ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 394 ฝึกฝนฝ่าบาทให้ได้เป็นคนโปรด
จีเฉวียนหันพระพักตร์กลับไป ภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง ดวงพักตร์ที่งดงามดุจเทพเซียนนี้ทำให้ดวงตาของบุรุษผู้นั้นกระจ่างขึ้นมาจนแทบจะตาพร่าไป
เขาได้พบกับสมบัติชั้นเลิศเข้าแล้ว
เขาวางหยินเอ๋อทัง(เห็ดหูหนูตุ๋น)ในมือลงอย่างทันที พลางยื่นมือไปคว้าพระหัตถ์ของจีเฉวียนเอาไว้ จูงเข้าพุ่มไม้ที่อยู่ในวังไปอย่างรีบร้อน
ชนิดที่เรียกว่าพาหนีอย่างหัวซุกหัวซุน
คนผู้นี้คุ้นเคยกับเส้นทางภายในวังหลวงของแคว้นเหยียนอย่างยิ่ง สามารถหลบหลีกสายตาขององครักษ์ที่เฝ้ายามได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งมาถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่าปลอดภัยไร้ผู้คน เขาถึงได้หยุดลงพิจารณาดูจีเฉวียนอย่างละเอียด
สวรรค์ทรงโปรด!
เดิมทีเขานึกว่าเจ้าปีศาจจิ้งจอกที่ทำตัวติดกับฝ่าบาทของเขาอยู่ทุกวี่ทุกวันนั้นงดงามจนทำให้คนต้องตกตะลึงมากแล้ว!
แต่ว่าพอได้เห็นสหายผู้นี้!
ไม่รู้ว่าชาติก่อนทำบุญไปมากขนาดไหน ถึงได้เกิดมามีรูปโฉมที่งามเช่นนี้!
หากจะบอกว่าซูเยาผู้นั้นเป็นปีศาจจิ้งจอก สหายที่ตรงหน้าผู้นี้ก็คงเป็นระดับเทพมารแล้ว!
เขามองดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ค่อยแนะนำตัวด้วยความตกตะลึงจนตื่นเต้นว่า “ผู้น้อยคือเฉาโหย่วเฉียน เป็นชายบำเรอในตำหนักหย่งหนิงกง”
ชายบำเรอสองคำนี้ เขากลับพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจเป็นพิเศษ
แต่ฝ่าบาทฟังแล้ว กลับเสียดแทงพระกรรณอย่างยิ่ง
สีพระพักตร์ของพระองค์ยังคงเคร่งขรึม พยายามฝืนทนความพลุ่งพล่านที่ต้องการจะจัดการให้ ‘ชายบำเรอ’ ตรงหน้ากลายเป็นเนื้อบดไป
“แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าคือคนที่มาใหม่ ไม่รู้เรื่องอะไรละสิ?” คุณชายใหญ่เฉากระซิบอย่างมีลับลมคมนัย พลางทำท่าทางบุ้ยใบ้ไปทางตำหนักหย่งหนิงกง “อย่าได้คิดว่าด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าจะทำให้มีที่ถือดีได้เป็นพิเศษ ตอนนี้เจ้าปีศาจจิ้งจอกนั่นทำให้ฝ่าบาทหลงใหลจนหัวปักหัวปำไปแล้ว ไม่มีทางจะเปลี่ยนรสนิยมได้ง่ายๆหรอก!”
ที่จริงองครักษ์ลับของจีเฉวียนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอด
เรื่องที่สองพี่ชายตระกูลตู๋กูส่ง ‘ชายบำเรอ’ มาให้นางตั้งมากมาย พระองค์ก็ทรงทราบดีอยู่แล้ว
ฝ่าบาททรงหรี่พระเนตรมองดูคุณชายใหญ่เฉาผู้นี้ครู่หนึ่ง ก็ชักจะทรงสงสัยในรสนิยมของซิงซิงขึ้นมาบ้างแล้ว
หากโยนคนผู้นี้เข้าไปกลางฝูงชน คงต้องเสียเวลาตามหาอยู่ครึ่งค่อนวันจึงจะเจอ…….นางถูกใจเข้าที่ตรงไหนกัน?
หรือจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ที่เป็น ‘บุุรุษโฉมงามอันดับหนึ่งในแผ่นดิน’ มากเกิน จนเกิดโรคเอียนความงามขึ้นมาแล้ว?
