ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1157 ตรงไปตรงมา
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1157 ตรงไปตรงมา
สุชาติ : “…….”
ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หลังจากนั้นก็ให้คนเข็นออกไป
และตั้งแต่ตอนนี้ ที่โต๊ะของสภาผู้แทนราษฎรก็ยิ่งเพิ่มความเงียบเชียบขึ้นไปอีก จนแทบจะสิ้นสุดงานเลี้ยง ก็ไม่เห็นมีคนอื่นเข้ามาอีก
ก่อนที่จะสิ้นสุด หลังจากที่ทางพวกผู้หญิงแยกย้ายกันแล้ว เส้นหมี่ที่ใส่ชุดสีฟ้าระยิบระยับ เดินยกชายกระโปรงขึ้นเหมือนกับเอลฟ์ เดินมาจากมุมหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
หลังจากนั้น ก็รีบวิ่งมาที่คนที่อยู่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว
“พี่คะ ทำอะไรอยู่? หืม? กินเสร็จแล้วเหรอคะ? ทำมาที่โต๊ะถึงมีพี่อยู่คนเดียว?”
เดิมทีแล้วเธอยังคิดอยากจะเซอร์ไพรส์เขา ปิดตาเขาลงเงียบๆ
แต่ หลังจากที่มาแล้ว ก็เห็นอาหารที่ละลานตาวางอยู่เต็มโต๊ะ และเขานั่งอยู่คนเดียว มือที่ยื่นออกไปของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักลงกลางอากาศ
ในใจนั้น กลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
แสนรักกำลังมองดูโทรศัพท์มือถือและครุ่นคิดถึงบางเรื่องอยู่ จู่ๆก็เห็นเธอเดินมา เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น ในที่สุดใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชามาตลอดคืนนั้น ก็อ่อนโยนลงมา
“เรียบร้อยแล้ว ทางคุณล่ะ เสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้วค่ะ” เมื่อพูดถึงแล้ว เส้นหมี่ที่เข้ามาใบหน้าเล็กๆก็ดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ก็เพื่อพวกกลุ่มผู้หญิงทางนั้น ก็ไม่ได้มีความสุขขนาดนั้นเช่นกัน
“พี่รู้ไหม? คุณนายพิมลคนนั้น ไม่คิดว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณนายจิตราและคุณนายสมศรี แล้วก็ยังมีภรรยาของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ตรงนั้นทั้งคืนเลย”
“แล้ว?”
“แล้วฉันก็รู้สึกโมโหอยู่เล็กน้อยน่ะสิ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ว่าไม่มีใครสนใจฉัน แต่ฉันเห็นพวกเธอแบบนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกไม่สบายเลย ที่นี่คือไวท์ พาเลซ ทำยังไงก็เหมือนกับเป็นการตีสนิทแบบนั้น? ยังไม่เริ่มต้นเลย ก็เป็นบรรยากาศที่เลวร้ายแล้ว”
เธอเบะปากเล็กๆของเธอขึ้น
ทั้งที่ตอนที่มานั้น แสนรักเชิญคนมาแต่งตัวให้เธออย่างพิถีพิถัน ส่วนตอนที่มาถึงที่นี่ ทุกคนต่างก็จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนอย่างตกตะลึงอยู่นาน
แต่ตอนนี้ ใบหน้าเล็กๆที่สวยงามนี้ กลับไม่สบอารมณ์เสียจนดูไม่ได้แล้ว
แสนรักรู้สึกอยากจะขำอยู่เล็กน้อย
ยังเป็นเด็กโง่จริงๆ ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะโมโหเพราะคนที่มาแบบนี้อีก ก่อนจะออกเดินทางมาก็ยังพูดจาดูฮึกเหิมอยู่เลย?
แสนรักบีบจมูกเธอ : “เอาล่ะ ไม่ต้องโมโหแล้ว พวกเราไม่ได้มาบ่อยๆเสียหน่อย อย่าให้เรื่องพวกนี้มาทำให้รบกวนจิตใจตัวเองเลย”
“แต่ว่าพี่…..”
“ผมเองไม่ได้อยู่นานหรอก จัดการขยะพวกนั้นให้หมดแล้ว พวกเราก็กลับ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองA และไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว”
ผู้ชายคนนี้ ตอนที่พูดมาถึงตรงนี้ สุดท้ายแล้วในดวงตาคู่นั้นก็แดงก่ำและเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าออกมา
ใช่ เขาก็เป็นคนเหมือนกัน นานขนาดนี้แล้ว ตระกูลเทวเทพอาศัยการสนับสนุนจากเขาเพียงคนเดียว ไม่ใช่แค่ในเรื่องของธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับความเป็นความตายของตระกูลในทุกๆวัน และการสูญเสียชีวิตของทุกๆคนอีกด้วย!
