ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 428 ราวกับผีเสื้อที่ร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึก
พลังของพัดวายุย่อมไม่ธรรมดา จีเฉวียนกลับรับพลังของมันเอาไว้ด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด คนจึงลอยออกไปไกลหลายพันเมตร
ถึงตู๋กูซิงหลันทุ่มเทพลังทั้งหมดไล่ตามลงไป แต่สุดท้ายก็ยังชักช้าไปวูบหนึ่ง
เบื้องหน้าของพวกนางคือหุบเหวไร้ก้นบึ้ง ที่ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ใต้หุบเขาลงไปเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่โหดเ**้ยมและชั่วร้าย
แม้ว่ายังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็รู้สึกถึงความอึดอัดคับข้องไปทั่วร่าง
ข้างใต้นั้นราวกับมีมือที่ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ที่กำลังต้องการฉุดดึงผู้คนลงไปใต้หุบเหว
ตู๋กูซิงหลันเห็นจีเฉวียนร่วงลงไปเบื้องล่างกับตา เขาเปลือยร่างท่อนบน แผ่นหลังหันเข้าหานาง บงกชสีดำทองที่อยู่บนบั้นเอวดอกนั้นเด่นชัดอยู่ในสายตาของนาง
ตู๋กูซิงหลันไม่ครุ่นคิดใดๆทั้งสิ้น บังคับร่างพุ่งลงไปในหุบเหว
นางยังไม่ทันหล่นลงไปในหุบเหว เยี่ยเฉิงที่กลายร่างเป็นมังกรโฉบเข้ามา
กรงเล็บที่ใหญ่โตของเขากวาดออกมา คว้าตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างแม่นยำ ลากนางกลับขึ้นมาจากปากหุบเขาไร้ก้นบึ้ง
ร่างจริงของเขาก็เป็นมังกรสีครามตัวหนึ่งเช่นกัน ทั้งยังใหญ่โตกว่าร่างจริงของเยี่ยอิงอยู่มาก พลังก็แข็งแกร่งกว่าเยอะ
กรงเล็บที่คว้าตู๋กูซิงหลันเอาไว้นั้น หากว่าใช้แรงมากไปเล็กน้อย เกรงว่าคงจะบีบนางจนแหลกเละไปแล้ว
เยี่ยเฉิงโกรธเกรี้ยวแล้ว เขาจ้องมองดูสตรีในกรงเล็บ ถามอย่างขุ่นเคืองว่า “ไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือไร? รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหนกัน?”
อนุของเขาคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อบุรษจากเผ่าอื่นหรือ?
ในมือของตู๋กูซิงหลันยังคงกำผ้าจากชายกางเกงของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น นางมองไปที่เยี่ยเฉินด้วยสายตาเย็นชา ตะโกนเสียงดังว่า “ปล่อยข้านะ!”
“ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ เจ้ากลับขู่ตะคอกใส่ข้าหรือ?” เยี่ยเฉินชะโงกศีรษะมังกรที่ใหญ่โตลงมา เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ไม่รู้จักดีชั่วเกินไปแล้ว
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยกระทำเรื่องดีๆมีเมตตาเช่นนี้มาก่อน หากมิใช่เพราะว่านางคืออนุของเขา ทั้งยังเป็นอนุที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยังไม่เคยรับการโปรดปรานมาก่อน เขาหรือจะยอมช่วยนางเช่นนี้
ตอนนี้พอเห็นนางทำเพื่อบุรุษอื่นโดยไม่คิดจะรักษาชีวิตของตนเอง เขาก็รู้สึกราวกับว่าบนศีรษะมีหญ้าเขียวงอกเงยขึ้นมามากมายแล้ว
ตู๋กูซิงหลันถูกกรงเล็บของเขาจับเอาไว้อย่างแน่นหนา ก็ไม่พูดไม่จา ชักกริชขึ้นมาแทงรัวๆลงไป
เยี่ยเฉินแทบจะถูกสตรีที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีผู้นี้ทำเอาโกรธจนแทบบ้าไปแล้ว
“เจ้าอยากจะตายนักหรือ?” ความโกรธของเขาแทบจะครอบคลุมไปทั่วทั้งเผ่ามังกรทมิฬ
แม้แต่เยี่ยอิงที่สลบไสลไปแล้วก็ยังถูกเสียงคำรามของเขาปลุกจนตื่นขึ้นมา
นางมือขาดไปข้างหนึ่ง ปากแผลเจ็บปวดอย่างยิ่ง ได้แต่ระงับบาดแผลเอาไว้ชั่วคราวแล้วติดตามเสียงออกมา
เกิดอะไรขึ้น….กับพี่ชาย?
