ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 485 “ร่างแบ่งที่แข็งแกร่งที่สุด”
การมาเกิดใหม่ย่อมต้องข้ามผ่านบททดสอบความทุกข์ยากในใต้หล้า หลังผ่านการเกิดใหม่แล้ว จิตใจของผู้บำเพ็ญเพียรก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้แต่พลังวิญญาณยังแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย
แน่นอนว่าย่อมต้องมีการก้าวข้ามที่ล้มเหลว ….เช่นนั้นผลลัพธ์ของการเกิดใหม่ที่ล้มเหลวคืออะไร ตู๋กูซิงหลันในตอนนี้ย่อมไม่รู้
เนื่องเพราะว่านางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เขาก็คือร่างที่แบ่งภาคมาเกิดใหม่ของข้า” ในที่สุดซื่อมั่วก็เอ่ยถึงประเด็นสำคัญ
เขาเหลือบมองจีเฉวียนแวบหนึ่ง แววตาคู่นั้นไม่มีริ้วรอยของอารมณ์แม้แต่น้อย
“ร่างแบ่งภาคมาเกิดของท่านอาจารย์?” ตู๋กูซิงหลันยังคงงงงันกับคำตอบนี้อยู่ดี
นางเคยคิดไปว่า จีเฉวียนกับท่านอาจารย์อาจมีความผูกพันทางสายเลือด เป็นญาติสนิท…..แต่คิดไม่ถึงว่า ที่แท้แล้วเขาจะเป็นร่างจุติมาเกิดของท่าอาจารย์
ก็ท่านอาจารย์ตอนนี้……กำลังอยู่ตรงหน้าของตนด้วยท่าทางที่สบายดี
ตู๋กูซิงหลันออกจะงงงันไปบ้างแล้ว
พอเห็นท่าทางที่สับสนของนาง ซื่อมั่วก็ได้แต่เก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวเอาไว้ เขานั่งลงตรงข้างโต๊ะ เส้นผมทอดลงไปบนพิณโบราณ ปลายเล็บแหลมยาวดีดเป็นเสียงติงๆเบาๆ เกิดเป็นเสียงที่ลึกล้ำขึ้นมา ภายใต้เสียงพิณที่สั่นสะท้าน สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของตู๋กูซิงหลันทุกๆรายละเอียด “เนื่องเพราะเหตุผลบางประการ ….อาจารย์ไม่อาจไปเกิดใหม่ด้วยตัวตนที่แท้จริง ได้แต่แบ่งภาคเป็นพันเป็นหมื่นลงไปยังโลกมิติต่างๆ”
พอพูดเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม
‘ชาติก่อน’ นั้น นางรู้แต่เพียงว่าอาจารย์ของตนเองไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
วันนี้ถึงจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแบบสุดหยั่ง แต่ก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ลงมาเกิดใหม่ก็ สามารถแบ่งภาคลงมาจัดการได้ด้วยหรือ?
ก่อนหน้านี้ตู๋กูซิงหลันก็เคยผ่านสายฟ้าสวรรค์ที่ทั้งใหญ่และเล็กมาแล้ว แต่ละครั้งเป็นต้องถูกสายฟ้าฟาดจนเจ็บปวดสุดทนทาน ได้แต่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของตนเองเข้ากัดฟันรับเอาไว้ เมื่อสามารถรับสายฟ้าฟาดได้ ร่างกายและจิตวิญญาณก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แบ่งภาคมาเกิดใหม่….นางไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย
คนที่นั่งอยู่ข้างกายของนางคือจีเฉวียนที่ตัวแข็งเป็นก้อนหิน ร่างกายของเขาเริ่มโปร่งแสงและร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าแค่ลมผ่านมาก็สามารถพัดเขาจนสลายวูบไปได้
ตู๋กูซิงหลันมองดูเขา เห็นว่าในแววตาของจีเฉวียนไม่ปรากฏร่อยรอยของความมีชีวิตอีกต่อไป
“ร่างแบ่งนับพันนับหมื่นของอาจารย์ มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอแตกต่างกันไป ท่ามกลางโลกต่างๆนับพันใบ บางทีที่เจ้าบังเอิญได้พบเจอ อาจเป็นต้นไม้ใบหญ้า เป็นปักษาหรือสัตว์ป่า ก็อาจเป็นร่างแบ่งของอาจารย์ได้ทั้งนั้น รอจนพวกมันทั้งหมดผ่านพ้นความทุกข์ยากบนโลกหล้า เมื่อตายแล้วก็จะกลับคืนสู่อาจารย์”
นิ้วมือของซือมั่วกรีดผ่านพิณโบราณ จากเสียงดีดสั้นๆ ต่อเนื่องเป็นท่วงทำนอง
