ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 181
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 181
ในวันที่เก้าต้นเดือนมิถุนายน เป็นวันที่แปดแล้วที่ร่างของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิหายไป
ราชทูตของเป่ยโม่ก็ได้มาถึงเมืองหลวง เขาก็คือท่านอ๋องฉีแห่งเป่ยโม่
เขาเป็นตัวแทนของเป่ยโมมาเจริญสัมพันธไมตรีต่อสนธิสัญญาพันธมิตรกับต้าโจว เมื่อสิบห้าปีที่แล้วทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงยุติสงครามเพื่อความสงบสุข และจะมีการต่ออายุสัญญาทุก ๆ สามปี
เมื่อผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ หน้าที่สำคัญในการต้อนรับราชทูตนั้นแน่นอนว่าจะต้องตกเป็นของหวงไท่โห่ว พระนางทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้เจ้ากรมพิธีการ และใต้เท้าซุยสำนักเสนาบดีตรวจราชการไปรับคนที่ประตูเมือง จากนั้นจึงทรงให้องค์รัชทายาทนำอ๋องอันไปเป็นตัวแทนจัดงานเลี้ยงต้อนรับภายในวัง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อ๋องอันไม่เคยสนใจเรื่องราชกิจภายในราชสำนัก แต่เขาคุ้นเคยกับอ๋องฉีเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นการเหมาะสมที่สุดที่จะให้เขาเตรียมการต้อนรับอ๋องฉี
เมื่อราชทูตเข้าสู่เมืองหลวง สนธิสัญญาพันธมิตรก็ได้ลงนามอีกครั้ง ดังนั้นราษฎรในเมืองหลวงจึงเต็มไปด้วยความปิติยินดี
เป่ยโม่เต็มไปด้วยม้าดี ดังนั้นครั้งนี้อ๋องฉีจึงนำม้าดีนับร้อยสายพันธุ์มาให้ ซึ่งพวกมันสามารถพัฒนาเป็นม้าศึกได้
เป่ยโม่เป็นชนเผ่าที่เก่งเรื่องทำสงคราม แต่ภายในสิบห้าปีก็พ่ายแพ้ให้กับทหารม้าเหล็กที่นำโดยอ๋องอัน เขาบังคับให้ท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่ยอมจำนน
อย่างไรก็ตามราษฎรของเป่ยโม่ก็ไม่ได้เกลียดชังอ๋องอัน เนื่องจากท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่ทำการศึกมาเป็นระยะนานติดต่อกันหลายปี ทำให้ราษฎรพลัดจากที่อยู่ไปอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว อัตราการเกิดก็ไม่ดีนัก ในเวลานั้นผู้ชายที่เป็นเจริญวัยเกือบทั้งหมดในแคว้นถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ ส่งผลให้อัตราการเกิดลดลงในเมืองเป่ยโม่หลายปี หลังจากนั้นเกิดความไม่สมดุลระหว่างชายและหญิงขึ้นอย่างร้ายแรง
ทหารม้าเหล็กของอ๋องอันขึ้นไปทางเหนือและโค่นท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่ลงได้ และยังพิชิตบุรุษจากเป่ยโม่มาได้อีก บุรุษเหล่านั้นเคารพบูชาผู้ที่มีความสามารถมาโดยตลอด ดังนั้นอ๋องอันจึงกลายเป็นวีรบุรุษของเป่ยโม่ในทันที
แน่นอนว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษในหมู่ประชาราษฎร์เท่านั้น คนในราชวงศ์ยังคงให้การสนับสนุนให้ทำสงคราม พวกเขายังคงหวั่นเกรงและเกลียดชังอ๋องอันอยู่มาก
อ๋องฉีอยู่ในกลุ่มคนที่ต้องการความสงบสุข ปีนั้นได้ลงนามในสนธิสัญญาพันธมิตร ทั้งสองต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จนแทบจะเป็นพี่น้องต่างสกุลกันอยู่แล้ว
เมื่อจัดงานเลี้ยงขึ้นในวัง พวกขุนนางก็ได้รับคำเชิญด้วยเช่นกัน และบรรดาผู้ที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักของไท่โฮ่วก็เข้าร่วมด้วย