“เจ้าจงฟังข้าให้ดี! ที่นี่คือหุบเหวไร้ก้นบึ้ง! หากตกลงไปมีแต่จะกระดูกหักร่างแหลกสลาย แม้แต่จิตวิญญาณก็จะถูกดูดกินจนหมดสิ้น!” กรงเล็บของเยี่ยเฉินบีบแน่นขึ้นกว่าเดิม จนกระดูกทั่วร่างของตู๋กูซิงหลันส่งเสียงดังลั่น
ตั้งแต่ต้นจนจบนางกลับไม่ได้มองดูเยี่ยเฉินเลยสักแวบ
ในหูก็ได้ยินแต่คำพูดของเขาที่ว่า …..กระดูกหัก ร่างแหลก วิญญาณสลาย
แต่เพราะว่ากรงเล็บของเยี่ยเฉินบีบแน่นมากเกินไป กริชของนางแทงลงไปหลายต่อหลายครั้ง กลับทำได้เพียงขีดข่วนจนเพิ่มรอยเลือดจางๆบนกรงเล็บของเขาเท่านั้น
เยี่ยเฉินมิได้เป็นอะไรเลย
“เจ้าอยากจะไปตายกับบุรุษเถื่อนผู้นั้นมากนักหรือ? ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!” เยี่ยเฉิงระเบิดโทสะอย่างรุนแรง
เหล่าอนุของเขา มีใครบ้างที่จะไม่คิดยื้อแย่งความรักความโปรดปรานจากเขา ทำไมคนที่พึ่งจะมาใหม่นางนี้ ถึงได้ไม่รู้จักเป็นเหมือนผู้อื่นจนถึงขนาดนี้?
หากเปรียบเทียบรูปโฉม พลังความสามารถและแม้กระทั่งฐานะแล้ว เขามีสิ่งใดที่เทียบไม่ได้กับบุรุษต่างเผ่าผู้นั้นกัน?
นางถึงได้เฝ้าคิดถึงถึงเพียงนี้?
หัวใจของเยี่ยเฉิงไม่มีความสงบแม้แต่น้อย เขาจะต้องกำราบอนุผู้นี้ ทำให้นางยินยอมให้กำเนิดทารกศักดิ์สิทธิ์ให้กับตนเองด้วยความเต็มใจ
พอพูดออกไปมากมาย ในที่สุดตู๋กูซิงหลันก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง
แววตาแวบนั้น มีแต่ความเย้ยหยันอย่างที่สุด!
จากนั้นก็เห็นตู๋กูซิงหลันชูกริชของนางขึ้นมา
เยี่ยเฉินยิ้มอย่างเย็นชา “สิ่งนั้นไม่มีผลอะไรกับข้า เจ้าคิดจะฆ่าข้า ต้องไปฝึกมาใหม่อีกพันปี!”
สายตาของตู๋กูซิงหลันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว นางมองดูเขา ยกริมฝีปากขึ้น คลี่ยิ้มที่เจิดจร้างดงามดุจบุปผาบานในฤดูใบไม่ผลิ
ริมฝีปากแดงของนางขยับ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่สุดว่า “เจ้าต้องการตัวข้ามิใช่หรือ?”
หากว่าเหลือแต่ร่างเล่า ยังต้องการอีกไหม?
เยี่ยเฉิงชะงักงั้นไป นับตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นเขาก็รู้สึกว่าสตรีผู้นี้งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
งดงามจนทำให้ผู้คนเกิดความคิดอยากยึดครองนางเอาไว้
แต่พอนางเผยรอยยิ้มออกมา เขาถึงได้รู้ว่า แม้แต่สิ่งที่งดงามที่สุดในโลกล้าก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับนางได้
ขณะที่เขาตกตะลึงอยู่นั้น กริชที่ตู๋กูซิงหลันชูขึ้นสูง ก็กำลังพุ่งเข้าสู่ลำคอของนาง
เยี่ยเฉิงชะงักค้าง กรงเล็บคลายออกอย่างไม่ตั้งใจ
ชั่วพริบตานั้น ตู๋กูซิงหลันก็พลิกร่างกระโดดลงไปในหุบเหวไร้ก้นในทันที
เสมือนหนึ่งผีเสื้อน้อยที่หล่นลงสู่ก้นบึ้ง
เยี่ยเฉินเกรี้ยวกราดขึ้นมา หางมังกรของเขาสะบัดออกไป คิดจะไล่ตามลงไปลากตู๋กูซิงหลันขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ว่ามังกรสีครามอีกตัวกลับพุ่งเข้ามาชนเขาอย่างรวดเร็ว
เยี่ยอิงไม่เคยเห็นเยี่ยเฉิงทำอะไรอย่างผลีผลามเพื่อสตรีผู้หนึ่งมาก่อนเลย!
