ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 447 “ดูเหมือนว่าข้าจะชอบเจ้าเข้าแล้ว”
นางไม่เคยบอกตู๋กูเจวี๋ยมาก่อนเลยว่า ยามที่เขาปากพูด หัวขยับจนดวงตาขยับเป็นประกายนั้น น่าดูที่สุดแล้ว
ช่วงเวลาที่จับเขาขังเอาไว้ที่คุกใต้ดินนั้น เป็นช่วงเวลาที่นางรู้สึกอิ่มเอิบที่สุดในช่วงหลายพันปี
ฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆทั้งยามกลางวันและกลางคืน นับตั้งแต่เรื่องธรรมเนียมเล็กๆของชาวบ้านไปจนถึงเรื่องใหญ่ต่างๆในแผ่นดิน
เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งยังมีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง
ชือหลีฝืนทนความเจ็บปวดรวดร้าว กลั้นเสียงของตนเองเอาไว้ มือก็กระชับด้ามดาบกระดูกมังกรขึ้นมา ฟันฉับลงไปบนกุญแจดอกใหญ่นั้นอย่างแรงครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้น กุญแจและคมดาบก็เสียดสีกันจนเกิดประกายดอกไม้ไฟ
ส่งเสียงดังบาดหู
ดาบนั้นพอฟันลงมา นอกจากบนตัวกุญแจเพิ่มรอยดาบขึ้นรอยหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไร
ตู๋กูเจวี๋ยเห็นนางบาดเจ็บหนักทั่วทั้งร่าง ในใจก็รู้สึกเหมือนถูกดาบทิ่มแทงเช่นกัน
ต้องโทษที่เขาไม่เคยเรียนรู้วรยุทธ์มาก่อน ทั้งยังอ่อนแอเป็นลูกหมาถึงได้ถูกคนรังแกทำร้ายเข้าขนาดนี้
หากว่าเขามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหมือนดังพี่ใหญ่ ต่อให้ต้องตายก็จะขอปกป้องชือหลีเอาไว้ให้ได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ชือหลีที่เป็นเทพ….ก็จะถูกคนรังแกจนอเนจอนาถย่ำแย่ขนาดนี้
เขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆอยู่ในปาก ส่ายศีรษะ คิดจะบอกให้นางรีบหนีไป ไม่ต้องสนใจเขาอีก
ชือหลีมีโอกาสหลบหนีแท้ๆ แต่กลับมาที่คุกเพื่อช่วยเหลือเขา เช่นนี้เกรงว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาคงจะไม่มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
สะเก็ดไฟที่กระเด็นออกมา ร้อนลวกยิ่งกว่าน้ำเดือด ส่องสว่างเป็นประกาย ทั้งยังกระทบถูกหลังมือของนาง
แต่ว่านางกลับไม่สนใจ ฟันลงมาอย่างต่อเนื่องอยู่หลายดาบ จนกุญแจเริ่มโยกคลอนในที่สุด
นางกระทืบเท้าข้างหนึ่งกระโดดโถมเหยียบลงไป เท้านี้ใช้กำลังอย่างรุนแรง จนประตูคุกส่งเสียงสั่นสะเทือน แต่ว่าน่าเสียดาย แม่กุญแจถึงแม้จะหลวมคลายแต่ก็ยังคงติดแน่นอยู่ที่เดิม ไม่ยอมหลุดลงมา
“เฮอะ เฮอะ ช่างรักใคร่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งเสียจริง ว่าไง…..ต่อให้ตายก็ยังไม่ลืมที่จะลากไอ้หน้าอ่อนนั้นลงนรกไปเป็นสหายแก้เหงาหรือ?” ในตอนนั้นเอง เยี่ยอิงก็มาถึงคุกแล้วเช่นกัน
ชุดสีน้ำเงินครามของนางพลิ้วไหวราวกับมีลมพัด สองมือกอดอกเอาไว้ พิงร่างลงบนกำแพงสีดำของคุกมืด ในมือของนางมีดาบโซ่ นางหรี่ดวงตา แย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย
ชือหลีไม่สนใจนาง ยังคงเตะต่อยคุกต่อไป ดาบกระดูกมังกรในมือก็ยิ่งกำขึ้นมาแน่นกว่าเดิม
