ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 229 รักเจ้าหมดหัวใจ ชั่วชีวิตไม่แปรเปลี่ยน
บางทีอาจจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ตู๋กูซิงหลันถึงได้รู้สึกว่าทั้งหมดนี้คือความฝัน
แล้วในใจของนาง มีเขาอยู่มุมหนึ่งหรือไม่?
จะไม่มีได้อย่างไร!
ในใจของนาง เขาเป็นดั่งราชาจอมมารที่นางครุ่นคิดหาหนทางจะกบฎอยู่ตลอดเวลาไง
ครองตำแหน่ง ‘พวกตัวอันตราย’ ย่อมสำคัญอยู่แล้ว
ชนิดที่ไม่มีผู้ใดสามารถทดแทนได้ทั้งนั้น
ตู๋กูซิงหลันคิดๆ ดูแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ผู้องอาจกล้าหาญที่สุดในดินแดนต้าโจว หม่อมฉันย่อมต้องเคารพพระองค์อย่างแน่นอน”
ฮ่องเต้สุนัข คิดว่าเจ้ถูกหลอกได้ง่ายๆ หรือยังไง?
อย่าได้ฝันว่าจะลวงข้าสำเร็จ!
คิดว่าเจ้เป็นพวกที่แค่พูดกันไม่กี่ประโยค ก็จะวิ่งกระดิ๊กๆ ตามไปง่ายๆ โง่ๆ หรือยังไง
แค่คิดดูคร่าวๆ ก็ชัดเจนอยู่แล้ว จีเฉวียนแค่คิดจะล่อลวงนาง รอจนถึงโอกาสเหมาะสม ก็จะโยนโทษฐานทำให้วังหลวงวุ่นวายลงมาใส่หัวนาง!
เฮอะ ไอ้เด็กหน้าเหม็น!
จีเฉวียน “…….”
ยามนี้ฮ่องเต้ทรงเสียดายยิ่งนัก เสียดายที่ไม่ได้ฟาดนางให้ตาย
อุตส่าห์มอบความรักลึกล้ำให้ แต่กระทั่งเสียงผายลมก็ยังไม่มีออกมา
ตู๋กูซิงหลันเห็นสีพระพักตร์ดำคล้ำ ในใจก็รู้สึกมั่นใจในสิ่งที่เมื่อครู่ตนเองคาดเดาเอาไว้ จริงเสียด้วย เจ้าหน้าเหม็นผู้นี้พอล่อลวงไม่สำเร็จก็อารมณ์เสียขึ้นมา
“ฝ่าบาท ขอทรงโปรดเห็นแก่ที่ท่านปู่และพี่ใหญ่ของหม่อมฉันสู้รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ที่ชายแดนเป่ยเจียง ขอพระองค์ทรงประทานทางรอดให้หม่อมฉันสักทางเถอะเพคะ”
เมื่อเจ้าลูกชายสุนัขสีหน้าดำคล้ำ คนเป็นแม่เลี้ยงก็สมควรจะต้องโอ๋สักหน่อย แม้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวนางจะมีแต่รอยฟกช้ำไปหมดก็ตาม
“ล้อกันเล่นแบบนี้สักหลายๆ รอบ หัวใจดวงน้อยๆ คงจะทนไม่ไหว” ตู๋กูซิงหลันอยากจะพูดกับเขาดีๆ ให้รู้เรื่อง
หาสักทางให้จีเฉวียนล้มเลิกความคิดที่จะขุดหลุมพรางกับนาง
แต่คราวนี้ฝ่าบาททรงพิโรธจริงๆ เข้าแล้ว พระองค์ทรงทราบดีว่านางชอบแกล้งทำเป็นโง่กลบเกลื่อนเรื่องราว แต่ไยนางจึงต้องเห็นความรู้สึกที่จริงจังของเขาเป็นเรื่องล้อเล่นด้วยเล่า?
“ตู๋กูซิงหลัน เรามิได้ล้อเล่น!”
พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป คว้าหมับที่ใบหูของตู๋กูซิงหลัน “ในชีวิตนี่เราไม่เคยถูกสตรีคนใดทำให้ต้องครุ่นคิดถึงตลอดเวลามาก่อน จิตใจคะนึงหา ระทมหม่นหมอง หากเจ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไยต้องเหยียบย่ำทำลายความจริงใจของเรา?”
ตู๋กูซิงหลันถูกวาจานี้ของเขาทำเอาตกใจจนแทบจะกระโดด
จริง….จริงใจ?
“สมควรตายนัก ล่อหลอกลวงเราไปนับร้อยนับพันวิธี แล้วค่อยทอดทิ้งเราอย่างไม่ใยดี เล่นละครจับแต่แสร้งปล่อย เจ้าช่างทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป้าหมายของเจ้าบรรลุแล้ว จิตใจของเราหวั่นไหวเข้าแล้ว เราห่วงใยเจ้า ชอบเจ้า!”
