ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 303 ตำหนักซิ่วหลัว นอกดินแดน
เรื่องนี้……ที่จริงจีเฉวียนทรงสืบสวนมาอย่างชัดเจนแล้ว พอตอนนี้ได้ยินอันหร่วนสารภาพออกมาเอง ดวงเนตรหงส์คู่นั้นก็ฉุดประกายไอสังหารขึ้นมาอีกครั้ง
อันหว่านจรือตกตะลึงไปแล้ว ต่อให้ฝันนางก็ยังคิดไม่ถึง ว่าท่านย่าก็คือฆาตกรที่วางยาพิษสังหารฉางซุนฮองเฮา?
แต่ทำไมนางถึงต้องทำเช่นนั้น?
“ใครหนุนหลังเจ้ากัน?” จีเฉวียนสงบจิตใจลง ตรัสถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
อันหร่วนส่ายศีรษะ “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงลืมไป บ่าวเฒ่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์ก่อน….ตอนนั้นเสด็จปู่ของพระองค์เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าซางของข้า แต่ว่าเขาเกิดมีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง ทำลายแคว้นต้าซาง สร้างแคว้นต้าโจวขึ้นมา….ข้าสูญเสียแว่นแคว้นจากเดิมที่เป็นองค์หญิงกลับกลายเป็นบ่าวทาส ฝ่าบาททรงคิดว่า บ่าวเฒ่าคิดฆ่าฉางซุนฮองเฮา ยังจะต้องให้ผู้ใดมาสนับสนุนอีกหรือ?”
ทุกประโยคของอันหร่วน จุดประกายเย็นยะเยือกในดวงเนตรของจีเฉวียนขึ้นมา
พระองค์ขยับพระหัตถ์น้อยๆ องครักษ์ลับก็ตัดนิ้วของอันหว่านจรือทิ้งไปอีกนิ้ว
นิ้วข้อนั้นพอหลุดลงมาจากมือ หล่นลงไปบนพื้นก็ยังกระดิกอยู่เลยด้วยซ้ำ
เลือดสดๆ ไหลริน เป็นภาพที่น่าหวาดกลัวอย่างที่สุด แต่เพราะอันหว่านจรือถูกบีบลิ้นเอาไว้ จึงได้แต่ส่งเสียงครวญคราง
แคว้นต้าซาง……ปกครองมานานนับร้อยปี ชะตาเมืองถึงจุดสิ้นสุด เพราะผู้ครองแคว้นมัวเมาและไร้สามารถ นั่นจึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้แคว้นต้องสิ้นสูญ
แต่กลับลากเอาความเกลียดชังมาถมลงบนพระเศียรของปฐมฮ่องเต้แห้งต้าโจว……มันช่าง…..
ท่านย่าคิดเช่นไรอยู่กันแน่?
“ฝ่าบาท! บ่าวเฒ่ามิได้โกหกพระองค์!” อันหร่วนสติกระเจิงไปแล้ว นิ้วที่กระดิกอยู่บนพื้นช่างบาดตา ทำร้ายจิตใจจนว้าวุ่นไปหมด
“ชู่….” จีเฉวียนยกพระดัชนีขึ้นมาข้างหนึ่ง ตั้งอยู่เหนือริมพระโอษฐ์ตรัสเสียงแผ่วเบา “เราไม่ต้องการฟังวาจาไร้สาระแม้แต่ครึ่งคำ”
อันหร่วนมีฐานะเช่นไร พระองค์ทรงทราบอย่างชัดเจน หลังพระมารดาสิ้นไป ในระหว่างที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์มา ก็ทำการสืบหามาโดยตลอด
ในที่สุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ได้รับคำตอบออกมาแล้ว
ที่พระองค์ให้อันหร่วนเข้าวังมา ก็เพื่อจะสืบเรื่องในปีนั้นให้กระจ่างชัด
ตระกูลตู๋กู……ถึงแม้ว่าจะส่งเสียนไท่เฟยผู้หนึ่งมาที่ข้างกายพระมารดา แต่ไม่ได้เกี่ยวของกับเรื่องการวางยาพิษพระมารดา
เสียนไท่เฟย……มีฐานะอีกอย่างหนึ่ง
หลังจากที่พระองค์ได้ทรงรับผลของการสืบสวนก็ทรงทราบว่า เสียนไท่เฟยและอันหร่วนต่างก็เป็นตัวหมาก
ส่วนผู้ที่วางหมากอยู่เบื้องหลังนั้น ก็เกี่ยวข้องกับ ‘องค์ชายน้อย’ ผู้นั้นอย่างหนีไม่พ้น
