ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 325 ลายสักของฉู่เจียง
ในเมื่อต่อยตีอย่างไม่มีกฏเกณฑ์ ก้นของพวกเจ้าก็ต้องรับเคราะห์
ตู๋กูซิงหลันพยายามออกแรงฝืนต้านเอาไว้ แต่พอพึ่งจะเคลื่อนไหว ในกระเพาะก็พลิกกลับดั่งคลื่นในท้องทะเล อาเจียนออกมามากมาย
อ้วกทั้งหมดเปรอะเปื้อนอยู่บนพระวรกายของจีเฉวียน ฉลองพระองค์ที่ทอด้วยด้ายทอง ดูราวกับดอกไม้ที่ปักลงบนมูลควาย
จีเฉวียนขมวดพระขนงแน่น ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าชักจะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ฮ่องเต้สุนัขทรงเป็นโรคบ้าความสะอาดอย่างรุนแรง……เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะอยากซัดฝ่ามือออกมาใส่นางสักหลายทีเอาให้แบนเป็นแผ่นกระดาษแล้วละมั้ง
ตอนนี้ จีเฉวียนไหนเลยจะยังมีกะจิตกะใจไปกังวลถึงฉู่เจียงอีก พระองค์รีบวางตู๋กูซิงหลันลง สายพระเนตรมีแต่ความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง
พระองค์ไม่ห่วงความสกปรก หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยออกมาจากในอ้อมพระอุระช่วยเช็ดปากให้กับนาง
“ฝีมือในการแบกผู้คนของเราใช้การไม่ได้ คราวหน้าต้องฝึกฝนให้ดี ครั้งต่อไปจะไม่ทำให้เจ้าต้องอาเจียนอีกแล้ว” จีเฉวียนทางหนึ่งเช็ดทางหนึ่งก็ตรัสกับพระองค์เอง
ตู๋กูซิงหลันรีบส่ายศีรษะ ก้นของนางนั่งลงบนแผ่นหินที่เปียกชื้น ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พอแก้มก้นแปะลงไปจึงเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ
นางถูกจีเฉวียนแบกมาเช่นนี้ ก็เหมือนกับเป็นลูกตุ้มที่ถูกเหวี่ยงอยู่บนรถไฟเหาะสักยี่สิบรอบติดต่อกัน ทำให้คนอยากอาเจียนจริงๆ
แล้วเขายังคิดจะให้มีรอบสองอีกหรือ?
ฉู่เจียงที่ถูกละเลยไปแล้ว มองดูสาวน้อยเส้นผมยาวปิดหน้าที่นั่งอยู่บนแผ่นหิน แส้ที่ถูกเขวี้ยงออกไปก็พลันรั้งกลับมา
หากเขาเหวี่ยงแส้ออกไปอีก เหยื่อนั้นอาจจะตายได้
เหยื่อที่ตายไปแล้วก็ไม่เหลือความสดใหม่อีก
ดวงตาสีมรกตที่มีแต่ความเย็นชาของเขาคู่นั้น มองดูฮ่องเต้ต้าโจวสัมผัสนางด้วยความใกล้ชิด จนในใจเกิดความแค้นเคืองที่กลืนไม่ลงขึ้นมา
หมอกสีแดงบนร่างของเขาเคลื่อนไหว ร่างแยกนับสิบพุ่งไปที่เบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน พลังไอหยินที่เข้มข้นรุนแรงนั้นทำให้พื้นดินแยกออก
ไอหยินที่เข้มข้นนั้นพัดพาเส้นผมของตู๋กูซิงหลันกระจายออกไป เปิดเผยใบหน้าที่สะคราญล้ำของนางออกมา
เพียงพริบตาเดียว ฉู่เจียงถึงกับตกตะลึงไป
และในชั่วพริบตานั้นเองกระบี่สีทองในมือของจีเฉวียนก็กวาดมาถึงพุ่งเข้าใส่ดวงตาของฉู่เจียง
ร่างแยกทั้งหมดนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นร่างจริง จีเฉวียนถึงกับสามารถหาพบได้โดยไม่มีผิดพลาด
เพลงกระบี่ที่โหดเ**้ยมหลอมรวมกับจิตกระบี่ที่รุนแรง ทันทีที่ออกกระบวกท่าไป แม้แต่ฉู่เจียงก็ยังหลบไม่พ้น