“แล้วเจ้าเล่า? คิดแต่จะถีบเราออกไป?”
ในสมองของตู๋กูซิงหลันมีเสียงวิ้งๆ ดังไปหมด
ในสมองมีแต่เสียงประโยคที่ว่า “จิตใจของเราหวั่นไหวแล้ว เราห่วงใยเจ้า เราชอบเจ้า!” ดังสะท้อนกลับไปกลับมา
หากจะบอกว่าจีเฉวียนกำลังเล่นละคร อารมณ์โกรธและความกดดันเช่นนี้ ลีลาการแสดงของเขาสมจริงเกินไปแล้ว
เขาโกรธนางเคืองนางแต่ก็ไม่กล้าทำให้นางบาดเจ็บแม้สักนิด
เขา……เอาจริงหรือนี่?
“ไม่ใช่นะ คือข้า….” ตู๋กูซิงหลันอยากจะอธิบาย นางมิได้กำลังเล่นละครจับแต่แสร้งปล่อยใดๆ จริงๆ
คำพูดยังไม่ทันจะได้กล่าวออกมา ก็เห็นจีเฉวียนเชยคางของนางขึ้น กลีบโอษฐ์บางๆ ส่งจูบมาในทันที จูบนี้รุนแรงปานพายุฝน
แทบจะขบริมฝีปากของนางจนเลือดออก
จูบที่ตรงไปตรงมานี้ทำเอาสมองของตู๋กูซิงหลันถึงกับพังทลาย นางกำลังจะขาดอากาศหายใจ
กระทั่งจีเฉวียนปล่อยนางแล้ว นางก็ยังไม่ได้สติกลับมา
สายตาของนางเหม่อลอย ในสมองได้ยินแต่เสียงหัวใจที่เต้นถี่ยิบเสียงดัง ‘ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก’ อยู่ตลอดเวลา
วิญญาณทมิฬแคะจมูกอยู่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าเอือมระอา “หนูก็บอกตั้งแต่แรกแล้วนา ว่าวันนั้นที่เจ้าเมา เขาเอ่ยปากขึ้นมาเองว่า ‘เรารักเจ้า’ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเชื่อ”
ตู๋กูซิงหลัน “……..”
นั่นมันเชื่อได้หรือ? เชื่อได้ที่ไหน? อ๊ากกก! ฮ่องเต้สุนัขจะมาชอบนางได้อย่างไรกัน?
ไม่ใช่ว่าวันๆ ก็คิดอยากจะถลกหนังโบยตีนางอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ?
“เจ้ายอมเชื่อแล้วหรือ?” ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรดูนาง สุดท้ายพระองค์ก็ไม่อาจแข็งพระทัยทำร้ายนาง ได้แต่ตรัสถามด้วยน้ำเสียงเข้มลึก “หากว่าเจ้ายังไม่เชื่อ เราจะจูบเจ้าอีกครั้งก็ได้”
“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเพียงแต่ต้องการพักหายใจ” ตู๋กูซิงหลันยกมือขึ้นมาบีบนวดขมับ คิดหาต้นสายปลายเหตุ
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็หาเหตุผลขึ้นมาได้
ตอนที่ฮ่องเต้สุนัขยังเป็นเพียงองค์ชายสี่ ก็คิดจะแต่งเจ้าของร่างนี้เป็นชายานี่!
ตั้งแต่ตอนนั้น ก็แสดงว่าต้องชอบเจ้าของร่างเดิม!
ดังนั้นเขาไม่ได้ชอบนาง แต่ว่าชอบ ‘นาง’ ต่างหาก
สองคนนี่ไม่สามารถนำมาปะปนกันได้
แต่ว่าจีเฉวียนกลับไม่ได้ให้เวลานางเลยสักนิด หายใจเข้าออกไม่ทันได้นับถึงสาม เขาก็รุกถามอีกครั้ง “เจ้าพักหายใจพอแล้วหรือยัง?”
อยู่ๆ ดวงพักตร์ที่งดงามประหนึ่งเทพเซียนที่เบื้องหน้าก็ขยายใหญ่ขึ้น ตู๋กูซิงหลันตกกระใจจนแทบจะกระโดด
นางลูบอกขึ้นลง “ฝ่าบาทเพคะ คงเป็นเพราะพระองค์อยากจะชดเชยความผิดหวังในปีนั้นกระมั้ง?”
จีเฉวียน “ปีนั้น?”
“ปีนั้น ‘ข้า’ ไม่ยอมแต่งกับท่าน ท่านจึงไม่สบายใจมาโดยตลอด สิ่งที่ไม่อาจได้มาก็ยิ่งคิดหาวิธีร้อยแปดเพื่อเอามาไว้ในมือ?”