เส้นผมสีแดงของนางโบกโบย นัยตาสีแดงส่องประกาย…..ต่อให้วันนี้นางจะต้องตาย ก็จะต้องพาตัวตู๋กูเจวี๋ยออกไปให้จงได้
เขาเป็นเพียงแค่เจ้าตัวเล็กที่ไร้เดียงสา ไม่สมควรจะถูกลากมาเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงที่สกปรกโสมมเช่นนี้
เยี่ยอิงที่ถูกละเลยก็ยิ่งขุ่นเคืองกว่าเดิม นางขยับร่างเพียงวูบเดียว ก็มาถึงที่เบื้องหน้าของชือหลี
ดาบโซ่ในมือพันรัดลงไปบนดาบกระดูกมังกร ทำให้ชือหลีไม่อาจขยับอาวุธได้แม้แต่น้อย
จากนั้นก็เห็นนางยกเท้าเตะลงไปบนท้องของชือหลีอย่างรุนแรง
ด้วยพละกำลังมหาศาลที่มากับเท้าข้างนั้น จึงเกิดเสียงดัง ‘ตึง’ ชือหลีลอยละลิ่วขึ้นไปกระแทกเข้ากับประตูของคุกอย่างรุนแรง
ประตูที่คลายออกไปครึ่งหนึ่งจึงถูกพลังที่แฝงมากับร่างของนางพังทลายจนเปิดออก
นางถูกถอดกระดูกมังกรออกไป เดิมทีพละกำลังก็แตกต่างกันมากจนไม่อาจเทียบได้กับเยี่ยอิงอยู่แล้ว
เท้านี้ของเยี่ยอิง ทำให้ชือหลีถึงกับกระดูกหักไปหลายท่อน นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอวัยวะภายในของตนถูกทำลาย เลือดสดๆทะลักออกจากปาก ทั้งยังปะปนไปด้วยเศษชิ้นส่วนภายในร่าง
ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ที่ด้านหลังของนาง ถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้ ทันทีที่เห็นว่าชือหลีพุ่งทะลุมาชนกำแพงด้านในของคุก เขาก็รีบใช้ตนเองเป็นเบาะเนื้อ รองรับร่างของนางเอาไว้
ตู๋กูเจวี๋ยรับแรงกระแทกจนร่างจมลงไปในกำแพงถึงหนึ่งนิ้ว ในสมองของเขามีแต่เสียงวิ้งๆ แต่น่าแปลกที่แม้จะรับแรงกระแทกที่รุนแรงถึงเพียงนั้น เขากลับไม่ถูกชนจนกระดูกหักทั่วร่าง
เพียงแค่ซี่โครงหักไปสองซี่เท่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลามีแต่คราบเลือดอาบนอง
เขาอดกลั้นความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ ยื่นมือไปประคองชือหลีเป็นอย่างแรก
เขาใช้ร่างกายที่ผ่ายผอมของตนเองขวางกั้นอยู่ตรงหน้าชือหลี ปากของเขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆ ไม่รู้ว่าต้องการจะพูดว่าอะไรกันแน่ เห็นแต่ตรงที่ถูกเย็บเอาไว้ถูกเขาฝืนกระชากจนปากแผลเปิดออกอีก เลือดไหลออกมาทั่วปาก
เลือดเหล่านั้นไหลจากปากไปตามลำคอย้อมเสื้อสีขาวบนทรวงอกของเขาจนชุ่มโชก
“หืม? เป็นตัวอ่อนแอที่มีน้ำใจลึกซึ้งกระนั้นหรือ?” เยี่ยอิงหัวเราะออกมาในทันที นางไม่รู้ฐานะของตู๋กูเจวี๋ย เพียงแต่คิดว่าใบหน้าของตัวอ่อนแอผู้นี้ดูคุ้นเคยอยู่บ้าง
พอเห็นว่าถึงแม้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังคงปกป้องชือหลีเอาไว้ ในใจก็บังเกิดความริษยาขึ้นมาบ้าง
หากว่านางตกอยู่ในอันตราย พี่ชายย่อมต้องปกป้องอยู่เบื้องหน้านางอย่างไม่สนใจสิ่งใดอย่างแน่นอน
ต้องใช่แน่!
ถึงแม้ว่าคิดเช่นนั้น แต่ว่าหัวใจกลับไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย…..
หัวใจของพี่ชายเพิ่มตู๋กูซิงหลันขึ้นมาอีกคน! ในเมื่อคนสองคนนี้สนิทสนมกับตู๋กูซิงหลัน พวกมันก็สมควรตาย!
