ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 118 ธิป คุณช่วยฉันสักอย่างได้ไหม?
อาหญิงเธอพูดจริงด้วย!
“ไม่ ไม่ต้อง ฉันจองเรียบร้อยแล้ว แต่ว่า ……ถ้าคุณว่างล่ะก็ ไปส่งฉันที่สนามบินหน่อยได้ไหม?”
แป้งร่ำยังไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนอยู่ เสนอให้ผู้ชายคนนี้ไปส่งตัวเองที่สนามบิน
ทันใดนั้นคิ้วแสนรักก็ขมวดเล็กน้อย
แต่สุดท้าย พอเขาดูนาฬิกาบนข้อมือแล้ว ก็ตกลง:“โอเค ผมว่างแล้วจะไปรับคุณ”
“อือๆ”
ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็พอใจ
สำหรับผู้ชายแล้ว สุขาวดีพูดได้ถูกจริงๆ ที่จริงก็เหมือนเล่นว่าว ถ้าคุณจับไว้แน่นไป จะทำให้เขาอึดอัด ยิ่งอยู่ไกลคุณมากขึ้น
ถ้าอยากให้ผู้ชายมาอยู่ในมือให้อยู่หมัด
งั้น ต้องรู้จักผ่อนคลายอย่างพอเหมาะ แค่แบบนี้ เขาก็จะเป็นของคุณตลอดไป
——
ในที่สุดเส้นหมี่ก็เจอคณาธิป ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ใจกลางเมือง
“ธิป ขอโทษนะ เรียกนายออกมากะทันหันแบบนี้ ไม่ได้ถ่วงงานนายใช่ไหม?”
เส้นหมี่เรียกรถมานี่แล้ว เห็นชายหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่ติดหน้าต่างร้านกาแฟ สวมแว่นสีทองด้วยท่าทางสง่างามกำลังรออยู่
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกผิดนิดหน่อย
แน่นอนว่าคนๆนี้คือคณาธิป
“ไม่เป็นไร เวลานี้ เป็นเวลาพักเที่ยงของพวกเราทันที”
คณาธิปสำรวจหญิงสาวที่ในที่สุดก็เข้ามาอย่างไม่พูดอะไร
อาจเพราะกังวลว่าเขาจะมองสภาพที่เธอเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลออก วันนี้ก็ยากที่จะแต่งหน้าบางๆ ใบหน้าเล็กๆที่บอบบางและขาวนวลทาบลัชออนบางๆ ริมฝีปากที่อวบอิ่มก็ทาลิปสติกเล็กน้อย ดูแล้วชุ่มชื่นเป็นพิเศษ
“เหรอ งั้นก็ดี”
เส้นหมี่ที่มีเหงื่อบางๆที่หน้าผากได้ยิน ในที่สุดก็โล่งอก
พอนั่งลงไปที่ฝั่งตรงข้าม เธอกำลังจะเรียกพนักงานเสิร์ฟมา
เวลานี้ คณาธิปก็พูด:“สั่งแล้ว คาปูชิโน่ร้อนแก้วหนึ่ง กาแฟจาเมกาบลูเมาท์เทนแก้วหนึ่ง คาปูชิโน่ของคุณ เพิ่มน้ำตาลเพิ่มนม ใช่ไหม”
“อ๋า?อ่า ใช่……ขอโทษนะ ดูสิแขกต้องมาเลี้ยง”
เส้นหมี่ได้ยิน ก็ได้แต่ยิ้มอย่างอึดอัด
เธอดื่มกาแฟแบบนั้นจริงๆ ทั้งร้อนทั้งใส่นมทั้งเติม สิ่งติดนิสัยแบบนี้ ถ้าดื่มในร้านกาแฟหรูๆแบบนั้น ต้องโดนคนหัวเราะเยาะแน่
คิดว่าเธอหยาบคาย สิ้นเปลืองของดีๆแบบนี้!
แต่แล้วยังไงล่ะ?
เธอชอบ แน่นอนว่าเอาตามรสที่เธอดื่ม ชีวิตขมขื่นเพียงพอแล้ว ทำไมเธอต้องบังคับให้ตัวเองดื่มของขมๆแบบนั้นอีกด้วย?
“เอ่อ……ธิป วันนี้ที่ฉันนัดคุณออกมา เพราะอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณมีเพื่อนเปิดคลินิก อยากให้ฉันไปทำงานที่นั่น ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังต้องการอยู่ไหม?”
“คุณจะไปทำงานเหรอ?”
