ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1318 ภารกิจ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1318 ภารกิจ
“ประธานครับ ถ้า…คุณไม่อยากไป ผมสามารถช่วยได้”
“ไม่ต้อง”
คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะปฏิเสธ
เขายืนนิ่งมองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วยจากประตูห้องเป็นเวลานาน แม้ว่าตอนที่พูดถึงเด็กคนนั้นสายตาเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แต่ในตอนนี้เขากลับไม่ให้คนอื่นไปทำแทน
คืนนั้นเขาออกจากญี่ปุ่นแล้วบินไปเมืองหลวง
เดอะวิวซี
เมื่อได้ข่าวว่าเขาจะมา แม้ว่าตอนที่เครื่องบินมาถึงเมืองหลวงจะเป็นเวลาเช้ามืด แต่ไชยันต์ยังคงรออยู่ในห้องหนังสือ
“กลับมาแล้ว คุณชายเล็กกลับมาแล้ว!”
“จริงเหรอ? งั้นเร็วไปเอาซุปที่ตุ๋นเสร็จแล้ว แล้วก็กับข้าวไปจัดที่โต๊ะ เขานั่งเครื่องบินมานานจะต้องหิวแล้วแน่ๆ”
“ได้…”
เหล่าคนรับใช้ที่เดอะวิวซีก็ต่างยังไม่นอน
หลังจากที่รู้ว่าตอนเย็นคุณชายเล็กจะกลับมาก็รีบเตรียมอาหารเย็นไว้มากมายในครัวแล้ว และยังรอตั้งแต่ตอนนั้น
ดังนั้นตอนที่ม็อกโกรับแสนรักมาจากสนามบิน พอมาถึงประตูเดอะวิวซีก็เป็นเวลาตีหนึ่งตีสองแล้ว เขากลับเห็นไฟห้องโถงที่ยังคงสว่าง ชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังถือไม้เท้ายืนรอเขาหน้าโต๊ะอาหารที่แสนหลากหลาย
ส่วนด้านข้างก็เต็มไปด้วยคนรับใช้ที่มายืนต้องรับเขาอย่างดีใจ
“ดูสิ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่เห็นนายกลับมา ตอนนี้นายรู้ถึงระดับความฮอตของตัวเองที่เดอะวิวซีแล้วใช่ไหม?”
ม็อกโกเห็นก็อดแซวอย่างอิจฉาไม่ได้
ต้องรู้ว่าคุณชายใหญ่อย่างเขาไม่มีการต้อนรับแบบนี้
แสนรักเม้มปากไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้ทุกคนแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก”
ตีสองคืนนั้นปู่หลานทั้งสามคนต่างทานข้าวกันอยู่นาน
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี เด็กคนนั้นถูกบังคับให้เกิดมายังโลกนี้ ถ้าหากเขารู้ว่าเขายังสามารถช่วยแม่ของตัวเองได้ เขาที่ล่วงลับไปแล้วก็คงจะดีใจ”
ไชยันต์ได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็พูดเกลี้ยกล่อม
พูดจบแสนรักที่กำลังถือตะเกียบก็ชะงัก!
ดีใจ?
“ใช่ ฉันว่าที่คุณปู่พูดมีเหตุผล นายคิดดูนะ ครั้งนี้เขาสามารถช่วยแม่ได้ หากหลังจากนี้หมี่หายดีแล้ว ไม่แน่ว่าหากท้องอีกครั้ง เขาอาจมาเกิดใหม่ก็ได้?”
