ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 128 ความอัปยศอย่างใหญ่หลวง
เส้นหมี่ : “…….”
เอ่อ อย่าเอะอะอะไรก็พูดเอาแต่คำว่าฆ่าเธอได้ไหม? เขารู้หรือเปล่าว่าแบบนี้จะเป็นการสอนสิ่งที่ไม่ดีให้กับลูกนะ?
เส้นหมี่ถอนหายใจออกมา : “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ คุณมารับลูกได้แล้ว”
“คุณว่าอะไรนะ?”
แสนรักที่วนไปที่เมืองเคลียร์แล้ว กำลังอยู่ในอารมณ์ของความโมโหก็ค้างอยู่ตรงนั้นทันที
รับลูก?
ราบรื่นขนาดนี้เลยหรือ?
เขาก้มลงมองเมืองที่กำลังจะเริ่มบินลงจอด
เส้นหมี่ไม่ได้ยินคำตอบของเขาอยู่นาน คิดว่าเขาไม่เข้าใจ จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
“สรุปแล้วคุณจะมาหรือไม่มา? ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ให้ลูกนอนที่นี่แล้วกัน พรุ่งนี้คุณก็อย่ามาพูดว่าที่บ้านเช่าของฉันน่ะเป็นสถานที่แย่ๆ เลี้ยงดูลูกทำให้แย่ไปด้วยแบบนั้นแล้วก็นะ”
“……..”
และนี่ในเฮลิคอปเตอร์นี้ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
บ้านเช่า?
ยังให้เขาไปรับลูกที่นี่อีกอย่างนั้นเหรอ?
ดังนั้น ผู้หญิงที่สมควรตายไม่ได้ออกไปจากเมืองAเลยเสียด้วยซ้ำ และก็ยังพาลูกทั้งสองคนไปที่ที่เธอพักอยู่ด้วยอย่างนั้นใช่ไหม?!!
แสนรักที่ยังไม่ได้หายใจเลยนั้น ก็เกือบจะถูกทำให้เส้นเลือดอุดตันตายอยู่ตรงนั้นแล้ว!
“ท่านประธาน พวกเราจะลงจอดกันแล้วนะครับ ที่ลงจอดก็คือโรงพยาบาลเคลียร์ พวกเราสามารถจอดลงที่ดาดฟ้าได้เลยครับ”
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ บอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอ่ยพูดขึ้นมาแบบนี้
ทันใดนั้นเอง เส้นหมี่ที่อยู่ในสายก็ได้ยิน ดวงตาเบิกโตขึ้น : “พระเจ้า แสนรัก คุณ…..คุณไปที่เมืองเคลียร์เหรอ?”
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้เลย! เส้นหมี่ ผมจะบอกคุณให้นะ ผมไม่มีทางยกโทษให้คุณเด็ดขาด คุณรอก่อนเถอะ!”
หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็วางสายไป
นี่เป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวงเลยจริงๆ!
เขามีชีวิตมาเกือบสามสิบปี ไม่เคยถูกใครมาหลอกแบบนี้มาก่อน!!
——
เส้นหมี่รู้สึกเป็นกังวลมาก
เธอรู้สึกว่าผู้ชายเลวๆคนนั้นจะต้องไม่ปล่อยตัวเองไปอย่างแน่นอน เดิมทีแค่คิดอยากจะหยอกเขาเล่น ทำให้เขาร้อนใจ และได้ลองรสชาติของการถูกแกล้งบ้าง
แต่คิดไม่ถึงว่า เผลอแวบเดียวก็จะไปที่เมืองเคลียร์แล้ว
จบกัน!
ครั้งนี้จบกันจริงๆแล้ว!
เส้นหมี่ไม่กล้านอนหลับเลยเสียด้วยซ้ำ หลังจากที่ลูกๆหลับแล้ว เธอจึงอยู่ในห้องรับแขก ยันเปลือกตาทั้งสองข้างที่ลืมไม่ขึ้นไปพลางรอไปด้วย
และเป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากที่รอจนประมาณช่วงตีสาม ตามจากเสียงที่ดังปึงจากทางด้านนอก และมีเสียงประตูรถปิดลง เธอรีบตื่นขึ้นมาทันที
นั่นเป็นร่างที่น่ากลัวพอสมควรจริงๆ
เธอนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงหน้าต่าง ในแสงที่มืดขนาดนั้น ล้วนสามารถรู้สึกได้ถึงความอาฆาตของคนๆนั้นที่ออกมาจากด้านในรถ รอจนตอนที่เขาก้าวเดินมาทีละก้าว เธอก็พบว่าทั้งตึกนี้ล้วนมีแต่ความเยือกเย็นเข้ามา
น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ!
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะรบกวนกับลูกๆทั้งสามคนเส้นหมี่จึงล็อกห้องของลูกเอาไว้ หลังจากนั้นถึงได้ไปที่หน้าประตู
“อา–”
เมื่อถึงหน้าประตู ก็มองสบตากับดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น เส้นหมี่ก็กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจในทันที เกือบจะเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้น
พระเจ้าเถอะ!