คณาธิปแปลกใจเล็กน้อย
เส้นหมี่หลบสายตาของเขา:“ใช่ น่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก ดังนั้น เลยหางานก่อน แต่ว่า ไม่รู้ว่าเขาจะให้เงินเดือนต่อปีฉันเท่าไหร่?”
เส้นหมี่หาข้ออ้างไปเรื่อย แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้เขาถามมาก
ยังดีที่ นี่ก็เป็นคนที่รู้จักพูดในสถานการณ์ต่างๆ
“เงินเดือนต่อปี ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดสถานการณ์ของคุณที่เมืองเคลียร์กับเขาแล้ว น่าจะไม่น้อยไปกว่าที่นั่น”
“จริงเหรอ?”
เส้นหมี่ได้ยิน ทันใดนั้นตาคู่นั้นก็เป็นประกาย
เธอเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองเคลียร์ ปีหนึ่งเงินเดือนก็มีเกินล้าน ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นเธอไปทำงานที่คลินิกเพื่อนเขา บางที อาจจะคุยกันได้ ขอจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าครึ่งปี ……
ในที่สุดเส้นหมี่ก็มองเห็นความหวังบ้างแล้ว
“งั้นธิป ฉันไปสัมภาษณ์ตอนนี้ได้ไหม?”
“ตอนนี้?”
“ใช่ อ้อ ใช่แล้ว นายไม่ต้องไปกับฉัน นายเอาที่อยู่กับช่องทางติดต่อให้ฉัน ฉันไปเองได้”
เส้นหมี่กลัวว่าจะถ่วงงานเพื่อน จึงรีบอธิบาย ว่าเธอไปเองคนเดียวได้
แต่พอคณาธิปมองเธอ จู่ๆกลับยืนขึ้นมาแล้วดึงเสื้อคลุมด้านข้าง
“คุณไม่เคยเจอเขา ไปก็อาจจะหาเขาไม่เจอ ผมพาคุณไปละกัน พอดีเลย ตอนนี้คลินิกเขาคนไม่เยอะ ไปได้เวลาพอดี”
“อ๋า?งั้น……โอเค”
พอเส้นหมี่ได้ยิน ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก แน่นอนว่า ทั้งสองออกไปจากร้านกาแฟ
นี่เป็นวิธีการสุดท้ายที่เส้นหมี่คิดได้แล้ว
เธอคิดว่าจะหางานให้ได้ก่อน จากนั้นขอเบิกล่วงหน้า สถานการณ์แบบนี้ เมื่อก่อนตอนเธอเพิ่งไปเมืองเคลียร์ เพราะว่าต้องเลี้ยงลูกสองคน ก็เคยทำมาก่อน
เส้นหมี่ขึ้นรถของคณาธิป
เดิมทีคิดว่าเขาจะพาเธอไปเจอเพื่อนคนนั้นเลย แต่จากนั้นไม่กี่วินาทีถัดมา เส้นหมี่ก็พบว่า เขาดันพาเธอมาที่จัตุรัสแห่งหนึ่งที่ดูรุ่งเรืองสุดๆในใจกลางเมืองก่อน
“เอ่อ……”
“ผมว่าคุณน่าจะไปเปลี่ยนชุดเสียก่อน เพื่อนผมคนนั้นรักความสะอาดมาก ดังนั้นคุณก็รู้ว่า ……”
ชายหนุ่มที่ขับรถหันมา คิ้วที่สวยงามนั้นเหลือบมองไปที่เส้นหมี่ด้วยรอยยิ้ม
เส้นหมี่:“……”
ฉับพลัน เธอก็ก้มหน้าลงมองเสื้อคลุมที่ตัวเองสวมอยู่ หน้าเล็กๆก็แดงทันที
เสื้อคลุมนี้ ก็สกปรกจริงๆ
หลังจากเธออยู่ที่ตึกวังฬาหนึ่ง เสื้อผ้าที่บ้านเช่าไม่ได้เอาไปด้วย สองสามวันนี้จึงสวมเสื้อคลุมที่ตอนนั้นอยู่โรงพยาบาลตลอด และเป็นชุดที่คุณชายคิวลูกชายเธอช่วยเอามาให้
ในที่สุดเธอก็พยักหน้า
แต่ว่า เธอไม่รู้ หลังจากที่ทั้งสองคนขับรถมาจอดที่ห้างนี้แล้ว ด้านหลังก็มีเบนท์ลีย์สีดำเข้ามา……