ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1229 คุณดูสิเธอเหมือนใคร?
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1229 คุณดูสิเธอเหมือนใคร?
เส้นหมี่วิ่งเข้ามา แล้วขวางไว้ตรงหน้าเขา
“เพราะฉันให้คุณตายไม่ได้ เขายังไม่ได้เรียกคุณว่าพ่อเลย ถ้าคุณไม่อยู่แล้ว ฉันจะอธิบายกับเขาอย่างไรล่ะ?”
หน้าผากเธอมีเม็ดเหงื่อบางๆ ใบหน้าใสๆ และสวยงามนั้น ก็มอมแมมเล็กน้อย จากที่ระเบิดเมื่อกี๊
แต่ว่า ตาคู่นั้นของเธอ ตอนนี้มองไปยังพระผู้เฒ่า กลับสว่างชัดเจนเป็นพิเศษ ราวกับเปลวไฟในความมืด เธอหนักแน่นและบริสุทธิ์จนทำให้จิตใจผู้คนเจ็บปวด
“คุณ——”
สุดท้ายพระผู้เฒ่าก็รู้สึกว่าเบ้าตาชื้น
แต่ตอนนี้เอง เส้นหมี่กลับหันไป เธอมองคนแก่เลวทรามที่อยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา
“ฉันออกมาแล้ว คุณก็ปล่อยพวกเขาด้วย!”เธอชี้ไปที่รอบๆ รวมทั้งพระรูปอื่นที่ถูกจับ และก็แสงดาวและภาสดรสามคนพ่อแม่ลูกที่ตามมา
ทศราชเบิกตาโต
เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆ เด็กสาวคนนี้จะออกมาด้วยตัวเอง
ดูเหมือนว่า ผู้หญิงที่ไอ้บ้านั่นชอบ จะไม่ธรรมดา
สุดท้ายทศราชจึงโบกมือ สื่อให้ลูกน้องพวกนั้นปล่อยพวกพระไป
“โอเค ในเมื่อคุณคิดเป็นแบบนี้ งั้นวันนี้ผมก็จะปล่อยพวกเขาไป ไม่ต้องห่วงนะ แค่ถึงตอนนั้นสามีคุณออกมา คุณ ผมก็จะไม่ทำร้าย”
ตอนท้าย เขายังจะปลอบเส้นหมี่อีก
เส้นหมี่ได้ยิน ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น จะตามเขาไป
“ไม่ได้ พวกนายจะพาเธอไปไม่ได้ ไม่ได้”แสงดาวเห็น ก็รีบเข้ามาจะช่วยเส้นหมี่
แต่ว่า ตอนนี้เอง ไม่ใช่ว่าเธออยากจะช่วยก็ช่วยได้ พอขยับ ก็มีปืนจำนวนมากจ่อมาที่เธอ ภาสดรตกใจจนรีบดึงเธอกลับมา
สีหน้าพระผู้เฒ่าก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง!
ที่จริงเขาเป็นคนมั่นคงมากจริงๆ บวชมาหลายสิบปี ทำให้เขามีความเป็นผู้ใหญ่ไปนานแล้ว แม้ตอนแรกๆ จะถูกบังคับให้มาอยู่ที่นี่ แต่เขาที่เข้าทางธรรมมานานแล้ว ทำให้นิสัยของเขาไม่ค่อยเป็นไปตามโลก
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้ เส้นหมี่กับแสนรัก เจอเขาที่ไหน ก็จะดูเฉยเมย
แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหลายปี กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
“ทศราช ฉันแนะนำว่าอย่าแตะต้องเธอดีกว่า ดูสิเธอเหมือนใคร?”
“……”
ทศราชซึ่งกำลังจะขึ้นรถก็หยุดลง หันกลับมามองพระผู้เฒ่าที่จู่ๆ ก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
หมายความว่าไง?