อันหร่วนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ‘องค์ชายน้อย’ ผู้นั้น สำหรับจีเฉวียนแล้ว วิธีที่รวบรัดที่สุดก็คืองัดเอาความจริงเกี่ยวกับฐานะเบื้องหลังของคนผู้นั้นออกมาจากอันหร่วน
คนผู้นั้นกำลังเล่นหมากกระดานสำคัญ ถึงกับเริ่มวางตัวหมากมาตั้งแต่รัชสมัยก่อนแล้ว
กลหมากแต่ละก้าว แยบยลซับซ้อน กระทั่งพระองค์เองยังสืบไม่ค่อยได้สิ่งที่มีประโยชน์ออกมาสักเท่าไหร่
เพราะว่า ….คนผู้นี้สุดลึกลับ และแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
และ ‘องค์ชายน้อย’ ฉางซุนซิ่วเออร์ ก็ยังเป็นแค่หมากตัวสำคัญตัวหนึ่งในมือของเขาเท่านั้น
ตอนนี้จีเฉวียนกำลังทรงใช้วิธีวางเหยื่อระยะยาวเพื่อดักปลาใหญ่
เพียงแต่ พระองค์จะต้องทรงทราบฐานะของปลาใหญ่ตัวนั้นอย่างชัดเจนให้จงได้
อันหร่วน คือกุญแจสำคัญ
“หากไม่มีผู้ใดสนับสนุน แล้วเจ้าจะไปรู้จักมักจี่กับ ‘ศพคืนชีพเฒ่า’ ผู้นั้นได้อย่างไร ตอนที่อยู่ลี่โจวก็ใช้ยันต์สาปปีศาจกับเรา ในทะเลทราย ก็สมคบกับ ‘องค์ชายน้อย’ ?” จีเฉวียนแย้มสรวลเสียงเย็น “อันหร่วน เจ้ามีฝีมือในการปรุงยา ยาถอนพิษที่เหยียนเฉียวหลัวใช้ทั้งหมด ก็เป็นยาที่เจ้าปรุงขึ้นมา เจ้าอย่าได้ปฏิเสธ”
ทันทีที่จีเฉวียนตรัสจบ อันหร่วนก็ถึงกับเป็นใบ้ไป
นางคิดไม่ถึงเลยว่า จีเฉวียนจะสืบจนรู้กระจ่างทุกเรื่องหมดแล้ว
ที่พระองค์เสด็จมาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อมาไต่สวนความผิด แต่ว่า….คิดจะง้างปากของนางออก ให้นางสารภาพความจริงออกมา
“หากเจ้าสารภาพจนเราพอใจ เราจะลองไตร่ตรองว่าสมควรให้เจ้ามีศพครบหรือไม่ แล้วค่อยเว้นทางรอดชีวิตให้อันหว่านจรือสายหนึ่ง” จีเฉวียนตบหัว จากนั้นค่อยลูบหลัง
อันหร่วนสังหารพระมารดา มิว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจรอดชีวิต
ให้นางได้มีศพสมบูรณ์……ถือว่าเป็นพระกรุณาสูงสุดจากพระองค์แล้ว
ให้ทางรอดสายหนึ่งแก่อันหว่านจรือ ถือว่ายอมให้ราชวงศ์ก่อนได้หลงเหลือสายเลือดสุดท้ายไว้
อันหร่วนไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก……
อันหว่านจรือร้องไห้ครวญคราง น้ำตาไหลอาบเป็นทาง นางยังไม่อยากตาย….ฝ่าบาทประทานสัญญาจะให้ทางทางรอดแก่นางสายหนึ่ง แสดงว่าจะต้องทรงปล่อยนางไป
วางยาพิษสังหารอดีตฮองเฮา ความผิดเช่นนี้ต่อให้ประหารเก้าชั่วโคตรก็ยังไม่ถือว่ามากเกินไป
พอองครักษ์ลับคลายลิ้นให้นาง ก็ได้ยินอันหว่านจรือหันไปหาอันหร่วนร้องว่า “ท่านย่า ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย หว่านจรือเจ็บเหลือเกิน ท่านเลี้ยงดูหว่านจรือมากับมือ ยังใกล้ชิดยิ่งกว่าหลานแท้ๆ อีก….”
นางประคองมือเอาไว้ นิ้วมือที่ขาดด้วนไปมีเลือดไหลทะลักไม่หยุด ดูแล้วน่าสงสารอย่างที่สุด
อันหร่วนปวดใจเช่นกัน…..
ในที่สุดนางก็ถอนใจออกมา ผงกศีรษะ พูดว่า “ไกลออกนอกดินแดนนี้ไป ตำหนัก…..ซิว…หลัว…เตี้ยน”
ทันทีที่สิ้นเสียง อันหร่วนก็กระอักเลือดออกมาคำโต ร่างของนางกระตุกไปทั้งตัว กล้ามเนื้อและกระดูกบิดเกลียวอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด
สาปสะกดวาจา…..