หากนางไม่สะกิดเรื่องนี้ขึ้นมา จีเฉวียนก็คงจะลืมไปแล้ว
“ในสายตาของเจ้า เราเป็นคนที่ลงมือโดยไม่เลือกวิธีการขนาดนั้นเลยหรือ?”
ตู๋กูซิงหลันได้แต่กระอักอยู่ในใจ ก็ไม่ใช่หรอกหรือ?
ไม่เพียงแค่ไม่เลือกใช้วิธีลงมือ แต่ยังลงมืออย่างเผ็ดร้อนอีกด้วย
ฮ่องเต้ทรงคาดไม่ถึงจริงๆ ว่า สิ่งที่ทรงประทับไว้ในใจของนางจะย่ำแย่ถึงขนาดนี้
พระองค์เป็นฮ่องเต้ ฝีมือและวิธีการย่อมไม่ธรรมดา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นฆ่าล้างประหารสิ้น พระองค์ไม่ใช่จอมมาร ไยนางจึงต้องหวาดกลัวไปจนถึงเพียงนั้น?
“เรารักเจ้าหมดหัวใจ ย่อมต้องไม่คิดใช้วิธีการใดกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นจะต้องหวาดกลัวไป”
จีเฉวียนตรัสพลาง ก็ยื่นพระหัตถ์ออกมา ลูบไล้ขอบใบหน้าของนางเบาๆ ราวกับว่ากำลังปลอบประโลมกระต่ายขาวตัวน้อยที่ตื่นกลัว “รักเจ้าหมดหัวใจ ชั่วชีวิตไม่แปรผัน”
ในชีวิตนี้ เขาคงจะรักแต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น
หัวใจรึก็มีขนาดเพียงแค่นี้ จะไปแบ่งให้คนอื่นอีกได้อย่างไร
พอใบหน้าสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบจากปลายนิ้วของเขา อาการตกตะลึงของตู๋กูซิงหลันก็ค่อยๆ คลายลงอย่างช้าๆ
นางเงยหน้าขึ้นมาดูเขา จีเฉวียนทรงงดงามอย่างไรก็งดงามอย่างนั้น น้ำเสียงและคำพูดที่ออกมาก็น่าฟังอย่างที่สุด
น่าฟังจนถึงขนาดที่ว่าหากคนไม่ระวังก็คงต้องจมลงไปในความหลงใหล หมดหนทางจะฟื้นขึ้นมา
จากนั้น พระองค์ก็ทรงทิ้งจุมพิศไว้บนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา แม้แต่น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาก “เรามิได้น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ”
“อั๊วขอค้าน เขาโกหก! “วิญญาณทมิฬกำหมัดสั้นๆ ของมันอยู่ด้านข้าง “ในโลกนี้ไม่มีใครที่น่ากลัวยิ่งกว่าเขาอีกแล้ว!”
ตู๋กูซิงหลันปวดฟันขึ้นมาจริงๆ
อยู่ๆ ก็เจอฮ่องเต้มาสารภาพรัก นางสมควรจะตอบเช่นไรดี?
นางชอบจีเฉวียน? ฝันไปเถอะ!
นั่นไม่มีทางเป็นไปได้ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทางชอบจีเฉวียน
บุรุษของนาง ต้องมีแต่นางเพียงผู้เดียวไปชั่วชีวิต ไม่มีทางจะเป็นฮ่องเต้ที่มีพระสนมสามพันนางไปได้เด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น …..ซูเฟยน้อยก็พึ่งจะตั้งครรภ์ เขาก็รีบร้อนมาสารภาพรักกับนางเสียแล้ว?
ดูๆ ดูใบหน้าของบุรุษเสเพลผู้นี้สิ!
ตู๋กูซิงหลันมองออกหมดแล้ว สมมติว่านางยอมฝ่าฝันอุปสรรคนับพันเพื่ออยู่ด้วยกันกับจีเฉวียน ไม่แน่ว่าพอหลังจากที่นางมีเจ้าตัวเล็กขึ้นมา จีเฉวียนก็คงจะหันไปหาคนใหม่เสียแล้ว
พอคิดๆ ดูแล้วนางก็อยากจะเอามีดมาแล่เนื้อเขานัก
ยิ่งไปกว่านั้น วังหลังของเขาไม่เพียงแต่มีพระสนมอยู่อย่างมากมาย หากยังมีรักแท้ให้ท่านราชครูอีกด้วยนี่
แต่ถ้านางกล้าบอกเขาว่าไม่ได้ชอบ คาดว่าเขาก็คงจะไม่ปล่อยให้นางได้เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
นี่มันเป็นคำถามที่ต้องการชีวิตเสียด้วยซ้ำ จะไปทางไหนก็ไม่ได้อยู่ดี
หากว่าไม่ระมัดระวังให้ดี มีหวังนางคงต้องตายอย่างสาหัสกว่าเดิม
คิดไปคิดมา นางก็พลันเกิดไหวพริบขึ้นมา