เป็นเพลงบรรเลงที่ลึกล้ำเพลงหนึ่ง เพียงแค่ได้ยินท่วงทำนองไม่กี่เสียงก็ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่ไร้สิ้นสุดได้แล้ว
“แต่ว่า ท่ามกลางร่างแบ่งภาคนับพันนับหมื่นของอาจารย์ เจ้ากลับบังเอิญได้พบกับ ร่างแบ่งเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นมนุษย์ ทั้งยังได้รับสืบทอดพลังของอาจารย์ และสามารถใช้คาถาต่างๆของอาจารย์ได้”
ดาบปลิดวิญญาณเล่มนั้นก็เป็นของซื่อมั่วนั่นเอง
เนื่องเพราะว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงต้องพบกับความทุกข์มากที่สุด
“เมื่อเป็นร่างแบ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของอาจารย์ เขาย่อมต้องผ่านความทุกข์ยากที่ขมขื่นที่สุดแทนข้า”
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย คับแค้น รักพลัดพราก และความไม่สมปรารถนาต่างๆ”
คนใกล้ชิดตายจาก คนรักทอดทิ้ง โดดเดี่ยวเพียงลำพัง จนมาถึงตายเพื่อใต้หล้า
แต่เส้นทางที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้วเหล่านี้ กลับสับสนวุ่นวายไปเพราะเพื่อตู๋กูซิงหลัน
“ท่ามกลางความซับซ้อน เจ้าได้พบกับเขาอย่างบังเอิญ….”
เสียงพิณของซื่อมั่วหยุดลง เขาเงยหน้าขึ้นมา มองดูตู๋กูซิงหลัน “ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือยังว่า…ทำไมเขาถึงถูกกำหนดให้ต้องตาย?”
ตู๋กูซิงหลันถึงกับตอบอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
จีเฉวียนคือร่างแบ่งภาคที่แข็งแกร่งที่สุดของอาจารย์ มิน่าเล่าตั้งแต่เยาว์วัย เขาก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลุ่มๆดอนๆ
“ตอนที่อยู่ใต้ก้นทะเลลึก เดิมทีก็เป็นเวลาดับสูญของเขาแล้ว” ซื่อมั่วกล่าวต่อไป “แต่เพราะว่าเจ้าไม่อาจตัดใจ เขาจึงมีชีวิตต่อมาอีกช่วงหนึ่ง แต่แน่นอนว่าไม่อาจคงอยู่ได้ยาวนาน”
เสียงพิณดำเนินต่อไป เปลี่ยนเป็นอบอุ่นอ่อนโยน “ศิษย์เอ๋ย เจ้าสมควรวางมือ หากรั้งร่างแบ่งภาคที่ไม่สมควรคงอยู่เอาไว้ในใต้หล้า สำหรับเขาแล้ว นี่จะเป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง”
สำหรับตัวเขาแล้ว ร่างแบ่งภาคที่ไปเกิดแล้วไม่กลับคืนมา….. ก็เท่ากับว่าการข้ามผ่านครั้งนี้….ล้มเหลว
แต่เรื่องนี้เขาย่อมไม่บอกกับตู๋กูซิงหลันอย่างแน่นอน
“ท่านอาจารย์……” ตู๋กูซิงหลันหันไปมองดูจีเฉวียนที่อยู่ข้างๆเห็นร่างที่บอบบางเพียงแค่ลมพัดก็พร้อมจะแตกสลายของเขา ก็คิดย้อมกลับไปถึงภาพของตัวเขาตลอดที่ผ่านมา
นางเคยมีคำถามอยู่หลายครั้งว่าฐานะที่แท้จริงของเขาคือใคร
แต่ว่าจีเฉวียนไม่เคยบอกกับนาง
ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีจะบอก…… แต่ว่าบางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้ก็เป็นได้….คนที่สูงส่งเช่นเขาที่จริงกลับเป็นเพียงแค่ร่างแบ่งของผู้อื่น
ก็แค่ภาคหนึ่งที่ถูกแบ่งออกมาเพื่อก้าวผ่านชาติภพ เพื่อรับความเจ็บปวดและทุกข์ทนบนโลก
นางไม่รู้ว่าตอนนี้จีเฉวียนสามารถได้ยิน หรือมองเห็นได้หรือไม่…… หากเขาได้รับรู้เรื่องนี้ ในใจจะรู้สึกเช่นไร?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หัวใจของตู๋กูซิงหลันพลันเจ็บปวด
นางสงสารจีเฉวียน
เป็นความปวดใจอย่างแท้จริง
ดังนั้นขณะที่ซื่อมั่วกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง นางก็คุกเข่าลงตรงหน้าของเขา
โขกหน้าผากหนักๆให้กับซื่อมั่ว
“อาจารย์!” พอเงยหน้าขึ้นมา นางก็เรียกเขาอีกครั้ง “ในชีวิตนี้ของศิษย์….. ไม่เคยร้องขออะไรจากท่าน….แต่ว่าครั้งนี้ขอร้อง โปรดอย่าให้เขาสลายหายไป…..อย่าให้….”