ภาระที่หนักหน่วงแบบนี้ ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งกว่านี้ ก็จะต้องเหนื่อยอยู่แล้ว และก็หมดพลังได้เหมือนกัน
เส้นหมี่ขอบตาแดงขึ้นมาแล้ว
เธอยื่นมือไปกอดเขาเอาไว้ และไม่ได้สนใจว่าที่นี่เป็นโอกาสอะไรเช่นกัน ก้มตัวลงมาแล้วจูบลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ
“ได้ค่ะ ฉันเชื่อฟังพี่นะ”
“……”
นี่คือเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลกนี้
และภาพนี้ก็สวยงามที่สุดในโลกนี้ด้วยเช่นกัน
ตรงที่ไม่ไกลนัก ในมุมหนึ่งที่เงียบลงมาแล้วนั้น ผู้หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดกี่เพ้าสีเขียวเข้มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาเช่นกัน ตอนที่เธอเห็นสามีของตัวเองกำลังอยู่ด้านในนั้น
เธอเองก็เดินเข้ามาด้วยเช่นกัน
แต่ ตอนที่พวกเขาวางแก้วเหล้าลง และเตรียมจะออกไปนั้น กลับเห็นฉากที่อยู่ตรงข้างๆโต๊ะทางด้านนี้เข้าพอดี
“ในตอนนั้นพวกเราก็อยากเป็นเหมือนพวกเขาเหมือนกันใช่ไหม?”
“เหรอ จำไม่ได้แล้ว”
ผู้ชายวัยกลางคนที่ สวมแว่นตาขอบสีทองจ้องมองภาพตรงหน้า พลางเลิกคิ้วขึ้น และเพียงพูดเพียงแค่ว่า ”จำไม่ได้แล้ว”เท่านั้น
ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าสีเขียวเข้มหัวเราะออกมา
“คุณจำไม่ได้อยู่แล้วสิ ก็ในหัวของคุณก็จำได้แต่พวกเพื่อนกลุ่มนั้นในห้องของคุณเท่านั้นใช่ไหมล่ะ?”
“หึงแล้ว?”
“เปล่า ฉันเพียงแค่กำลังคิดว่า ในเมื่อคุณคิดถึงผ.บ.ของคุณขนาดนี้ ตอนนี้ก็ทำแบบนี้กับลูกชายของเขาอีก ต่อไปคุณแก่ตัวไปแล้ว ต่อไปภายหลัง คุณจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร?”
ตอนที่ทั้งสองคนจูงมือกันออกไป ผู้หญิงก็ยืนอยู่ข้างๆเขา หัวเราะออกมาอย่างตำหนิแล้วเอ่ยถามขึ้น
นั่นเป็นเสียงหัวเราะที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
แตกต่างไปจากที่เส้นหมี่เห็นอยู่ที่ทางกลุ่มผู้หญิงทางนั้น ตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบก็รักษาท่าทางที่ดูสูงส่งสง่างามเอาไว้ตลอด
แม้แต่รอยยิ้มนั่นก็ให้ความรู้สึกที่ดูสูงเกินเอื้อมแบบนั้น
แต่ตอนนี้ ในเสียงหัวเราะของเธอ กลับฟังดูเหมือนกับเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันเลย
“นั่นคุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เด็กนั่น โมโหคุณเสียจนเหลือทนเลยใช่ไหม?”
“ก็ประมาณนึง เธอฉลาดอยู่นะ ยังไม่ได้เข้ามาที่ไวท์ พาเลซก็หาผู้ช่วยได้ตั้งเยอะแล้ว เมื่อครู่นี้ฉันเองก็ไม่ได้ทำเมินเฉยใส่เธอนะ”
ผู้หญิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
ดูเหมือนกับมีความรู้สึกที่ล้มเหลวกับการได้มาเจอคู่ต่อสู้ในชีวิตนี้
และหลังจากนั้น เนื่องจากว่าอยู่ไกลจนเกินไป ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกันอยู่แล้ว แต่ตอนที่แสนรักกับเส้นหมี่ทั้งสองคนออกมาจากในห้องโถงจัดงาน ก็พบกับสุชาติคนนั้นที่กำลังพูดคุยอยู่กับคนอีกสองสามคน
“พี่?”
“ชู่ – -”
แสนรักรีบดึงหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเอาไว้ ทั้งสองคนจึงไม่ได้เดินไปเป็นการชั่วคราว