ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 940 แอบยุยงให้ทรยศหักหลัง
- Home
- ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน
- บทที่ 940 แอบยุยงให้ทรยศหักหลัง
บทที่ 940 แอบยุยงให้ทรยศหักหลัง
วันต่อมาวังเฟิ่งก็ได้ข่าวที่จุนโม่ซ่างลอบโจมตีจวิ้นจู่หยุนเตรียมจะข่มขู่กงชิงวี่ ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และก็เข้าไปถึงหูกงชิงวี่
กงชิงวี่ให้ฮั๋วฉิงและคนอื่นๆอยู่ที่หนานอี้ใช้ทหารที่แข็งแกร่งปราบปรามชั่วคราว ส่วนเขานำกำลังทั้งหมดเตรียมตัวโจมตีจุนโม่ซ่าง
จุนโม่ซ่างได้รับข่าวนี้หลังจากครึ่งเดือนผ่านไปแล้ว กองทัพของกงชิงวี่กำลังจะถึงชายแดนแล้ว
“เหลวไหล ข้าไม่เคยพบกับจวิ้นจู่หยุนเลยด้วยซ้ำ ข้าจะไปจับจวิ้นจู่หยุนเอาไว้เพื่อข่มขู่เขาได้อย่างไรกัน? นี่ล้วนแต่เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงทั้งนั้น กงชิงวี่เขาจงใจอยากจะโจมตีหวูโยกั๋วข้า ทุกอย่างล้วนแต่เป็นข้ออ้างทั้งนั้น” จุนโม่ซ่างโกรธมาก โมโหจนขว้างปาสิ่งของไปไม่น้อย
ถังหลงเป็นกังวลมาก กล่าวไปทางจุนโม่: “ตอนนี้ดูเหมือนจะถึงตาเราแล้ว ฝ่าบาท เราจะสู้หรือไม่สู้?”
ถังหลงรู้แต่แรกแล้วว่าต้องยอมแพ้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะยอมแพ้ ยอมแพ้ตอนนี้ ไม่มีผลดีใดๆต่อหวูโยกั๋วพวกเขาเลย เกรงว่าฮ่องเต้จะไม่มีแม้แต่โอกาสรอดชีวิต
“สู้ ตายก็ต้องสู้ ทุ่มเทสุดกำลังที่มีก็ต้องสู้ ไม่สู้ก็ต้องเสียหน้าเฟิ่งหลิงหยุนเจ้าวางแผนใส่ร้ายข้า ข้าตายก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป”
จุนโม่ซ่างสั่งการลงไป ให้ทุกคนที่สามารถต่อสู้ได้เตรียมพร้อมที่จะทำลายล้างศัตรูที่มารุกรานทุกเมื่อ ไม่สู้ไม่ได้
ถังหลงรู้ดีว่านี่คือการสู้ตายจนถึงที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่สู้ก็ตาย สู้ก็ตาย เช่นนั้นก็สู้ให้มันสะใจสักตั้งดีกว่า
จุนโม่ซ่างนึกอะไรบางอย่างได้ ถาม: “เซวียนเหอยังไม่มีข่าวมาอีกหรือ?”