ม็อกโกพูดล้อเล่น
แสนรัก “…”
ชั่วขณะนั้นตรงหัวใจเขา หลังจากเหมือนมีอะไรหนักๆมาโจมตีอย่างแรง
หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนบ่าย ในใจก็ไม่รู้สึกผ่อนคลายมาก่อน ใจเขาหนักอึ้งราวกับกดทับด้วยก้อนหิน ในที่สุดก็หายไปแล้ว
ใช่ เขาควรจะคิดอย่างนั้น
ไม่ใช่เอาแต่ทุกข์ใจจากความรู้สึกละอายใจและเอาแต่โทษตัวเองที่คิดว่าการที่เด็กคนนั้นถูกทำให้เกิดมาในโลกนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นความผิดของเขา ที่เขาไม่สามารถปกป้องพวกเขาสองคนแม่ลูกได้
แต่ในความจริงใครจะพูดได้ นี่อาจเป็นการกอบกู้ที่กำหนดไว้แล้วในความมืดก็ได้?
ในที่สุดคืนนั้นแสนรักก็หลับสนิท
วันต่อมา
หลังจากที่ตื่นเขาก็เตรียมตัวจะขับรถไปวัดวรสานส์ แต่จู่ๆไชยันต์ก็มาหา
“ฉันจะไปกับนายด้วย”
“?”
เขามองชายชรา ไม่พูดอะไรอยู่นาน
ม็อกโกเป็นคนดึงสติเขากลับมา “เขากับพ่อนายตั้งแต่ที่รู้เรื่องก็ไม่เคยไปดูเองและไม่เคยได้พูดอะไร ตอนนี้จึงอยากไปดู”
แสนรัก “…”
ก็ได้
สุดท้ายปู่หลานก็ออกเดินทาง
วัดโบราณพันปีในหลายเดือนต่อมาไม่กี่เดือนต่อมา ในป่าเขียวขจี ทิวทัศน์ระหว่างทางยิ่งสวยงาม ราวกับเป็นป่าบนภูเขาที่เกิดใหม่หลังหายนะผ่านพ้นไป
ต้นไม้ถูกทำลาย หลังจากเดือนผ่านมาต้นไม้เหล่านั้นก็งอกขึ้นใหม่ มีชีวิตใหม่
ส่วนน้ำในลำธาร ดอกไม้ป่า นก…ก็เป็นเช่นนั้น
แสนรักใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงหน้าวัดโบราณแห่งนี้
“โยมรักมาแล้ว ผมจะไปเชิญท่านอาจารย์”
หลังจากที่เณรน้อยที่ประตูวัดเห็นแสนรักก็วิ่งไปหาพระชราทันที
แสนรักยืนรอเงียบๆที่ประตู
แต่หลังจากที่ไชยันต์เห็นก็คิดได้ว่าเป็นเวลาสามสิบปีแล้วที่ไอ้สารเลวนั่นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าตีนเขาเป็นบ้าน พ่อและพี่น้องของเขา
แต่ก็ไม่เคยได้เห็นหน้า
เขาโกรธมาก
“ไอ้สารเลว!” เขาด่า
แสนรัก “…”
ช่างเถอะ เรื่องระหว่างพ่อลูก เขาคร้านจะสนใจ
เขารอจนกระทั่งพระชราออกมาจึงเดินตรงไปหา “ผมมาที่นี่เพื่อรับศพเด็กคนนั้น หมี่บอกว่าตอนนั้นคุณเป็นคนฝัง ใช่ไหมครับ?”
พระชราอึ้ง “ใช่ ทำไมถึง…กะทันหันขนาดนี้?”
เขาแสดงความประหลาดใจที่น้อยนักจะแสดงออกมาจากสีหน้าที่สงบ
คงเป็นเพราะนักบวชได้เห็นวิญญาณที่กลับเป็นเถ้าธุลีแล้วยังต้องขุดออกมาอีก ในใจคงไม่อยากจะเห็นภาพนั้น
ไชยันต์ที่อยู่ข้างๆเห็นก็จิ้มไม้เท้าในมือแล้วก่นด่า “นี่มันกะทันหันมากเหรอ? คุณซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่ได้ก้าวออกจากประตู รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นด้านล่างภูเขาบ้าง?”
พระชรา “…”
แสนรัก “…”
เวลาผ่านไปนานเขาก็ยังคงไม่พูดอะไร เขาให้พระชรานำทางไปหาศพเด็ก