ชือหลีถูกถีบใส่หนึ่งเท้า แต่กลับไม่ได้ตอบโต้ นางกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในมือ ส่งพลังวิญญาณสายหนึ่งเข้าไป ก็เห็นดาบกระดูกมังกรในมือของนางหดเล็กลง เหลือขนาดเพียงลูกกุญแจดอกหนึ่ง
ฝ่าเท้าเมื่อครู่ นางจงใจไม่หลบ
พละกำลังของนางไม่เพียงพอที่จะทำลายคุก แต่ว่าเยี่ยอิงทำได้!
นางเพียงต้องการจะปลดปล่อยตู๋กูเจวี๋ยออกจากตรวน และทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อส่งเขาออกไป!
ดังนั้นตลอดเวลาเมื่อเข้ามาในคุก ชือหลีจึงมิได้โต้ตอบ ดาบกระดูกมังกรที่มีขนาดเท่าลูกกุญแจพอเสียบเข้าไปในรูตรวน บิดเพียงเบาๆ ก็ได้ยินเสียงคลิกครั้งหนึ่ง ตรวนบนมือของเขาก็หลุดออกอย่างง่ายดายจนหล่นลงไปบนพื้น
ตู๋กูเจวี๋ยตะลึงไปเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่านางจะมีความสามารถถึงขนาดนี้
“เหอะ” พอเห็นแล้ว เยี่ยอิงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง นางกุมดาบโซ่เอาไว้ คนลอยเข้าไปในคุกทั้งร่าง
นางไม่พูดพล่ามทำเพลง ดาบโซ่ในมือก็สะบัดออกไป คิดจะแทงคนทั้งสองให้ทะลุ!
ข้อมือของชือหลีขยับด้วยความรวดเร็ว ปลดล็อคตรวนบนร่างของตู๋กูเจวี๋ยออกจนหมด
เห็นอยู่ว่าดาบโซ่ของเยี่ยอิงพุ่งเข้ามาแล้ว ขณะที่กำลังจะสายเกินไป สองมือของนางก็คว้าลงไปบนหัวไหล่ของตู๋กูเจวี๋ย ขยับร่างวูบหนึ่ง ใช้ร่างของตนเองบดบังเขาเอาไว้
ใบดาบที่แหลมคมทะลวงเข้าไปในช่องท้องของนาง ใบดาบของเยี่ยอิงที่ทั้งโค้งและยาวถึงครึ่งเมตร ดาบทั้งเล่มแทงเข้าไปในท้องของชือหลี ใบดาบสีขาวถูกส่งเข้าไปแต่เมื่อชักออกมากลับมีแต่สีแดง
ชือหลีขมวดคิ้วมุ่น กระอักเลือดออกมาคำโต
เลือดสดๆเหล่านั้นสาดกระจายไปทั่วใบหน้าของตู๋กูเจวี๋ย
นางยังคงกำหัวไหล่ของเขาเอาไว้อย่างแนบแน่น รวบรวมพลังกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดถ่ายทอดพลังที่เหลือลงไปในร่างของตู๋กูเจวี๋ย
“เจ้าตัวน้อย…..มีชีวิตต่อไป”
นัยตาสีแดงคู่นั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“จะต้องมีชีวิต…ต่อไป”
แต่ละคำที่นางเค้นออกมา ต้องรีดพลังทั่วร่าง ……ตั้งแต่แรกนางก็คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว
ว่าต่อให้ตนเองจะต้องตาย ก็จะต้องให้เขารอดออกไป
นางเป็นเทพแห่งสายน้ำมาตั้งนานหลายพันปีแล้ว ….อยู่มานานพอแล้ว
แต่ว่าเขานั้นไม่เหมือนกัน เขาพึ่งจะอายุยี่สิบเท่านั้น ชีวิตของเขาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น
เขายังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาและบุตร เขายังไม่ได้เห็นความงดงามของโลกกว้าง เขายังไม่…..
เคยมีความรัก
ไม่เคยรู้จักความอ่อนหวาน ไม่เคยรู้จักความเจ็บปวด ไม่เคยหัวเราะอย่างโง่งม ไม่เคยร้องไห้อย่างสิ้นหวัง…..
ร่างของตู๋กูเจวี๋ยลอยออกไปกลางอากาศ เขาเห็นแต่ริมฝีปากของชือหลีกำลังขยับ เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากคำหนึ่งว่า
“ดูเหมือนว่า ข้าจะชอบเจ้าเข้าแล้ว เจ้าตัวน้อย”
…………………………………………………………..
ตอนต่อไป “เครื่องมือสังหารที่ไร้ความรู้สึก”