ถังหลงกล่าวว่า: “เขากลับไปถึงหลิงหยุนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตอบกลับเราเลย เขาต้องการจะทำเช่นไรกันแน่ เรายังไม่รู้แน่ชัด”
“เจ้าไปบอกกับเขา ถ้าหากเขายินดีร่วมมือกับเรา ทุ่มเทสุดกำลังของเราสองประเทศ ยังมีโอกาสของการอยู่รอดอยู่เส้นทางหนึ่ง ถ้าหากว่ารบชนะแล้ว ผลประโยชน์ทั้งหมดยกให้เขา หากพ่ายแพ้หวูโยกั๋วข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”
จุนโม่ซ่างทุ่มสุดตัววางเดิมพันวัดดวงเป็นครั้งสุดท้าย เขาสู้ไม่ไหว บวกกับเซวียนเหอยังมีโอกาส
ถังหลงกล่าวว่า: “ข้าไปลองดู ฝ่าบาทต้องรอข้า อย่าทำอะไรผลีผลาม”
“เจ้าไปเถอะ เจ้าบอกเซวียนเหอ บอกว่า ถึงแม้เขาจะไม่สู้ เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย โจมตีข้าแล้วก็จะโจมตีเขา เฟิ่งหลิงหยุนเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดนั้น เขาไม่มีทางได้ผลประโยชน์อะไรแน่”
ถังหลงพยักหน้า หันหลังจากไป
เซวียนเหอต้อนรับถังหลงด้วยตัวเอง พบหน้ากันถังหลงแสดงความเคารพ แล้วก็พูดเข้าประเด็นถ่ายทอดคำพูดของจุนโม่ซ่าง
เซวียนเหอปฏิบัติด้วยอย่างมีมารยาท: “เชิญท่านนั่งก่อน”
ถังหลงรีบร้อนโค้งตัว: “มิกล้า”
“ถึงเวลานี้แล้ว ถังเฉิงเสี้ยงไม่จำเป็นต้องมากพิธีการ ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเป็นฮ่องเต้ แต่ไม่รู้ว่าวันไหนจะไม่ได้เป็นแล้ว”
ถังหลงก็ไม่ได้พูดอะไร เซวียนเหอนั่งลงกล่าวว่า: “สิ่งที่ฮ่องเต้หวูโยพูด ข้าเข้าใจหมด ไม่ปิดบังเฉิงเสี้ยง ศึกนี้เป็นศึกที่เลวร้าย ใครก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้
ช่วงก่อนหน้านี้ข้าเคยไปประเทศเฟิ่ง เรื่องนี้ฮ่องเต้หวูโยก็รู้เหมือนกัน และข้ายังรับปากมงกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่ง หยุดการเคลื่อนไหวของกองทัพไว้ชั่วคราว เพราะใครสู้ก็แพ้ทั้งนั้น”
ถังหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “แต่ว่าถ้าหากไม่สู้ ถึงแม้จะรักษากำลังเอาไว้ได้ รอหวูโยกั๋วเราสิ้นชาติ หลิงหยุนก็จะเป็นรายต่อไป หากไม่มีริมฝีปากฟันก็จะหนาว(มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ขาดจากกันไม่ได้) ใครจะโชคดีรอดพ้นได้?”
เซวียนเหอพยักหน้า: “ถูกต้อง เป็นเช่นนั้นจริงๆ สงสารหลิงหยุนข้าเพิ่งจะเปิดประเทศ ก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว แต่ว่าศึกครั้งนี้ไม่สู้ก็ยิ่งไม่มีโอกาสแล้ว แล้วทำไมถึงจะไม่สู้เล่า?”
