ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1153 คุณมานี่
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1153 คุณมานี่….
“…….”
ไม่มีเสียง ในห้องนี้หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา ก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่คิดว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวซักนิดเลยแบบนี้
ภาสดรได้ยินแล้ว จึงทำได้เพียงเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
ตอนกลางวัน ในที่สุดวิบูลย์ก็มาหาถึงที่
“คุณชาย คุณชายเปิดประตูหน่อยครับ คุณท่านมาแล้ว”
“…….”
ได้ยินเสียงเคาะประตูนี้ ภาสดรก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย เขาอยู่ในห้องอาหาร ใช้หม้อทอดเนื้อสเต๊กดิบที่ทางโรงแรมส่งขึ้นมาให้อย่างเอื่อยเฉื่อย
เสียงของน้ำมันตอนทอดนั้น ทำให้เนื้อส่งกลิ่นหอมขึ้นมา
ไม่ต้องพูดว่าน่าทำให้คนน้ำลายไหลมาก
คนที่อยู่ข้างนอกก็ยังคงเคาะต่อไปอีก : “ตึงตึงตึง – -”
ภาสดร : “…….”
ช่วงที่เงยขึ้นมองแบบนี้ เสียงตึงดังขึ้นจากทางด้านหลัง หลังจากที่ประตูห้องถูกดึงเปิดออกอย่างแรงแล้ว ร่างบางก็พุ่งออกมาจากด้านในเหมือนกับผู้หญิงห้าวดุที่กำลังโกรธอยู่แบบนั้น
“เคาะอะไรกันนัก กลับชาติมาเกิดเหรอ?”
นั่นเป็นลักษณะพลังที่อำนาจที่แสดงออกมาของสาวใหญ่เผด็จการ!
ภาสดรมองดูอย่างเคลิบเคลิ้ม
เนื้อสเต๊กยังถืออยู่กลางอากาศ หูก็ได้ยินเพียงแค่เสียงแกร๊ก ประตูบานใหญ่นั้นถูกเปิดออก ผู้หญิงคนนี้ก็พุ่งไปถึงตรงหน้าประตูแล้ว ความอันตรายนี้ดักอยู่ที่ประตูตรงหน้าของทั้งสองคน
วิบูลย์ : “…….”
คนตระกูลจรัลพฤกษ์: “…….”
ผู้หญิงที่กล้าหาญเช่นนี้ พวกเขาเคยเจอเป็นครั้งแรกจริงๆ
“คุณ….คุณนายน้อย พวกเรามาหาคุณชาย เขา….เขาอยู่ข้างในไหม?”
“ไม่อยู่ เขาตายแล้ว!”
หญิงสาวที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู อ้าปากเอ่ยพูดแบบนี้ออกมา
ภาสดรที่อยู่ทางด้านใน : “……”
หางตากระตุอย่างรุนแรง เนื้อสเต๊กชิ้นนั้นที่คีบอยู่ในมือก็หล่นลงในหม้อปรุงอาหาร
คนตระกูลจรัลพฤกษ์ที่อยู่ตรงหน้าประตูได้ยินแล้ว ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา : “คุณ….คุณนายน้อย ผมได้ยินเสียงแล้ว นั่นคือคุณชายของพวกเราใช่ไหม?”
แสงดาวหันกลับไปกวาดตามองด้วยความเย็นชา : “หูข้างไหนของคุณที่ได้ยินกัน? ที่นี่ฉันไม่มีแม้แต่เงาของผีทั้งนั้นแหล่ะ ฉันเตือนพวกคุณไว้ก่อนนะ ทางที่ดีที่สุดรีบออกไปเถอะ มิเช่นนั้น ฉันก็จะไม่เกรงใจพวกคุณแล้ว!”
เธอพูดจบ ก็ขยับข้อมือตัวเองต่อหน้าของทั้งสองคนนี้
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญมากจริงๆ
ผู้หญิงที่สามารถถลกแขนเสื้อขึ้นมาทะเลาะกับคนอื่นได้นั้น จะสุภาพเรียบร้อยได้เสียที่ไหนกัน?
อีกทั้ง เธอเองก็ปิดบังตัวเองไม่ได้จริงๆ เมื่อครู่นี้ทั้งๆตอนที่ดลธีอยู่ที่นี่ เธอยังไม่ยอมรับ ว่าเป็นเธอที่บอกให้น้องชายตัวเองมาช่วยภาสดร
แต่ตอนนี้ ตอนที่ทั้งสองคนมาเยือนถึงที่ เธอก็พุ่งตัวออกมาขวางอยู่ทางด้านหน้าโดยตรงอีกเสียอย่างนั้น
ทำไมถึงได้โง่แบบนี้?