ถึงแม้จะรู้ว่าเมื่อจีเฉวียนตายแล้วจิตวิญญาณจะกลับคืนไปสู่ท่านอาจารย์ แต่จะให้นางมองดูเขาตายไปเฉยๆ นางก็ทำไม่ได้
นาง….ทนไม่ได้
ในสายตาของนาง จีเฉวียนก็คือจีเฉวียน อาจารย์ก็คืออาจารย์
ถึงแม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็นร่างแบ่งของอาจารย์ แต่เขาก็มีความคิดความอ่าน ความต้องการของตนเอง เขามีเลือดเนื้อ เขาเป็นคนที่มีชีวิตคนหนึ่ง
น้อยนักที่ตู๋กูซิงหลันจะเอาแต่ใจเช่นนี้
แต่ครั้งนี้เพราะจีเฉวียน นางกลายเป็นคนเอาแต่ใจแล้ว
นี่เป็นเรื่องจริง ที่ผ่านมานางไม่เคยร้องขออะไรจากซื่อมั่ว
แม้แต่ยามที่ฝึกฝนจะตกอยู่ในความยากลำบากอย่างที่สุด เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนแทบจะต้องจบชีวิตไป นางก็ไม่เคยร่ำร้องโวยวาย กัดฟันผ่านมาด้วยกำลังของตนเอง
แต่….มีแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์เท่านั้น ที่นางไม่กล้าต่อต้านเอาชนะ
“ท่านสามารถดึงเอาพลังทั้งหมดของเขากลับไป……ให้เขากลายเป็นเพียงคนธรรมดา…..ใช้ชีวิตที่เหลือในโลกนี้ แก่ไป ตายไป…..”
ใช่แล้ว ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันเพียงปรารถนาให้จีเฉวียนเป็นแค่คนธรรมดา
ใช้ชีวิตแต่งงานมีลูกมีหลาน อยู่อย่างสงบสุขไปชั่วชีวิต อย่างที่เขาเคยฝันเอาไว้
ตู๋กูซิงหลันคุกเข่าลงตรงหน้าของซื่อมั่ว ในดวงตาดอกท้อคู่นั้นพร่าเลือนไปด้วยหมอกน้ำตา
นิ้วมือที่ดีดพิณของซื่อมั่วหยุดลง เมื่อมองดูสาวน้อยที่คุกเข่าตรงหน้า สีหน้าที่สงบนิ่งมานับพันปีของเขา ในที่สุดก็เปลี่ยนแปลงแล้ว
ศิษย์น้อยไม่เคยคุกเข่าให้กับผู้ใดมาก่อน
และไม่เคยขอร้องเขา
ยิ่งไม่เคยร้องไห้วิงวอนต่อเขา
ตอนนี้ หัวใจของซื่อมั่วเหมือนถูกเข็มมากมายทิ่มแทง
เพื่อร่างแบ่งร่างหนึ่ง นางขอร้องต่อเขา
นางวิงวอนเขาถึงเพียงนี้…..เพื่อร่างแบ่งที่สมควรตายไปตั้งนานแล้ว
ภายใต้แสงเทียนสลัว เขานั่งคุกเข่าอยู่ที่ข้างโต๊ะ ขนตาที่ยาวงอนบนใบหน้าปิดบังประกายเงาสีเทาฟ้าที่เกิดขึ้นในดวงตาเอาไว้
“หลันเอ๋อร์” เนิ่นนาน เขาถึงได้เอ่ยเรียกนางขึ้นมา ยามที่ดวงตาคู่นั้นเงยขึ้นมานั้น ก็ปรากศจากคลื่นอารมณ์ใดๆอีกครั้ง “หากว่าอาจารย์ให้เจ้าเลือกระหว่างเขากับข้าเพียงหนึ่งเดียว เจ้าจะเลือกใคร?”
………………………………..