“ความหมายของฮ่องเต้หลิงหยุนคือ?” ถังหลงดีใจออกนอกหน้า
“ความหมายของข้ากับความหมายของฮ่องเต้หวูโยเหมือนกัน ถึงแม้จะรับปากประเทศเฟิ่งไปแล้ว แต่ก็เป็นเพียงแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม เฟิ่งหลิงหยุนไม่อยากสู้ นางอยากจะรอ รอจนสุดท้ายกงชิงวี่มาโจมตีหวูโยกั๋วพวกท่านแล้ว มาโจมตีหลิงหยุน
ถึงเวลาประเทศเฟิ่งก็ยอมแพ้ในตอนสุดท้าย เพราะนางอยู่ลำดับสุดท้าย สู้หรือไม่สู้ประชาชนก็สนับสนุน ถึงแม้จะยอมแพ้ ก็จะไม่ถูกประชาชนดูหมิ่น
แผนการของประเทศเฟิ่งคิดเอาไว้ได้ดี แต่กลับถือว่าเราสองประเทศเป็นคนโง่เขลา
น่าเสียดายที่ข้ารู้ช้าไป มิฉะนั้น ก็รวมตัวกันสู้กับกงชิงวี่ตั้งแต่แรก จะต้องชนะแน่นอนอยู่แล้ว”
ถังหลงยกชุดคลุมขึ้นและคุกเข่าลง: “ฮ่องเต้หลิงหยุนทรงพระปรีชาญาณ”
“เฉิงเสี้ยงรีบลุกขึ้นมาเถอะ” เซวียนเหอรีบร้อนประคองถังหลงลุกขึ้น
ตาของถังหลงเต็มไปด้วยน้ำตา: “ฮ่องเต้ประเทศข้าอารมณ์ไม่นิ่ง กระทำการด้วยอารมณ์ หากมีความฉลาดและมองการณ์ไกลของฮ่องเต้หลิงหยุน ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนี้”
“ที่ไหนกัน ดีมากอยู่แล้ว ข้าเองก็รู้ตัวในภายหลัง ตอนนี้ ข้ากลับโชคดี หากว่าโจมตีหลิงหยุนก่อน เกรงว่าฮ่องเต้หวูโยตายก็คงไม่ยอมออกแรงช่วยแน่ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ข้าไปช่วยเขา เช่นนั้นก็ต้องร่วมมือกันแน่นอน”
ถังหลงถูกพูดจนเหงื่อแตกทั่วหน้า(ละอายใจมาก) แต่ความเป็นจริงกลับเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด
เซวียนเหอกล่าวว่า: “เฉิงเสี้ยงกลับไปก่อน จำไว้ต้องเร็วหน่อย กองทัพหลิงหยุนข้าเตรียมการรับมือไว้แล้ว จะเข้าไปในไม่ช้า ข้าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีมาสู้กับกงชิงวี่ ก็หวังว่าพวกท่านก็มาสู้ เป็นไปไม่ได้ที่ทางข้าจะไปช่วยพวกท่าน แต่ข้าจะโจมตีไปทางประเทศต้าเหลียง ประเทศต้าเหลียงข้ายังมีราชนิกุลมากมาย บางทีอาจจะยังพอช่วยข้าได้ เมื่อสงครามเริ่มต้นเช่นนี้ สองประเทศท่านข้าต่อสู้สุดกำลังที่มี กงชิงวี่ถูกโจมตีทั้งหน้าและหลังพร้อมกัน ถึงจะมีโอกาส
หากว่าประเทศเฟิ่งไม่สู้ ประชาชนของนางก็จะไม่เห็นด้วย
บีบบังคับให้นางสู้!”
ถังหลงเข้าใจในทันที: “เข้าใจแล้ว ฮ่องเต้หลิงหยุนวางใจ ตราบใดที่ข้าถังหลงอยู่ ฮ่องเต้ข้าจะต้องสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีแน่”
“อืม”
ถังหลงหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรเสียทั้งไปทั้งกลับยังต้องใช้เวลาสิบกว่าวัน กงชิงวี่ก็ใกล้จึงหวูโยกั๋วพวกเขาเต็มทีแล้ว
มองดูถังหลงจากไป เซวียนเหอมองไปทางด้านนอกพระตำหนัก: “ข้าก็ไม่อยากจะทรยศเจ้า แต่ข้าไม่ได้ตัวคนเดียว!”
ครึ่งเดือนผ่านไป กงชิงวี่เพิ่งจะมาถึงชายแดนหวูโยกั๋ว เซวียนเหอก็เปิดประตูอีกบานหนึ่งออกเช่นกัน กองทัพบุกประชิดพรมแดนเตรียมจะโจมตีประเทศต้าเหลียง
“รายงาน!”
