ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 912 พบกัน
บทที่ 912 พบกัน
ฮ่องเต้ชิงหยินคิดว่าตนเองนั้นสามารถจัดการกับกงชิงวี่ได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นสมหวังกันทั้งสองฝ่าย
ส่งลูกสาวตัวเองออกไปแล้ว ยังจะรู้สึกอิ่มเอมใจอีก
กงชิงวี่พาลูกสาวกลับไปยังจวนอ๋องเซ่เจิ้ง แล้วส่งนางไปพักผ่อน วันนี้เสี่ยงเฉียวยังไม่กลับมา กงชิงวี่จึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้น
“ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
อะมู่เป็นคนพาเสี่ยวเฉียวกลับมาส่ง กงชิงวี่จึงไม่ได้รู้สึกกังวลใจนัก จึงพาลูกสาวกลับไปส่วนตนเองนั้นก็ไปอ่านหนังสือ ในลานโอวหลานเองก็มีที่พักของกงชิงหยุนเยนอยู่ด้วย กงชิงหยุนเยนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เตรียมตัวที่จะพักผ่อน เมื่อออกไปข้างนอกก็เห็นว่ามีคนยืนอยู่ที่ประตู นางมองด้วยความประหลาดใจ จนในที่สุดก็มองเห็นคนที่มีลักษณะท่าทางที่คล้ายคลึงกับนางยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อทั้งสองสบตากัน กงชิงหยุนเยนก็ยืนนิ่งไป
ฮ่องเต้หลิงหยุนทรงยิ้มจางๆ : “เสี่ยวหยุน !”
“……”
กงชิงวี่รออยู่สักพักจึงหันมองไปที่ประตู จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปยังประตู เดิมทีตั้งใจจะเปิดประตูออกไปเพื่อไปยังห้องส่วนตัวของลูกสาว แต่ก็หันไปเห็นคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เสียก่อน
“หยุนเอ๋อ !”
ฮ่องเต้หลิงหยุนหันไปมองกงชิงวี่ ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบขวบเท่านั้น แต่นางสูงกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย ตอนนี้นางสวมชุดสีแดง หน้าตาสะสวยงดงาม ภายใต้แสงจันทร์ นางดูเหมือนเทพธิดาที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในโลกมนุษย์
กงชิงวี่หยุดนิ่ง แล้วจ้องมองไปยังฮ่องเต้หลิงหยุน : “เจ้าไม่ใช่หยุนเอ๋อ !”
ผมของเขาขาวโพลน แต่ลักษณะท่าทางต่างๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ฮ่องเต้หลิงหยุนพยายามที่จะไม่โศกเศร้าเสียใจ แต่น้ำตากลับไหลรินออกมา สิบปีแล้ว แต่ในโลกของนางกลับรู้สึกยาวนานเหมือนร้อยปี
นางกำลังรอ ทำไมเขาถึงไม่ยอมไปประเทศเฟิ่งล่ะ ?
นางเป็นมกุฎราชกุมารี ไม่อาจออกมาได้ !
ถ้าไม่ใช่โอกาสครั้งนี้ แล้วเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะได้พบกันอีก ?
“ท่านอ๋อง !” เสียงที่ฟังดูไร้เดียงสาดังออกมาจากปากของฮ่องเต้หลิงหยุน กงชิงวี่เหมือนถูกสายฟ้าฟาด จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทั้งตัวแข็งทื่อเหมือนก้อนหิน
“หยุนหยุน……”
กงชิงวี่รีบเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว กลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน กลัวว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไป กลัวว่าทุกอย่างจะหายไป
ในความฝันของเขามีนางอยู่เสมอ เพียงแต่เมื่อตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด
ฮ่องเต้หลิงหยุนค่อยๆ หายใจช้าๆ นางถูกกอดเอาไว้จึงทำได้เพียงแค่ร้องไห้
กงชิงวี่นั่งย่อตัวลงไปดูฮ่องเต้หลิงหยุน อดไม่ได้ที่จะจูบใบหน้าของนาง
ฮ่องเต้หลิงหยุนผลักกงชิงวี่ออกในทันที แต่แขนขาของนางนั้นเล็กนิดเดียว
กงชิงวี่เกือบจะล้มลงไปนั่ง สักพักจึงได้ดึงมือของฮ่องเต้หลิงหยุนเอาไว้ จากนั้นจึงโน้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมา แล้วหันหลังเดินกลับไป
ฮ่องเต้หลิงหยุนรีบพูดว่า : “อย่าทำเช่นนี้”
เมื่อถูกอุ้มไปแล้วฮ่องเต้หลิงหยุนก็หันกลับมามอง กงชิงหยุนเยนเดินออกมาพอดี แล้วพูดด้วยความโมโห : “ท่านพ่อ !”