ประสาทไปแล้ว!!
เธอรู้สึกโมโหแล้ว : “แสนรัก! คุณเป็นบ้าเหรอ? ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? คุณอยากจะทำให้คนตกใจตายใช่ไหม?”
ชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านนอกหัวเราะเยาะขึ้น ยื่นเท้าออกมาถีบประตูก็ถูกเขาเตะจนเปิดออกแล้ว
“เหอะๆ ตกใจ? ผมแม่งไม่ทำให้คุณพังทลายไปเลยนี่ก็ไม่เลวแล้วนะ!”
“……….”
เส้นหมี่ไม่อยากจะพูดกับคนบ้าๆคนนี้แล้ว และแม้แต่ตอนที่เขายังไม่มาในช่วงก่อนหน้านี้ความไม่สบายใจและความอับอายที่อยู่ในใจนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยเช่นกัน
“ลูกล่ะ?”
“นอนแล้ว”
“อุ้มออกมา!”
“คุณไม่ไปอุ้มล่ะ? ทำไมต้องให้ฉันไปอุ้มด้วย?”
เส้นหมี่ไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่นิดเดียว เธอนั่งลงตรงหน้าเตาไฟฟ้าอุ่นๆ แล้วก็หยิบมันฝรั่งที่วางอยู่ข้างๆห่อหนึ่งขึ้นมากิน
ท่าทางไม่ได้ดูเย็นชาจนเกินไป
ในใจของแสนรักนั้นลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เวลานี้ เห็นของที่เธอกินแล้ว กลิ่นหอมของอาหารว่างบางอย่างตลบอบอวลอยู่ในอากาศ เขาที่ไม่ได้น้ำซักหยดมาเป็นเวลาสิบกว่าชั่วโมงนั้น ก็กลืนน้ำลายลงไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ท่านประธาน ถ้าไม่อย่างนั้นให้พวกผมเข้าไปพาคุณชาย…..”
“พวกนายอย่ามาแตะต้องนะ แสนรักฉันจะบอกคุณให้นะ ลูกชายของฉันกำลังหลับอยู่จะให้คนแปลกหน้ามาแตะต้องไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาตกใจเข้า ฉันไม่ยกโทษให้คุณแน่!”
เส้นหมี่ได้ยินประโยคนี้แล้ว ในที่สุดก็ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง
เธอจ้องเขม็งด้วยความโมโห ปฏิเสธด้วยคำพูดที่เด็ดขาดที่จะให้บอดี้การ์ดมาอุ้มลูก
เดิมทีก็คือ ตอนที่เด็กๆหลับสิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงมากที่สุดก็คือการโดนคนแปลกหน้าอุ้ม ต่อให้พวกเขาจะฉลาดกว่านี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กอายุห้าขวบเท่านั้น
และด้านนอกก็หนาวขนาดนั้น ไม่กลัวหนาวจนแข็งอย่างนั้นรึไง?
แสนรักเองก็คิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่แล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงโบกมือ ให้บอดี้การ์ดสองสามคนนั้นออกไป
“วันนี้มันเรื่องอะไรกันแน่? พวกคุณไปสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คุณแสนรัก คุณอย่าคิดว่าคุณอื่นจะสกปรกขนาดนั้นได้ไหม? อะไรที่บอกว่าสมรู้ร่วมคิด? พวกลูกชายของฉันทนเห็นคุณรังแกฉันต่อไปไม่ได้แล้วต่างหาก ถึงได้ช่วยฉัน”
เส้นหมี่พยายามสู้ด้วยเหตุผล อีกทั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับลูกชายของตัวเอง
ข้อมูลนั้น หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินแล้ว ก็รู้สึกโมโหเสียจนหัวเราะออกมา : “พวกเขาช่วยคุณ? ตั๋วเครื่องบินนั่นมันคืออะไร? คุณอย่าบอกนะว่านั่นพวกเขาก็เป็นคนจอง?”
“แปลกมากไหม? ลูกชายฉันรู้และเข้าใจข้อมูลของฉันอย่างชัดเจน แม้กระทั่งสามารถสร้างบัตรประชาชนของฉันอัตโนมัติทางอินเตอร์เน็ตได้เพื่อจองตั๋วได้ ยากมากไหมคะ?”
“…….”
“อ่อ ใช่สิ ชินชินเองก็มีส่วนร่วมด้วยนะคะ เขาให้เงินมาด้วย”
เส้นหมี่กัดมันฝรั่งอีกแผ่น รสชาตินั้น อย่าให้พูดถึงความอร่อยเลย
หลังจากที่แสนรักได้ยินแล้ว ในที่สุดก็รู้สึกโมโห อาการปวดที่คุ้นเคยแบบนั้นในหัวแพร่มาจากตรงขมับทั้งสองข้าง……