เหมือนกับพอได้กินเนื้อกินปลาดีๆมากเกินไป ก็ชักจะรู้สึกว่านานๆทีได้กินผักป่าขึ้นมาก็อร่อยถูกปากอยู่เหมือนกัน?
“เฉา…..” ฝ่าบาททรงพยายามฝืนอดกลั้นความคิดที่จะต่อยเขาให้ตายไปเสียเอาไว้ก่อน เอ่ยเพียงแซ่ของเขาขึ้นมา
“โหย่วเฉียน[1]” คุณชายเฉาประคองมือคำนับ “ท่านปู่ของข้าเป็นเศรษฐีของแคว้นเหยียน….”
ฮ่องเต้ “อ้อ”
เช่นนั้นก็ถือว่ามีเหตุผลแล้วว่า ทำไมเจ้างั่งนี่ถึงได้สามารถรั้งอยู่เป็น ‘ชายบำเรอ’ ข้างกายนางได้กัน
ซิงซิงจะอย่างไรก็รักเงินทองเป็นชีวิตจิตใจ หากจะเก็บคนโง่ที่หน้าตาเหมือนปลาหัวโตแต่มีเงินหนาเอาไว้ข้างกายเอาไว้สักคน ย่อมเป็นนิสัยของนางอยู่แล้ว
“ยังมิได้ทราบเลยว่า ชื่อแซ่ของสหายคือ?” ดวงตาทั้งสองของคุณชายใหญ่เฉาเปล่งประกายระยิบอย่างตัดสินใจแล้วว่า มิว่าอย่างไรก็จะต้องจัดการอบรมให้สมบัติลับที่ล้ำค่าชิ้นนี้กลายเป็นชายบำเรอที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดให้จงได้
จะต้องจัดการกดเจ้าปีศาจจิ้งจอกซูเยาผู้นั้นลงไปให้จมมิด
มิเช่นนั้น ไม่แน่ว่าอีกเพียงไม่นานพวกเขาอาจจะถูกขับออกไปจากตำหนักหย่งหนิงกงก็เป็นได้
ช่วงหลายวันมานี้ เขาได้ให้คนที่บ้านเสาะหาบุรุษโฉมงามอยู่ตลอด …….เพราะต้องการจะหาบุรุษโฉมงามที่สามารถจะมาประชันความงามกับซูเยาได้สักคน จากนั้นก็ดึงตัวมาเป็นพรรคพวกของตนเอง
มิว่าอย่างไรไม่อาจปล่อยให้ซูเยาได้เป็นคนโปรดอยู่แต่เพียงผู้เดียว
ฮ่องเต้ทรงคิดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ตรัสว่า “เนี่ยซิง” (คิดถึงดวงดาว)
“เนี่ยซิง?” คุณชายใหญ่เฉารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง “มีคนใช้แซ่เนี่ยด้วยหรือ?”
ฝ่าบาท “ใต้หล้ากว้างใหญ่เรื่องแปลกประหลาดใดๆก็ล้วนมี”
คุณชายโง่เง่าแต่เงินหนา “ก็จริงอยู่นะ กระทั่งแซ่พี่ (ตด) ยังมีเลย….”
ฝ่าบาท “…….”
“สหายแซ่เนี่ย ข้าจะบอกให้เจ้าฟังนะ เส้นทางชายบำเรอนี้มิได้ง่ายดาย หากว่าไม่มีคนชี้นำอยู่เบื้องหน้า เกรงว่าเจ้ายังไม่ทันไปถึงเบื้องพระพักตร์ของฝ่าบาท ก็คงจะถูกโยนทิ้งออกไปเสียก่อนก็ได้ คนที่ฝ่าบาทของพวกเราโยนออกไปนั้น อาจไม่ถึงร้อย แต่ก็มีหลายสิบแล้วละมั้ง?”
คุณชายเฉารู้สึกว่าตนเองช่างชาญฉลาดอย่างยิ่ง นี่เรียกว่าอะไรนะ ตัดไม้ข่มนาม ขู่ให้กลัวเอาไว้ก่อน
จากนั้นค่อยส่งพุทราเชื่อมให้ คนก็จะว่าง่ายขึ้นมามิใช่หรือ?