อ๋องหนานหวายไม่ได้มาเข้าร่วม ดังน้้นหวงไท่โฮ่วจึงได้ส่งคนไปเชิญเขามา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมา นางไม่เห็นว่าเขาจะมา
หวงไท่โฮ่วคิดว่าเขาต้องการอยู่เป็นเพื่อนกุ้ยไท่เฟย จึงไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ อย่างไรเสียก็มีเหล่าพระญาติและพวกข้าราชบริพารมากมาย นั่นก็เพียงพอแล้ว
องค์รัชทายาทสวมชุดราชสำนักสีเหลือง อุ้งเท้าทั้งสี่ของมังกรยึดแน่นอยู่ที่หน้าอกและหลังของเขา มันดูโอ่อ่ามากเสียจนไม่มีคำบรรยาย
คืนนี้เขาเปล่งประกายไปด้วยความสุข ก่อนที่อ๋องฉีแห่งเป่ยโม่จะเข้าวังมา เขาก็มาถึงก่อนแล้ว และในฐานะเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง เขาจึงลงบันไดหินมาต้อนรับด้วยตัวพระองค์เอง
อ๋องฉีเคยพบกับองค์รัชทายาทครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังองค์จักรพรรดิ จึงไม่ค่อยสะดุดตานัก ต่อมาจึงได้พูดคุยกับเขาครั้งหนึ่งและพบว่าเขานั้นช่างเหลาะแหละนัก ความรู้ก็ช่างตื้นเขิน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง รู้สึกไม่อยากคบหาเป็นสหายด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตามมารยาทนั้น เขาจึงไม่ได้แสดงอาการเหล่านั้นออกมา
อ๋องฉีเพิ่งมาถึงต้าโจว ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบข่าวการตายของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ ดังนั้นเมื่อพบเจอกับองค์รัชทายาท เขาก็มองหาผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิโดยไม่รู้ตัว
อ๋องฉีก้าวไปข้างหน้าและถามอ๋องอัน “ทำไมไม่เห็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิเลยเล่า?”
อ๋องอันดูเศร้ามาก และกล่าว “ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิได้สิ้นพระชนม์แล้ว!”
อ๋องฉีตกใจมาก “เป็นอย่างนี้ไปได้เช่นไร? ช่างน่าเสียดาย สวรรค์กลั่นแกล้งผู้มีความสามารถเสียจริง”
อ๋องฉีรู้สึกเสียใจและเศร้าใจยิ่งนัก เขาจะมาเมืองหลวงปีละครั้งเพื่อพูดคุยกับอ๋องอันและผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ มิตรภาพระหว่างทั้งสองไม่ได้ผิวเผินเลย
เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า “มันเป็นแบบนี้ได้เช่นไร? เขาป่วยกะทันหันงั้นหรือ? ข้าเคยพูดคุยกับเขาหลายครั้งแล้ว เขามีวิชาความรู้สูงส่ง และรู้วิธีการปกครองประเทศ เป็นจักรพรรดิที่นำความสงบสุขและความมั่นคงมาสู่บ้านเมือง”
เหลียงไท่ฟู่ที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “อ๋องฉี องค์จักรพรรดิของราชวงศ์ต้าโจวของเรายังอยู่ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิก็แค่ทำหน้าที่ดูแลปกครองประเทศชั่วคราวเท่านั้น ท่านเรียกเขาว่าจักรพรรดิ มันดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก”
อ๋องฉีรีบขอโทษ “ขอรับ ข้าพลั้งปากพูดออกไปแล้ว ไท่ฟู่โปรดอภัยให้ด้วย ยกโทษให้ข้าด้วย!”
เหลียงไท่ฟู่กล่าวว่า “กฎเกณฑ์บ้านเมืองของเป่ยโม่กับต้าโจวแตกต่างกัน ท่านอ๋องไม่รู้ก็สามารถอภัยให้กันได้ องค์รัชทายาทของราชวงศ์ข้าเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง ย่อมไม่ถือสาท่านอ๋องเป็นแน่”
อ๋องฉีเงยหน้าขึ้นมององค์รัชทายาทด้วยความประหลาดใจ ในใจรู้สึกสงสัยกับคําพูดของเหลียงไท่ฟู่หมายความว่าองค์รัชทายาทจะปกครองบ้านเมือง? แต่ว่าองค์รัขทายาท…