กงชิงหยุนเยนรู้ดีว่าสิบปีมานี้พ่อของนางพยายามตามหาร่างเกิดใหม่ของแม่นางมาโดยตลอด แต่เรื่องที่นางเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้จริงๆ
กงชิงวี่จึงได้วางฮ่องเต้หลิงหยุนลง แล้วเรียกกงชิงหยุนเยน : “มานี่สิ”
กงชิงหยุนเยนเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกกงชิงวี่ลากเข้าไปในห้อง ประตูถูกปิดลง ทั้งสองคนสูงพอๆ กัน รูปร่างลักษณะเหมือนกัน
กงชิงวี่ใจลอยอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงพาทั้งสองคนไปที่เตียง เขานั่งลงแล้วมองดูพวกนาง
ฮ่องเต้หลิงหยุนพูดว่า : “หม่อมฉันอธิบายเหตุการณ์ให้เสี่ยวหยุนฟังเรียบร้อยแล้วเพคะ”
“อืม” อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หลิงหยุนแล้ว กงชิงวี่นั้นดูเชื่อฟังเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้หลิงหยุนเดินเข้าไปใกล้ จากนั้นจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยผมขาวของเขา : “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?”
กงชิงวี่พูดว่า : “เรื่องเล็กน้อย”
ฮ่องเต้หลิงหยุนน้ำตาไหลริน : “ทำไมถึงไม่ไปประเทศเฟิ่ง หม่อมฉันรอพระองค์อยู่ที่นั่นสิบปีแล้ว”
กงชิงวี่ผงะไป : “อะไรนะ ?”
ฮ่องเต้หลิงหยุนถอนหายใจแล้วพูดว่า : “หม่อมฉันเกิดมาตั้งแต่สิบปีก่อน และตอนนี้หม่อมฉันก็เป็นมกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่ง หม่อมฉันเป็นลูกสาวที่อยู่ในครรภ์ของเสด็จแม่ !”
กงชิงวี่รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย : “ทำไมซูอู๋ซินเขา……?”
“ตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็ก พวกเขาจึงยังไม่รู้ เมื่อหม่อมฉันอายุได้ห้าขวบ พวกเขาก็มักออกจากวังบ่อยๆ แล้วปล่อยให้หม่อมฉันอยู่ในวัง ให้อ๋าวชิงเป็นผู้ดูแลหม่อมฉัน ต้องรอให้มีเรื่องสำคัญก่อนพวกเขาถึงจะกลับมา ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่ไม่ได้พบพวกเขา”
“……” กงชิงวี่ดึงมือของฮ่องเต้หลิงหยุนเอาไว้ : “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ?”
“ท่านอ๋อง ตอนนี้หม่อมฉันไม่มีความสามารถพิเศษใดๆ ในตัวอีก เลือดก็ไม่สามารถรักษาคนได้ หม่อมฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดา !”
“ข้ารู้” กงชิงวี่หันมองลูกสาวหนึ่งครั้ง แล้วหันกลับมามองฮ่องเต้หลิงหยุน : “ข้าจะตามเจ้ากลับประเทศเฟิ่ง”
อันหลิงหยุนส่ายหน้า : “ตอนนี้หม่อมฉันยังเป็นเด็ก ต่อให้ท่านไปแล้วจะทำอะไรได้ เกรงว่าพวกเขาจะไม่ให้ท่านพบข้า”
อันหลิงหยุนหันหลังกลับแล้วเดินไปสองสามก้าว แล้วหันกลับมาพูดว่า : “แต่ท่านรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ผู้หญิงของประเทศเฟิ่งสามารถหมั้นหมายได้ตอนอายุสิบสามปี แต่งงานได้ตอนอายุสิบห้าปี แต่ปัญหาก็คือ ท่านเป็นอ๋องเซ่เจิ้งของประเทศต้าเหลียง ส่วนหม่อมฉันเป็นมกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่ง เมื่อหม่อมฉันอายุครบสิบหกปีก็จะขึ้นครองราชย์ คงไม่สามารถโจมตีประเทศเฟิ่งอีกครั้งได้หรอกใช่ไหมเพคะ ?
ประชาชนของประเทศเฟิ่งไม่อาจทนกับการเกิดเรื่องขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีก และประเทศเฟิ่งเองก็เตรียมการเรื่องการแต่งงานของหม่อมฉันเอาไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว
ท่านอ๋องศีรษะเต็มไปด้วยผมขาว ตอนนี้ก็อายุสามสิบสองปีแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็ยิ่งแก่ขึ้น แล้วพวกเขาจะยอมให้หม่อมฉันแต่งกับท่านได้อย่างไร ?”
“ข้ามีวิธีของข้า เรื่องเล็ก !” ในใจของกงชิงวี่รู้สึกปั่นป่วน ถ้าหากลูกสาวไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย เขาก็คงจะนำนางเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอก แล้วบรรจงจูบอย่างดูดดื่มสักครั้ง เสียดายที่ตอนนี้ฮ่องเต้หลิงหยุนมีสภาพเช่นนี้ เขาจึงไม่อาจที่จะลงมือได้
ฮ่องเต้หลิงหยุนพยักหน้า : “เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อน จะได้ไม่มีใครมารู้เข้า พรุ่งนี้มีการรวมตัวกันหม่อมฉันเองก็จะไปเข้าร่วมด้วย ท่านเองก็อย่าลืมไป เสี่ยวหยุนด้วย !”