ทศราชเอาสายตามองมา ค่อยๆ ไปไว้ที่บนตัวเด็กสาวที่ถูกพาตัวไปอยู่ข้างหลัง
รวมทั้งคนอื่นๆ ที่หน้าวัด ก็กลั้นหายใจ มองดูด้วยสีหน้างุนงง
กลับเห็นว่า หญิงสาวที่พวกเขาจับในเวลานี้ สวมเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น ผมยุ่งถูกมัดไว้ด้านหลัง ยุ่งจนไม่เป็นทรง ตัวเธอเหมือนเพิ่งถูกดึงออกมาจากกองขยะ
แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทศราชกำลังเฝ้าดูอยู่ ทันใดนั้น เขาก็พบว่า หญิงสาวที่มีใบหน้าสวยงามนี้ ทำให้ร่างของใครอีกคนปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
โดยเฉพาะไฝเล็กๆ ที่หางตาข้างขวา ซึ่งเหมือนกันเป๊ะ
“เธอคือ……เธอคือ……?!!”
“ใช่ เธอคือหลานสาวของอนงค์ ตอนนั้น อนงค์กับพี่ชายนายสร้างระบอบใหม่นี้ร่วมกัน ต่อสู้อย่างหนักมากว่าสิบปี เพื่อประเทศนี้ เธอถึงกับยอมทิ้งลูกสาวตัวน้อย เสียสละชีวิต ตอนนี้มีรูปปั้นของเธอที่สวนเอินหลิง ทางที่ดีนายคิดให้ดีเถอะ จะแตะต้องหลานสาวของเธอไหมล่ะ?”
ประโยคสุดท้ายของพระผู้เฒ่า มาพร้อมความรุนแรง!
และตอนนี้เอง ดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็ได้กลับไปยังช่วงเวลาที่เขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ดวงตาของเขาเหมือนคบเพลิง ลมหายใจของเขา เหมือนสัตว์ร้ายในป่า แค่ได้มอง ก็กลัวจนตัวสั่น
สีหน้าทศราชซีดขาวไปตรงนั้นทันที
อนงค์?
ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่มีชื่อเสียงพอๆ กับพี่ชายเขา และในประวัติศาสตร์ก็ยังเป็นฮีโร่สาวเปิดประเทศที่มีชื่อเสียงด้วย?!
ไม่ ไม่จริง ผู้หญิงคนนี้ จะเป็นหลานของเธอได้อย่างไร?ไม่ได้บอกเหรอว่า ตอนนั้นอนงค์ต้องทิ้งลูก เพื่อการปฏิวัติ?
ทำไมกลายเป็นเด็กสาวคนนี้ที่เป็นลูกหลานของเธอได้?
“ไม่ นายโกหก เธอจะเป็นหลานสาวของอนงค์ได้ไง?ตอนนั้น หลังจากพี่ชายฉันมีอำนาจแล้ว ก็เอาแต่หาลูกสาวของอนงค์มาเสมอ แต่ไม่เคยได้หาเจอเลย แล้วจะกลายเป็นหลานสาวของเธอได้ไง?”
ตาแก่นี่ ไม่เต็มใจที่จะยอมรับเลย
พระผู้เฒ่าเห็นเข้า ก็เยาะเย้ยตรงนั้น:“ทำไมจะไม่ได้?ภารกิจแรกของฉันในฐานะผ.บ.หน่วยรบพิเศษ ก็คือหาลูกหลานของสาวผู้มีความดีคนนี้ ใช้เวลากว่าสามปี ก็เจอญาณีแม่ของเธอ”
“ญา……ญาณี?”
“ใช่ เธอถูกตระกูลอัครนันท์เลี้ยงไว้ ตอนนั้นอนงค์ต้องเอาเด็กเก็บไว้ เพราะว่าเด็กป่วยหนัก ดังนั้นผู้คุมของเธอจึงพาเด็กไปไว้ที่ตระกูลอัครนันท์ ตระกูลอัครนันท์ในตอนนั้น เป็นตระกูลด้านการแพทย์ ทักษะทางการแพทย์ของพ่อธนาตย์นั้นขั้นเทพ ดังนั้นจึงอยู่ในบ้านของพวกเขา”
เวลานี้พระผู้เฒ่ากลับไม่ปิดบัง เขาพูดเรื่องนี้ออกมาทั้งหมด