“เช่นนั้นข้าสมควรจะทำเช่นไรจึงจะดี?” ยากนักที่ฝ่าบาทจะทรงยอมร่วมมือกับคนโง่ที่เงินหนาได้สักครั้ง
“สหายแซ่เนี่ย เจ้าถามถูกทางแล้ว!” คุณชายเฉากล่าวอย่างยินดี
ทั้งยังดึงฉลองพระองค์ของจีเฉวียนให้นั่งลงที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ด้วยกัน จากนั้นก็บอกกล่าวอย่างละเอียดลออว่า “อย่างแรก ฝ่าบาทของพวกเรานั้นทรงดูจากใบหน้าเป็นหลัก! ถึงแม้ว่ารูปโฉมของเจ้าจะด้อยกว่าข้าไปสักหน่อย….แต่ว่ายังโชคดี อย่างไรก็พอจะผ่านด่านไปได้อยู่”
ฮ่องเต้ทรงอดไม่ได้ที่จะเหลือบพระเนตรมองดูเขาอีกสองครั้ง นี่พระองค์ทรงอัปลักษณ์ยิ่งกว่าคนหัวโตเหมือนหัวปลาผู้นี้จริงๆหรือ?
ขนาดหลี่ต้าชิงยังดูดีกว่าคนหัวโตเป็นหัวปลาผู้นี้เลยด้วยซ้ำ!
“คราวนี้ เจ้าจะต้องรู้จักสำออย ต้องแกล้งทำเป็นน่าสงสาร ก้นต้องแน่น เอวต้องบาง ต้นขาต้องยาว กล้ามเนื้อเป็นรูป ใช่แล้ว เหมือนอย่างข้าไง”
คุณชายเฉาแหวกเสื้อผ้าที่หลวมกว้างของตนออกให้ดู
ฝ่าบาททรงกวาดพระเนตรผ่านแวบหนึ่ง ก็ยังทรงรู้สึกว่าปวดตา
นอกจากไขมันเป็นชั้นๆแล้ว ก็ไม่ทรงเห็นอะไรทั้งนั้น
“เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ข้าเห็นว่าสมควรข้ามไปได้แล้ว” ฝ่าบาททรงเอ่ยขึ้นมา “ลองบอกเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ออกมาบ้าง”
คุณชายเฉาส่งสายตาอย่างมีความหมายให้ในทันที “เจ้าต้องให้สัญญาว่าหากเกิดได้รับความโปรดปรานขึ้นมา ยามอยู่เบื้องพระพักตร์จะต้องชื่นชมข้าให้มากๆ อย่าได้ปล่อยให้นางผลักไสข้าออกไปเด็ดขาด”
“นางไม่มีทางผลักเจ้าออกไปแน่นอน” ฝ่าบาทตรัสอย่างรับรอง
อืม เราจะถีบเจ้าออกไปอย่างไม่เกรงใจเอง
ประโยคนี้พระองค์ย่อมมิได้ตรัสออกไป คุณชายเฉาผู้โง่งมแต่เงินหนาพลันรู้สึกว่าตนเองถูกรางวัลใหญ่เข้าแล้ว
เขายกมือขึ้นมา ป้องลงไปที่ริมพระกรรณของจีเฉวียน กล่าวว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า เจ้าก็จงสวมใส่เสื้อผ้าแบบข้า ชิงถวายปรนนิบัติสวมฉลองพระบาทและฉลองพระองค์ตัดหน้าเจ้าซูเยาผู้นั้น”
“หลังจากนั้นเล่า?”
“หลังจากนั้นเจ้าก็แกล้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าฝ่าบาท ทางที่ดีนะเอาให้ตายกันหมดบ้าน ไร้หนทางให้กลับ หากถูกขับออกนอกวังไป คงต้องอดตายอยู่ข้างถนนเป็นแน่อะไรแบบนั้น!” คนหัวโตพูดต่อไป “อย่าได้เห็นว่าภายนอกฝ่าบาททรงสูงส่งและเย็นชา ที่จริงแล้วทรงพระทัยอ่อนมาก”
“เดิมทีข้าก็น่าสงสารอยู่แล้ว” จีเฉวียนทรงพยักพระพักตร์ “ข้อนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ว่าที่ภรรยาที่ทุ่มเทใจไปตั้งมากมายจนเกือบจะหวั่นไหวใจอยู่แล้วอยู่ๆก็บอกว่าไม่เหลือเยื่อใยอีกต่อไป แค่นี้ยังจะไม่น่าสงสารอีกหรือ?