ร่างแยกทั่งหมดถลันเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าของเขา เพื่อรับพลังทำลายแทนร่างจริง
ฉู่เจียงจิกปลายเท้าลง สะบัดแขนอออกไปด้านข้าง ร่างของเขาถอยวูบไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แต่วิถีกระบี่ของจีเฉวียนกลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันพุ่งผ่านร่างแยกทั้งหมดของเขา จิตกระบี่ติดตามไปถึงเบื้องหน้าของเขา
ฉู่เจียงปิดตาลงอย่างรวดเร็ว สายลมโบกพัดเส้นผมของเขาจนปลิวกระจาย เส้นผมสีเงินนั้นถูกจิตกระบี่กวาดผ่านเพียงเบาๆ ก็ขาดร่วงลงมาปลิวอย่างพลิ้วไหวอยู่ในอากาศ
ลอยปลิวไปกับสายลมพร้อมๆ กับกลีบดอกไห่ถาง
แม้แต่ผ้าคาดผมสีแดงเส้นนั้นของเขาก็ขาดออก และถูกสายลมพัดปลิวไปเช่นกัน
ในตอนนั้นเองเส้นผมทั้งหมดของฉู่เจียงก็สยายออกมา
ดวงตาข้างหนึ่งของเขาโดนคมของจิตกระบี่ บาดเป็นแผลเส้นหนึ่งบนเปลือกตา แต่มันก็ถูกเส้นผมสีเงินที่สลายลงมาบิดบังเอาไว้
ปฏิกริยาแรกที่เขากระทำไม่ใช่การลงมือสวนกลับไป แต่กลับเป็นการเหาะไปไล่คว้าผ้าคาดผมสีแดงที่ปลิวไปตามลมผืนนั้น
จีเฉวียนเองก็รั้งอยู่เพื่อโอบอุ้มตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งบึกบึนเช่นตู๋กูจุน แต่ก็สามารถอุ้มนางเอาไว้ด้วยมือเดียวได้เช่นกัน เขาโอบกอดสะโพกของนางเอาไว้เสมือนกับเวลาอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆ
อืม ข้อแขนที่มั่นคงของเขารองรับแก้มก้นเย็นๆ ของนางเอาไว้ ตอนนี้จึงทำให้นางเย็นวาบกว่าเดิมเข้าไปอีกรู้ไหม?
สายลมโหมแรง พัดจนอาภรณ์และเส้นผมของทั้งสองปลิวขึ้นพันเกี่ยวกัน
เมื่อตู๋กูซิงหลันมองออกไป ก็ได้เห็นฉู่เจียงคว้าผ้าคาดผมของเขาเอาไว้ได้ทันพอดี เขาหลับตาข้างที่ได้รับบาดเจ็บลง ใช้ดวงตาเพียงข้างเดียงจับจ้องกลับมาที่ตู๋กูซิงหลัน
ยามนี้ความโกรธเคืองบนร่างของเขาลดทอนลงไปแล้ว กลายเป็นความประหลาดใจขึ้นมาแทน แต่ความประหลาดใจนี้ก็มิได้แสดงออกไปอย่างโจ่งแจ้ง
มือของฉู่เจียงกำผ้าคาดผมสีแดงเอาไว้อย่างแนบแน่น ขณะที่มองไปนั้น ในสมองก็เกิดภาพต่างๆ ขึ้นมามากมายเต็มไปหมด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้นี้จะไม่ใช่เหลียงเซิงเซิง
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า…ที่แท้แล้วนาง…..
นางเกี่ยวข้องอันใดกับเจียงเย่ว?
ยิ่งเกี่ยวข้องอันใดกับคนผู้นั้น?
ชือหลีที่วิ่งหนีไปก่อนหน้าแอบดูอยู่ไกลๆ อ้ายย่าห์ ที่โดดเด่นที่สุดในคืนนี้ดูท่าจะเป็นก้นของตู๋กูซิงหลันแล้วกระมัง
ดูจากท่าทางของฉู่เจียง เหมือนกับว่าเขาจะรู้จักนาง?
จุ๊ จุ๊ จุ๊……
ชือหลีอุ้มเหลียงเซิงเซิงที่ยังคงสลบไสลเอาไว้ในอ้อมแขน ยิ้มละไมบางๆ ออกมา “แม่นางน้อย เจ้าปีศาจตัวร้ายที่เจ้าหลงชอบนั้น เกรงว่ามันคงจะเปลี่ยนใจไปเสียแล้วล่ะมั้ง?”
ก็ใช่อยู่น้า….รูปร่างหน้าตาของตู๋กูซิงหลัน มิว่าผู้ใดได้เห็นเป็นต้องหลงใหล
ขนาดนางเองตอนนั้นยังต้องการร่างเนื้อนั่นเลยมิใช่หรือ?
