “เสี่ยวเฉียวอายุสิบห้าแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
เสี่ยวเฉียนรู้ เรื่องแต่งงานของผู้หญิงต้องให้พ่อแม่เป็นคนกำหนด แต่ในใจนางไม่ได้ยินยอมเช่นนั้น
หวางหวยอันถาม: “อะมู่มีคู่หมั้นไปแล้ว เดิมทีข้านึกว่าคนที่อยู่ในใจของเจ้าคืออะมู่ คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่”
เสี่ยวเฉียวกล่าว: “อะมู่เป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น เสี่ยวเฉียวไม่เคยคิดมาก”
“เช่นนั้นเจ้าวางแผนไว้เช่นไร ได้ยินว่าครั้งนี้ห้าประเทศรวมตัวกัน หนานอี้มีเจตนาสร้างความสัมพันธ์กับเรา คิดว่าองค์ชายสี่ต้องวางแผนจะทำอะไรอยู่แน่”
เสี่ยวเฉียวเงยหน้า มองหวางหวยอันเพียงครู่เดียวเท่านั้น “ไม่ได้คิดอะไรไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดการของท่านพ่อ!”
มือของหวางหวยอันหยุดไปครู่หนึ่ง: “ข้ามีลูกศิษย์สองสามคน ต่างก็เป็นเสาหลักในราชสำนัก หากว่าเจ้ามีใจ……”
“ไม่ต้องแล้ว เสี่ยวเฉียวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก กั๋วจิ้วก็อย่าเอ่ยขึ้นมาอีกเลย”
“……” หวางหวยอันเลยได้แต่ยอมแพ้ไป