“เจ้ามันน่าสงสารมากขนาดนั้นจริงๆหรือ?” คนหัวโตทำสีหน้าเห็นใจ
ฝ่าบาท “น่าสงสารมากเลย”
“มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่?”
คนหัวโตเป็นหัวปลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ๆก็กล่าวอย่างหนักแน่นขึ้นมาว่า “ต้องอ่อย! อ่อยให้หนักถึงขนาดที่แม่เจ้าก็ยังจำไม่ได้ไปเลย!”
ฝ่าบาท “? ??” พระองค์ไม่เคยทรงทราบมาก่อนเลยว่ารสนิยมของซิงซิงนั้นจะจัดจ้านถึงเพียงนี้?
“เช่นไรรึ?”
คนหัวโตรีบลุกขึ้นในทันที จากนั้นก็เริ่มสาธิตให้พระองค์ทอดพระเนตร
เขาถกคอเสื้อของตนเอง จนเผยลึกไปถึงไขมันหนาๆขาวอวบของตนเอง
จากนั้นก็ถกชายกางเกงขึ้นมาถึงต้นขา ใช้มือลูบขึ้นมาตามเรียวขาจนถึงตัก
ทางหนึ่งลูบไล้ทางหนึ่งก็ปิดเอวไปด้วย มืออีกข้างก็ไต่ไปตามพระอังสาของจีเฉวียน “ฝ่าบาท ผู้อื่นตั้งแต่ได้เห็นพระองค์เป็นครั้งแรก ทั่วทั้งร่างก็…..”
เขาพูดยังไม่ทันจบ จีเฉวียนก็ทรงซัดฝ่ามือออกไป ตบคนผู้นั้นสลบไปในทันที
ขอโทษที บังคับมือไม่อยู่จริงๆ พระองค์ทรงขยะแขยงจะแย่แล้ว
คนหัวโตสลบเหมือดจนลงไปกองแน่นิ่งอยู่กับพื้นเย็นๆ
ฮ่องเต้จึงทรงถอดเสื้อผ้าของเขาออกมาเปลี่ยนกับของพระองค์เอง
“เราต้องการหน้ากากใบหนึ่ง ส่งมาก่อนฟ้าสาง”
ตรัสแล้ว พระองค์ก็เหลือบพระเนตรไปทางมุมมืด
ได้ยินเสียงใบไม้ไหววูบครั้งหนึ่ง ก็เห็นเงามืดหลายเงาโผออกไป
——
[1] 有前 (โหย่วเฉียน): แปลว่ามีอนาคต แต่คำนี้พ้องเสียงกับคำว่า 有钱 ที่แปลว่ามีเงินมีทอง
………………………………………….
ไรท์: ตอนแรกนึกว่าเฉวียนเฉวียนจะโดนพี่เฉาฉุด เปลี่ยนเรื่องกลายเป็นชายได้ชายขึ้นมาเสียอีก ที่แท้ก็จะซุ่มสอนวิชากัน ใจหายวาบเลย เอาละเจ้าค่ะ เฉวียนเฉวียนสำเร็จวิชาชายงามแล้ว พร้อมลงสนาม มาดูกันว่าหลันหลันจะซื้อไหม
ตอนต่อไป “เขาติดอยู่ในกระดานหมาก”
……………………………………………………..
ไรท์: วันนี้ขออนุญาตเปิดครัวจีนกันสักหน่อยมื้อนี้เป็นของหวานจ้า
หยินเอ๋อทัง(银耳汤/เห็ดหูหนูตุ๋น)= คือเห็ดหูหนูขาวที่ตุ๋นในน้ำตาลกรวดกับพุทราแดงและเก๋ากี้ นิยมทานแบบอุ่นร้อน พุทราแดงและเก๋ากี้ถือเป็นอาหารเสริมธาตุร้อน ที่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพราะทั้งเห็ดหูหนู พุทราแดง และเก๋ากี้ล้วน เป็นของหวานเบาๆที่เหมาะกับสาวๆ เป็นอาหารเสริมเพื่อความงามตามตำราจีน