“น่าเสียดายร่างที่มีพรสวรรค์สามารถดึงดูดจิตวิญญาณธรรมชาติของเจ้าจริงๆ ….” ชือหลีพูดพลาง สายตาก็เกิดประกายกระหายขึ้นมา จิตวิญญาณที่เข้มข้นถึงเพียงนี้ ช่างน่าดึงดูดใจผู้คนเสียจริงๆ “อย่าได้ปล่อยให้เสียของเปล่า ให้ข้าผู้เป็นเทพสักคำหนึ่งก็แล้วกัน”
นางอ้าปากลงไปอย่างอดรนทนไม่ไหว ขณะที่กำลังจะสัมผัสกับริมฝีปากของเหลียงเซิงเซิงอยู่นั้นเอง
“บรึ้ม!” ทันใดนั้นเอง ที่ด้านนอกของสวนตะวันออกก็เกิดแสงเพลิงลุกท่วมท้องฟ้า
พอหันกลับไปดูก็เห็นแสงเพลิงกำลังกลืนกินกำแพงด้านนอกทั้งหมดของสวนตะวันออกลงไป จากนั้นลูกศรเพลิงหลายชุดก็พุ่งข้ามกำแพงเพลิงเข้ามา
หัวลูกศรติดไฟลุกโชนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ละดอกติดไฟลามไปถึงปลายหาง
ลูกศรเหล่านั้นพุ่งผ่านกำแพงไฟมุ่งตรงเข้าหาจีเฉวียนและฉู่เจียงอย่างแม่นยำ
ตำแหน่งของฉู่เจียงอยู่ด้านหน้าของจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลัน ย่อมต้องเผชิญกับลูกศรเพลิงเหล่านั้นก่อน
เขาส่งเสียงเย็นชาขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็วาดแขนเสื้อออกไป เส้นผมสีเงินยวงพลิ้วขึ้นมา ใช้หมอกแดงรอบกายพุ่งออกไปก่อน คิดจะป่นพวกมันให้กลายเป็นผุยผง
แต่น่าเสียดาย ลูกศรเพลิงที่คมกริบและมีพลังรุนแรงเหล่านั้นกลับสามารถทะลวงหมอกสีแดงของเขาออกมาได้
ทันทีที่พุ่งเข้ามาถึง แรงทำลายก็ทะลวงแขนเสื้อของฉู่เจียงเป็นรูโหว่
จากนั้น แขนเสื้อที่ถูกทะลวงของเขาก็ติดไฟขึ้นมาในทันที เพลิงนั่นลุกโหมขึ้นมาอย่างรวดเร็วแทบจะกลืนร่างของฉู่เจียงลงไป
เขาขมวดคิ้วมุ่น ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง คว้าไหล่เสื้อของตนเองเอาไว้แน่นแล้วออกแรงกระชากอย่างรุนแรง แขนเสื้อถูกฉีกออกมาทั้งแถบ เปิดเผยให้เห็นท่อนแขนที่ผอมบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อชัดเจนออกมา
ท่ามกลางแสงเพลิงที่ตกกระทบ ตู๋กูซิงหลันสามารถมองเห็นภาพลายสักสีเขียวที่ยาวตั้งแต่หัวไหล่จนถึงข้อมือบนท่อนแขนของเขาได้อย่างเด่นชัด
ลายสักที่ได้เห็นเหล่านั้น ทำให้หัวคิ้วของตู๋กูซิงหลันต้องขมวดด้วยความปวดศีรษะขึ้นมา ในชั่วขณะนั้นสมองของนางปรากฏภาพที่พร่าเลือนมากมายทั้งหมดล้วนเกี่ยวโยงกับภาพลายสักเหล่านั้น
จีเฉวียนทอดพระเนตรไปยังศรเพลิงที่ลุกโชน ดวงเนตรหงส์ทอประกายเย็นชา ขณะที่ลูกศรพุ่งเข้ามา พระองค์ก็วาดกระบี่ในพระหัตถ์ออกไป สกัดกั้นก่อนที่มันจะมาถึงตัว
เมื่อลูกศรเหล่านั้นพุ่งเข้ามาใกล้ ตู๋กูซิงหลันถึงได้เห็นว่า แต่ละดอกมียันต์แผ่นหนึ่งผนึกเอาไว้
“ยันต์สลายไอหยิน” ตู๋กูซิงหลันมองดูยันต์ที่อยู่บนลูกศรก็ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
ยันต์ชนิดนี้ใช้เพื่อกำหราบไอหยินโดยเฉพาะ แต่ละใบจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากจึงจะสร้างได้สำเร็จ
ยามนี้เมื่อมองออกไป ลูกศรทุกดอกล้วนมียันต์ชนิดนี้อยู่ แสดงว่าถูกเตรียมการเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นหลุมพรางอย่างหนึ่ง
ทันทีที่เปลวเพลิงจากลูกศรกระทบถูกกระบี่ของจีเฉวียน ก็บังเกิดเสียงเสียดสีบาดแก้วหูดังขึ้นมา
แสงเพลิงที่พุ่งเข้ามาสาดส่องให้เห็นร่างของคนทั้งสอง ด้วยเหตุนี้ฉู่เจียงจึงสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
จีเฉวียนมิได้สนใจฉู่เจียงอีก พระองค์โอบร่างของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ เหาะขึ้นไปบนต้นไห่ถางที่สูงที่สุด
ยามนี้ พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบนางเอาไว้ อีกข้างหนึ่งถือกระบี่ ดวงเนตรหงส์ทั้งคู่กวาดมองออกไปด้านนอก
——
ตอนต่อไป “เคียงบ่าเคียงไหล่กับจีเฉวียน”