หากว่านางชักช้าไปก้าวหนึ่งละก็ ไม่แน่ว่าแม้แต่พี่ชายก็คงจะลงไปในหุบเหวไร้ก้นบึ้งนี้ด้วย
นางผลักเยี่ยเฉิงไปจนไกลจากหุบเขาไร้ก้นบึ้ง
เหล่าชาวมังกรทมิฬที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันตกตะลึงไปหมด…..ทุกคนต่างรู้ดีว่า ไท่จื่อทรงรักใคร่เอ็นดูองค์หญิงมากเพียงไร ทั้งสองมักจะร่วมกินร่วมดื่มและอยู่ด้วยกันเสมอ ถึงขนาดที่เรียกว่า ‘รักกัน’ ยิ่งกว่าสามีภรรยาเสียอีก
แทบจะไม่เคยเห็นทั้งสองมีข้อขัดแย้งใดๆมาก่อนเลย
พอมังกรสีครามทั้งสองร่อนลงไปบนพื้น ค่อยกลายร่างกลับเป็นร่างมนุษย์
เยี่ยเฉินยังคงมีโทสะคุกรุ่นไม่หาย เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยอิง เขาย่อมไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา
“เจ้าขวางข้าทำไม?”
“หากข้าไม่ขวางท่านไว้ ท่านก็จะไปตายเพื่อมนุษย์ผู้หนึ่งงั้นหรือ?” ปิดบังมือข้างที่ถูกตัดไปเอาไว้ นางเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ท่านเป็นไท่จื่อของเผ่ามังกรดำ คือความหวังของคนทั้งเผ่า แล้วจะเสียสติเพราะสตรีผู้หนึ่งได้อย่างไร?”
เยี่ยเฉิน “นางเป็นอนุของข้า ใช้เผ่ามนุษย์ที่ไหนกัน? ข้าไม่อาจช่วยเหลือสตรีของตนเองหรืออย่างไร?”
คำว่า ‘สตรีของตนเอง’ เสียดแทงหัวใจของเยี่ยอิงจนเจ็บแปลบ
“พี่ชาย ท่านตาบอดแล้วหรือ? แม้แต่เผ่ามนุษย์และเผ่ามังกรก็แยกแยะไม่ออกแล้วหรือไง?” นางพยายามสงบใจของตนเองลง มองดูเยี่ยเฉิงที่กำลังเปี่ยมไปด้วยโทสะ ขณะเดียวกันก็เหลือบตาไปทางหุบเหวไร้ก้น
จากนั้นค่อยยิ้มออกมาเย็นชา “สตรีผู้นั้น คือฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน เป็นเผ่ามนุษย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ว่ากลับมีฝีมืออยู่บ้าง สามารถบุกไปทำลายวังมังกรทะเลตะวันตกได้เพียงลำพัง นางยังแข็งแกร่งกว่ามังกรทั่วไปมากมายนัก”
เยี่ยเฉิงขมวดหัวคิ้ว “ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน?”
มิใช่องค์หญิงทะเลตะวันตก? เขามีโอกาสได้สัมผัสนางอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าในร่างของนางมีพลังของเผ่ามังกรอยู่
เยี่ยอิงสีหน้าเย็นชาปานน้ำแข็ง พอนางอ้าปากขึ้น ก็เห็นหวาชางสุ่ยที่มีเส้นผมขาวโพลนเหาะลงมาจากหอสูง
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ บนกระโปรงปักลายมังกรโผบินเอาไว้ตัวหนึ่ง
กระโปรงสีดำและเส้นผมสีขาวกลายเป็นความตัดกันอย่างชัดเจน
สีหน้าของนางทั้งสีขาวและบึ้งตึง
“พระมารดา…..”
เยี่ยเฉินและเยี่ยอิงพบนาง ก็ถอยไปด้านข้างก้าวหนึ่ง พลางส่งเสียงเรียกหาด้วยความเคารพนบนอบ
หวาชางสุ่ยเพียงแต่มองไปทางหุบเขาไร้ก้นบึ้ง นัยตามีแต่ความเเย็นชาและเหน็บหนาว นังเดรัจฉานน้อยนั่นช่างเหมือนกับมารดาของมันนัก ดวงแข็งอย่างยิ่ง
ต่างก็เป็นพวกไม่กลัวความตาย
หึ
แต่ว่ามิว่าอย่างไรก็ไม่ควรจะกระโดดลงไปในหุบเหวไร้ก้นบึ้งนั่น!
…………………………………….
ไรท์ : ถ้าคิดว่าที่ผ่านมาเราลงมาลึกมากแล้ว ก็ขอให้รู้ว่าเรายังจะดิ่งลงไปอีก และที่ข้างล่างนั่น …อะ เอ่อ เชือกหมด โทรสั่งเดี๋ยวนะ!
ตอนต่อไป “ใช่คนเดียวกันหรือไม่?”