ในราชสำนักของประเทศต้าเหลียง คนที่มาคือคนของตูไห่
ฮ่องเต้ชิงหยินมองดูคนที่เข้ามา: “พูดเถอะ”
“กองทัพประเทศหลิงหยุนบุกประชิดพรมแดนแล้ว เตรียมจะโจมตีประเทศเรา”
ฮ่องเต้ชิงหยินมองไปทางอ๋องจู้นหย่งกับแม่ทัพอัน: “แม่ทัพทั้งสองท่านคิดว่าอย่างไร?”
“ฝ่าบาท ดูท่าประเทศหลิงหยุนคงคิดว่าช้าเร็วก็ต้องถูกทำลายล้าง แทนที่จะนั่งรอความตาย ลุกขึ้นมาโจมตีก่อนดีกว่า” แม่ทัพอันกล่าว
อ๋องจู้นหย่งก็กล่าวว่า: “เซวียนเหอคนนี้ไม่ได้มาดี ดูท่าเขาจะเห็นชัดเจนแต่แรกแล้วว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนี้มาโจมตี ก็คือวางแผนจะสู้ตาย แต่กระหม่อมคิดว่า เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการจะบีบบังคับให้ประเทศเฟิ่งมาโจมตีเราด้วยกัน มิเช่นนั้นประชาชนของประเทศเฟิ่งก็จะไม่เห็นด้วย ถึงแม้ประเทศเฟิ่งจะเป็นประเทศผู้หญิง แต่ว่าประเทศเฟิ่งกลับเหี้ยมหาญและเชี่ยวชาญในการรบเช่นกัน
ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย เฟิ่งหลิงหยุนถึงแม้จะเป็นเด็ก แต่ถ้าหากเด็กคนนั้นคือพระชายาเสียนกลับชาติมาเกิดจริงๆ เมื่อเข้าร่วมสงคราม เกรงว่าหน้าหลังเราจะถูกศัตรูโจมตีในเวลาเดียวกัน แพ้ชนะยากจะคาดเดาได้!”
ฮ่องเต้ชิงหยินเงียบไปครู่หนึ่ง มองไปทางแม่ทัพอัน: “แม่ทัพว่าล่ะ?”
แม่ทัพอันกล่าวอย่างเรียบเฉย: “กระหม่อมว่า ประเทศต้าเหลียงชนะแน่นอน”
“เช่นไรเล่า?” ฮ่องเต้ชิงหยินหายใจหนักหน่วง ชื่นชมแม่ทัพอัน ไม่ว่าเวลาไหนจุดยืนก็แน่วแน่ขนาดนั้น
สิบมานี้ได้ยินสิบปีมานี้เขาไม่ออกเคยออกจากบ้านเลย และไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของประเทศต้าเหลียง ให้ความสนใจแค่หลานชายกับลูกชายเท่านั้น ตอนนี้ประเทศทั้งหลายทำสงครามกัน เขาเตรียมพร้อมที่จะทำศึกอย่างมาก
หากว่าเขาไม่รู้ว่าเฟิ่งหลิงหยุนเป็นใคร ก็แล้วไปเถอะ แต่ตอนนี้ยังเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นนี้ แสดงว่าเขาเป็นคนที่เด็ดขาดและองอาจผึ่งผาย
เหล่าขุนนางไม่พูดอะไร หยุนโล๋ชวนกล่าวว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วความหมายของฝ่าบาทล่ะ?”
ฮ่องเต้ชิงหยินมองไปทางหยุนโล๋ชวนที่อยู่ข้างกาย นานพักใหญ่: “ข้าจะสู้ อ๋องเซ่เจิ้งทำศึกอยู่ข้างนอก ข้าจะพ่ายแพ้โดยที่ไม่ได้สู้ได้อย่างไรเล่า?”
“ฝ่าบาทฉลาดปราดเปรื่อง พวกกระหม่อมจะทำเพื่อฝ่าบาทอย่างสุดความสามารถจวบสิ้นลมหายใจ” เหล่าขุนนางก้มหัว
ฮ่องเต้ชิงหยินพยักหน้า กล่าวว่า: “ลุกเถอะ เรามาหารือกันว่าจะสู้อย่างไรเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”