ภาสดรปิดไฟหม้อปรุงแล้ว จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากในห้องอาหาร
“คุณชาย! คุณอยู่ที่นี่จริงๆ ผมบอกแล้วว่าคุณจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”เห็นเขาปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูและถูกดักเอาไว้จนชะงักไปเล็กน้อย ก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แน่นอน เป็นเพียงแค่บุคคลนี้ของตระกูลจรัลพฤกษ์เท่านั้น
ส่วนวิบูลย์ กลับยังคงจ้องมองเขาอยู่ทางด้านนอกโดยไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา
ภาสดรเองก็ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากเช่นกัน หลังจากที่เหลือบมองเขาไปนิ่งๆแล้ว แววตาของเขาก็หยุดอยู่ลงบนร่างของหญิงสาวที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูอย่างอ่อนโยน
“คุณนายน้อย ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
“……..”
แสงดาวที่ยังคงกำลังขยับข้อเท้าอยู่นั้น ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็หันหน้าไปทันที
ให้พวกเขาเข้ามา?
สมองของเขาถูกตีจนเกิดปัญหาไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? ยังคิดที่จะถูกพวกเขาทำร้ายให้ตายต่ออีกเนี่ยนะ?
เธอมองเขาอย่างโมโห
แต่ ภาสดรกลับปลอบใจเธออีกครั้ง : “ไม่เป็นไรครับ มีคุณอยู่ด้วย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก คุณไปพักผ่อนในห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวผมคุยกับพวกเขาเอง”
แสงดาว : “…….”
จ้องมองทั้งสองคนอย่างดุเดือด
ในที่สุด เธอก็ยังคงถอยให้
แต่เธอไม่ได้กลับห้อง และไปยังห้องอาหาร เห็นว่าสเต๊กที่ภาสดรยังทำไม่เสร็จ เธอจึงนั่งลงแล้วทอดสเต๊กไปพลางหยิบเอามีดปอกผลไม้มาถือเอาไว้ด้วย แล้วกรีดลงอย่างไม่ได้สนใจไยดีนัก
ภาสดร : “…….”
คนตระกูลจรัลพฤกษ์คนนั้น หลังจากที่เข้ามาเห็นฉากนี้แล้ว ก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลังอยู่ตรงนั้น แม้แต่คอของเขาก็หดลงไปด้วย
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมากจริงๆ
ทั้งสามคนมาถึงห้องรับแขก ผ่านความทรมานนี้ ตอนที่วิบูลย์นั่งลง ใบหน้ามีอายุนั้นก็ค่อยข้างดูแย่แล้ว
“เมื่อคืนแกอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ครับ”
ภาสดรนั่งไขว่ห้าง ไม่ได้มีทีท่าว่าจะรินน้ำชาให้กับคนสูงวัยคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
คนของตระกูลจรัลพฤกษ์ที่ติดตามมาด้วยเห็นแล้ว จึงทำได้เพียงต้องรีบลุกขึ้น จากแขกก็เปลี่ยนมาเป็นเจ้าบ้านแทนแล้วปรนนิบัตินายท่านของพวกเขา
“แกไม่ต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้แล้ว กลับไปครั้งนี้ ฉันจะพาเธอไปด้วย แกกับเธอก็กลับไปมณฑลYด้วยกัน”
ประโยคที่สองที่วิบูลย์ออกปากพูดออกมาก็คือเรื่องนี้
กลับไป?
สายตาที่เฉียบคมทั้งสองข้างของภาสดร รีบเหลือบมองไปยังคนสูงวัยทันที
เขาพูดว่าจะพาตัวแสงดาวกลับไปที่เมืองหลวงได้ เขาภาสดรสามารถเข้าใจได้ เพราะถึงอย่างไร นี่ก็คือคนของตระกูลเทวเทพ เรื่องราววุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาต้องรีบเอาปัญหาที่รับมือยากนี้กลับไป
เป็นเรื่องปกติมาก
แต่เขาเองก็ต้องกลับมณฑลYด้วยเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?
นี่มันเร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ราบรื่นเกินไปแล้ว?
ภาสดรหรี่ตาลง : “จัดการคนกลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้วเหรอครับ? พวกเขาตกลงจะปล่อยผมไปแล้ว?”
วิบูลย์พยักหน้าลง : “ใช่ เพราะฉะนั้นแกรีบออกไปจากที่นี่ แล้วก็เรื่องเมื่อคืน…..ฉันไม่ได้สงสัยอะไรแก เพียงแต่สถานการณ์ทางนี้ซับซ้อนมากเกินไป พ่อแกเองก็จะต้องรอบคอบด้วย แกเข้าใจไหม?”