ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 127 เล่นจนหมดแรง
เส้นหมี่ไม่กล้านั่งเครื่องเล่นใดๆเลย เพราะเธอยังมีแผลอยู่
ดังนั้น เธอจึงไปซื้อของกินมาให้ลูกๆ
“รบด้วยค่ะ ขอนมร้อนสามแก้ว แล้วก็ปีกไก่ย่างสามชิ้น ไข่ปลาสามชุดค่ะ”
“ได้ค่ะ”
ทุกอย่างล้วนแต่สั่งไปสามชุด เถ้าแก่เนี้ยดีใจมาก รีบเตรียมทุกอย่างให้ทันที
เส้นหมี่ได้มาแล้ว จึงรีบหิ้วของเหล่านี้ไปหาลูกๆ
เวลานี้ความจริงแล้วไม่ได้มีคนมากนัก แต่เด็กๆที่เข้ามาในนี้ล้วนแต่พากันเล่นอย่างสนุก พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่าในฤดูนี้จะหนาวหรือเปล่า
เส้นหมี่เองก็หาตัวลูกชายตัวน้อยที่กำลังเล่นเรือโจรสลัดอยู่จนเจอในบรรยากาศแบบนี้
และยังมีลูกคนโตที่กำลังเล่นม้าหมุนเป็นเพื่อนน้องสาวของเขาอยู่
ความรู้สึกแบบนี้ ช่างดีมากจริงๆ
เส้นหมี่ตะโกนขึ้นมา : “คิวคิว ลงมาได้แล้วครับ หม่ามี๊ซื้อของมาแล้วนะ”
“อ่อ รู้แล้วครับ”
และนี่คิวคิวก็เล่นไปพอประมาณแล้ว เมื่อได้ยินหม่ามี๊ตะโกนเรียก เขาก็รีบลงมาจากเรือโจรสลัดทันที
จากนั้นทางชินจังที่อยู่ตรงม้าหมุนนั้นก็พาน้องสาวกลับมาด้วยเช่นกัน
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ วันนี้รินจังมีความสุขมากเลยค่ะ พี่ชินจังปกป้องหนูตลอดเลย”
รินจังลงมาแล้ว เมื่อเห็นหม่ามี๊ ก็วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจทันที
เส้นหมี่กอดเด็กน้อยน่ารักคนนี้เอาไว้ : “ใช่ไหมคะ พี่ชินจังเก่งขนาดนี้เลย ถ้าอย่างนั้นจะต้องให้รางวัลแล้วล่ะ ชินชิน มานี่สิครับ หม่ามี๊กอดหนูด้วย”
เส้นหมี่ยิ้มแล้วดึงตัวลูกชายคนโตเข้ามาด้วยเช่นกัน
ชินจังถูกหม่ามี้ให้รางวัลแบบนี้แล้ว ใบหน้าเล็กๆนั้นแดงระเรื่อ แล้วก้มหน้าลงอย่างอายๆในทันที
เด็กคนนี้ แตกต่างจากคิวคิวจริงๆ คิวคิวอยู่กับเส้นหมี่ นิสัยจึงค่อนข้างไปทางสดใสร่าเริง ถึงแม้ว่าจะสามารถดูแลน้องสาวได้ แต่เทียบกับเขาแล้ว ก็จะยังขาดความสุขุมไปอยู่บ้างเล็กน้อย
บางทีนี่ก็คือสภาพแวดล้อมในการเติบโตจริงๆสินะ
เส้นหมี่มองขอบฟ้าที่มืดลงแล้ว ในใจก็แอบคิดขึ้นมา
“คิวคิว ชินชิน พวกเราทานเสร็จแล้วก็กลับกันเลยดีไหมครับ? ฟ้ามืดแล้ว”
“ได้ครับ หม่ามี๊”
“ครับ หม่ามี๊”
เด็กน้อยทั้งสองคนตอบรับพร้อมกัน
รินจังยังคงกำลังดื่มชานมหวานๆอยู่นั้น ได้ยินหม่ามี๊บอกว่าจะกลับไปแล้ว ดวงตาที่เป็นประกายก็เงยขึ้นมามอง
“หม่ามี้คะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะกลับไปที่ไหนคะ? กลับไปหาแด๊ดดี้หรือเปล่า?”
ทุกคนยังไม่มีใครบอกเด็กน้อยที่ใสซื่อคนนี้ ว่าเธอถูกแด๊ดดี้ไล่ออกมาแล้ว
“ไม่ค่ะ ตอนนี้หม่ามี๊หายดีแล้ว พวกเราก็กลับบ้านของเราสิคะ กลับไปด้วยกันกับพวกพี่ด้วยดีไหม?”