ฮ่องเต้หลิงหยุนหันมองเสี่ยวหยุน แล้วเข้าไปจูบเสี่ยวหยุนหนึ่งครั้ง
เสี่ยวหยุนหน้าแดงทันที รีบมุ่ยปากไม่กล้าหันมองฮ่องเต้หลิงหยุน ฮ่งเต้หลิงหยุนไม่ทันรอให้กงชิงวี่เกิดอาการหึงหวง ก็รีบหันหลังเดินไปที่ประตูเสียก่อน : “ท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องไปแล้ว ท่านเองก็อย่าลืมไป”
กงชิงวี่ลุกขึ้นเดินตามไปทันที รีบเดินออกไปหาข้างนอก แต่ก็ไม่เห็นเงาของนางเสียแล้ว
กงชิงวี่หันหลังกลับมามองลูกสาว แล้วถามว่า : “หยุนเอ๋อ แม่ของเจ้ากลับมาแล้วจริงๆ หรือ ?”
กงชิงวี่กลัวว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความฝัน
กงชิงหยุนเยนพยักหน้า จากนั้นจึงนำไข่มุกราตรีออกมาจากอก : “สิ่งนี้ท่านแม่เป็นคนให้หม่อมฉัน นางบอกว่ากลางคืนเวลาที่หม่อมฉันนอนหลับให้วางเอาไว้ในห้อง แล้วหม่อมฉันจะนอนหลับฝันดี ไข่มุกน้ำทะเลมีประโยชน์อย่างน่าตกใจ”
กงชิงวี่นำไข่มุกราตรีไปดูก็รู้สึกคุ้นตา
“ตอนนั้นแม่ของเจ้าชอบไข่มุกเม็ดใหญ่เช่นนี้มาก พ่อคิดว่านางชอบความฟุ้งเฟ้อ ชอบเพียงแค่ของฉาบฉวยพวกนี้ ภายหลังพ่อถึงได้รู้ว่า ไข่มุกสามารถใส่ลงไปในยาได้ แม่ของเจ้าบอกว่า ถ้าหากให้เด็กที่ชอบร้องไห้ในตอนกลางดึกดื่ม ก็จะสามารถทำให้หลับสนิทได้ มีประโยชน์มากกว่าชาดเสียอีก”
กงชิงวี่ยื่นไข่มุกกลับไปให้ลูกสาว จากนั้นจึงหันกลับไปมองในลาน แล้วถามด้วยความแปลกใจว่า : “แม่ของเจ้ามาตนเดียวหรือ ? “
“ไม่เห็นคนอื่นนี่เพคะ” กงชิงหยุนเยนเก็บไข่มุกราตรี แล้วยืนพูดอยู่อีกทางด้านหนึ่ง
กงชิงวี่พาลูกสาวกลับไป จากนั้นจึงอุ้มนางวางลงบนเตียง ห่มผ้าให้แล้วมองดูนาง : “นอนเถอะ”
“ท่านพ่อ เดิมทีหม่อมฉันเป็นคู่หมั้นของท่านพ่อที่กลับชาติมาเกิดอย่างนั้นหรือ ?” กงชิงหยุนเยนเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางเองก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อครู่นางได้เห็นคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางราวกับฝาแฝดคนนั้น มิหนำซ้ำยังกอดกับพ่อของนางด้วย
“แน่นอน”
“เช่นนั้นหากหม่อมฉันโตขึ้นจะต้องแต่งงานกับท่านพ่อหรือไม่ ?”
“ไม่แน่นอน หยุนเอ๋อเป็นลูกสาวของพ่อ แน่นอนว่าจะต้องแต่งงานกับคนอื่น……แต่ว่าต้องเป็นคนที่พ่อถูกใจด้วยนะ”
“อ้อ !”
กงชิงหยุนเยนนอนหลับไป ส่วนกงชิงวี่นั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาพาลูกสาวไปยังอี้ย่วน
อี้ย่วนถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อย เสี่ยวเฉียวมัวแต่เอ้อระเหย เมื่อเห็นอะมู่ยืนอยู่ กงชิงวี่จึงตรงเข้าไปถามเรื่องของประเทศเฟิ่ง
“เห็นมกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่งบ้างหรือไม่ ?” กงชิงวี่สอบถาม
“เห็นพ่ะย่ะค่ะ เด็กคนนี้สวมหน้ากากสีทอง จึงมองไม่เห็นใบหน้าของนาง เห็นเพียงแค่คางกับปากของนางเท่านั้น” อะมู่รู้สึกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน อีกทั้งยังมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดอีกด้วย