นี่เป็นอาคมชั้นสูงที่ผนึกเอาไว้บนร่างมนุษย์เพื่อป้องกันมิให้ความลับรั่วไหล
ทันทีที่ความลับเล็ดลอดออกไป ชีพจรหัวใจของคนผู้นั้นก็จะขาดสะบั้น กระดูกบิดหักทั่วร่าง ขาดใจตายในทันที
“ขอฝ่าบาท….เว้นทางรอดให้หว่านจรือสายหนึ่ง….”
อันหร่วนตัวบิดไปทั้งร่างแล้ว ก็ยังไม่วายวอนขอความเมตตาให้กับอันหว่านจรือ
ใบหน้าของนางถึงกับผิดรูปไป ดูแล้วทรมานอย่างยิ่ง
“ตำหนักซิวหลัวเตี้ยน…..ไม่ว่าแคว้นใดในแผ่นดินนี้ก็ไม่อาจต่อกรได้….”
พูดแล้ว อันหร่วนก็กระอักเลือดออกมามากมาย ร่างบิดเป็นเกลียว ในขณะที่ลำคอถูกบิดไปจนสุดนั้น นางก็หมดลมหายใจสุดท้ายไป
ภาพที่ได้เห็นนี้น่าสยดสยองอย่างที่สุด
อันหว่านจรือตระหนกจนต้องอุดปากเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
ท่านย่าทำร้ายนางถึงตายเสียแล้ว……มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงได้เกลียดชังนาง มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงได้จับนางมาขังเอาไว้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านย่าคือผู้ที่สังหารพระมารดาของพระองค์
มิเช่นนั้น….ฝ่าบาทจะต้องโปรดปรานนางอย่างแน่นอน
สำหรับอันหว่านจรือแล้ว สิ่งที่ยิ่งกว่าความเจ็บปวดและความเสียใจก็คือความคับแค้น
หากว่านางไม่ได้ถูกท่านย่าเลี้ยงดูมา …..หากว่านางเข้ามาอยู่ในวังอย่างคนทั่วไป….บางทีทุกสิ่งอาจไม่เป็นเช่นนี้
โอรสสวรรค์แห่งต้าโจว….จะอย่างไรก็คือผู้ที่นางเฝ้าฝันถึง
จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูอันหร่วนที่บิดเป็นก้อนกลมจนขาดใจตายไป แววเย็นชาในดวงเนตรทั้งสองก็ยังมิได้จางหาย
“ฝังร่างของนางเอาไว้ที่ภูเขาจงหลิงซาน เราต้องการให้แม้นางตายไปแล้ววิญญาณก็ไม่อาจไปไหน ต้องอยู่เฝ้าสุสานของพระมารดาไปตลอดกาล”
พระสุรเสียงของจีเฉวียนตรัสออกมาอย่างเย็นชา เหล่าองครักษ์ลับต่างก็ทำงานอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พระองค์ชักพระบาทก้าวออกไป อันหว่านจรือก็รีบคุกเข่าลงไป ฝืนอดทนเจ็บ รั้งรองพระบาทของพระองค์เอาไว้ “ฝ่าบาท หว่านจรือไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ นะเพคะ ท่านย่าจัดการเองทั้งหมดคนเดียว ขอฝ่าบาททรงอนุญาตให้หว่านจรืออยู่ข้างพระองค์ หว่านจรือยอมเป็นบ่าวไพร่ รับใช้พระองค์ดังวัวดั่งม้า”
สายพระเนตรรังเกียจของจีเฉวียนกวาดมองไปทางนางครั้งหนึ่ง
อันหร่วนถึงแม้จะชั่วช้า แต่ก็จริงใจกันอันหว่านจรืออย่างแท้จริง
น่าเสียดาย….หลานสาวที่เลี้ยงดูมากับมือ กลับรู้จักแต่ปัดความผิดให้พ้นตัว
“ในเมื่อเจ้าอยากเป็นวัวเป็นม้า เราก็จะให้เจ้าได้สมประสงค์”
สองตาของอันหว่านจรือเปล่งประกาย ขอเพียงนางมีโอกาสรั้งอยู่ข้างกายของฝ่าบาท….เช่นนั้นทุกอย่างก็ยังเป็นไปได้
ต่อให้ไม่มีความช่วยเหลือจากท่านย่า นางก็สามารถช่วงชิงหัวใจของฝ่าบาทมาได้
สายพระเนตรของจีเฉวียนเย็นยะเยือก “ส่งนางไปรับใช้หนิงอ๋อง”
หัวใจของอันหว่านจรือเย็นวาบไปทั้งดวงในทันที หนิงอ๋อง?
พระอนุชาร่วมมารดาของปฐมฮ่องเต้ หลายปีมานี้เขาถูกกักขังอยู่ในที่คุมขังของเชื้อพระวงศ์มาโดยตลอด คนผู้นั้น….ทั้งชราและวิปริตทางเพศ!
——
ตอนต่อไป “อย่างช้าๆ นางก็หลงรักเข้าแล้ว”