“ก็ได้ค่ะ”
เด็กน้อยยังคงมีอารมณ์หม่นหมองอยู่บ้าง ในหัวใจดวงน้อยๆของเธอ ชอบที่จะอยู่บ้านหลังใหญ่อยู่แล้ว
อีกทั้งที่สำคัญที่สุดก็คือ นั่นคือแด๊ดดี้
ในขณะนั้น สี่คนแม่ลูกก็เตรียมจะกลับบ้านกัน
และเวลานี้ ก็ต้องมาเผชิญกับความมืดยามค่ำคืนแล้ว
มาถึงจุดนี้แล้ว ก็จะต้องเตรียมอาหารเย็น ถึงแม้ว่าเด็กๆจะทานอะไรมาบ้างแล้วที่สวนสนุก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่หาใส่ท้องมาก่อนเท่านั้น ตอนเย็นจะต้องเตรียมมื้อหลักเอาไว้อีกด้วย
หลังจากที่เส้นหมี่พาลูกๆกลับมายังเขตเมืองเก่า ก็ไปซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต หลังจากนั้นถึงได้กลับไปยังบ้านเช่า
“ลูกๆคะ เย็นนี้อยากทานอะไรกันดี?”
“ผมอยากกินบะหมี่ผัดซอสของหม่ามี๊ครับ!”
“หนูด้วยค่ะ พี่ชินจัง หนูจะบอกให้นะ บะหมี่ผัดซอสของหม่ามี๊อร่อยมากเลยนะคะ แม้แต่อาธิปก็กินมาแล้ว คิดถึงตลอดเลย”
รินจังลูกรักเป็นแก้วตาดวงใจคนหนึ่ง ได้ยินว่าจะกินบะหมี่ผัดซอสแล้ว ก็อดที่จะแนะนำให้กับพี่ชายที่มาอยู่ที่บ้านอย่างเป็นทางการไม่ได้
แต่เธอเอ่ยถึงอาธิป……
เส้นหมี่รีบขัดเด็กน้อยขึ้นมา : “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ทานบะหมี่ผัดซอสแล้วกันนะคะ คิวคิว ลูกพาพี่ไปล้างหน้าก่อน รินจังหนูเปิดเตาเอาไว้ให้หน่อยสิคะ เดี๋ยวหม่ามี๊จะไปทำให้พวกหนู”
“โอเคครับ หม่ามี๊”
“หม่ามี๊ รับทราบค่ะ”
ลูกทั้งสามคนตอบรับอย่างว่าง่าย
แล้วเส้นหมี่ถึงได้เอาอาหารที่ซื้อมาเข้าไปในห้องครัว จากนั้นก็วุ่นอยู่ครัว
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดบะหมี่ผัดซอสก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กๆได้กลิ่นหอมที่ชวนดึงดูด ก็พากันวิ่งมาทางห้องครัว แล้วยื่นศีรษะเล็กๆเข้ามาดูกัน
แม้แต่ชินจังที่เป็นคนสำรวมมากนั้น ก็แอบวิ่งตามน้องชายกับน้องสาวมาด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น หม่ามี๊ก็ยกออกมา
“มาค่ะ นี่ของรินจังลูกรักของพวกเรา”
“ว้าว ขอบคุณค่ะหม่ามี๊!” สาวน้อยน้ำลายไหลออกมาแล้ว
เส้นหมี่หัวเราะ แล้วยกอีกสองชามของลูกชายออกมา แต่เนื่องจากว่าในบ้านเตรียมถ้วยชามของเด็กเอาไว้เพียงแค่สองใบเท่านั้น ดังนั้นครั้งนี้จึงมีชามหนึ่งที่ใช้ชามของผู้ใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ ชามนี้ให้พี่เลยครับ”
คิวคิวเองก็เป็นเด็กที่รู้ความมากคนหนึ่ง หลังจากที่เห็นฉากนี้แล้ว ก็ดันชามของเด็กให้กับชินจังพี่ชายของตัวเอง
เส้นหมี่เห็นแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกปลื้มใจขึ้นมา
นี่ก็คือลูกๆของเธอ แต่ละคนก็ยิ่งรู้ความ ยิ่งน่าเอ็นดู เธอยังมีอะไรที่จะให้ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?
เธอมองเด็กๆทานกันอย่างเงียบๆ ซักพักนึง ก็ลุกขึ้นไปที่ห้องนอน
“ตู๊ด….ตู๊ด ตู๊ด…..”
ในขณะที่กดโทรออกนั้น เธอยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร เธอก็ได้สร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้
และเป็นอย่างที่คิด หลังจากที่กดรับสายแล้ว เสียงตวาดด้วยความโมโหก็ดังสนั่นขึ้นมา : “แสนรัก ผมจะต้องฆ่าคุณให้ได้!!”