ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1323 ฉันเคารพ คุณถ่อมตน
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1323 ฉันเคารพ คุณถ่อมตน
“มะ…มะแม่…”
ในที่สุดหนูดาราที่กำลังร้องไห้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ตะโกนอีกครั้งอย่างด้วยคำที่ฟังไม่ชัดเจนแล้วร้องไห้หนักยิ่งขึ้นไปอีก
แสงดาวหัวใจแตกสลายแล้วจริงๆ
เธอพุ่งเข้าไป หลังจากที่เห็นลูกสาวที่ยังคงถูกผู้หญิงคนนั้นอุ้มอยู่ ก็ยื่นมือเข้าไปแย่งตัวเธอออกมา
“พอแล้ว พอแล้ว ไม่ร้องแล้วนะคะ แม่อยู่นี่แล้ว หยุดร้องดีไหมคะ?”
“ฮือ~~~”
เด็กน้อยถูกแม่อุ้มไว้ในอ้อมแขน
ในที่สุดเสียงร้องก็เบาลง แต่เธอยังคงสำลักบ้างบางที ใบหน้าน้อยเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูก
ซึ่งจะเห็นเธอในสภาพแบบนี้ได้น้อยมาก
เพราะเด็กคนนี้ชอบหัวเราะจริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตน้อยมากที่จะเห็นเธอร้องไห้
แสงดาวปลอบเธออยู่ครู่ใหญ่เด็กน้องถึงจะสงบลงได้ จากนั้นเด็กน้อยที่เหนื่อยจากการก็หลับไปในอ้อมแขนแม่
แสงดาวเห็นดังนั้นจึงอุ้มลูกสาวด้วยมือข้างหนึ่ง พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หญิงวัยกลางคนที่พาตัวลูกไปอย่างดุดัน
“คุณพาเธอมาทำไม?”
“ไม่…ไม่ใช่นะ ฉันเห็นเธอเอาแต่ตามฉันตลอด พออุ้มเข้าไปถามที่แผนกกุมารเวชก็ไม่มีใครรู้จักเด็กคนนี้ ดังนั้นฉันก็เลย…ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เลยพาเธอกลับมา”
“ฉันก็อยู่ตรงนั้น คุณพาเธอเข้าไปถามตั้งแต่เมื่อไร?”
แสงดาวยังคงไม่เชื่อ เธอยังคงก่นด่า
เชียนหยวนล๋ายเย่ยืนฟังอยู่ข้างๆ กังวลว่าจะทำให้เด็กตกใจตื่นจึงรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อม
“พี่สาว เราพาเด็กกลับไปก่อนเถอะ ให้อากิยามะจัดการเถอะ ไม่ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ดี หรือตั้งใจก็ดี อากิยามะจะจัดการให้อย่างดีแน่นอน”
เสียงของเธออ่อนโยนมาก
แต่เมื่อพูดถึงคณาธิป น้ำเสียงของเธอกลับหนักแน่นเป็นพิเศษ
แสงดาวจึงพาตัวเด็กกลับไปด้วยความโกรธ
หญิงวัยกลางคนเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือผู้หญิงที่อุ้มเด็กคนนั้นกลับไปแล้ว แต่หญิงสาวที่สวมชุดทำงานผมยาวหนาสีดำมัดผมด้วยลูกปัดทรงกลม…
เธอออกไปพักหนึ่งจากนั้นก็กลับมาอีก
“พวกคุณจับตาดูเธอให้ดี เดี๋ยวอากิยามะเสร็จธุระจะกลับมาจัดการ”
“ครับ เชียนหยวน ฮอน”
เมื่อกองกำลังที่มาจากประเทศเดียวกันได้ยินคำสั่งจากว่าที่นายหญิงในอนาคต พวกเขาก็ก้มหน้าตอบรับทันที
หญิงวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ทำไมต้องจับตามองฉันด้วย? ฉันก็คืนเด็กให้แล้ว ทำไมถึงต้องขังฉันไว้ที่นี่ราวกับนักโทษ?”
“เพราะตัวคุณมีสิ่งที่น่าสงสัยจริงๆ” หญิงสาวไม่หยิ่งยโสหรือถ่อมตน
“ก่อนอื่น พี่สาวพูดถูก ในกรณีแบบนั้นคุณสามารถส่งเด็กไปที่แผนกกุมารเวชได้ แม้ว่าคุณจะหาใครไม่พบก็ตาม คุณก็ไม่สามารถพาเด็กกลับบ้านโดยพลการได้ จุดนี้มันผิด”
“…”
“ยังมีอีก ฉันเคยเรียนทักษะทางการแพทย์มาเล็กน้อย หนูดาราเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวาร่าเริงอยู่เสมอ แต่เมื่อครู่กลับร้องไห้หนักจนดูผิดปกติมาก ฉันต้องการตรวจเด็กเพื่อให้คลายความสงสัยในตัวคุณ”
หญิงสาวญี่ปุ่นคนนี้สังเกตได้แม้กระทั่งสิ่งนี้จริงๆ
เธออธิบายให้ฟังอย่างมีหลักการและอ่อนโยน แต่ทุกคำพูดกลับทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกราวกับว่าตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ร่างกายหนาวสั่นไปหมด
ทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงได้ฉลาดเช่นนี้?
มองออกแม้แต่สิ่งนี้?
หญิงวัยกลางคนหน้าซีดไปหมด
——
เชียนหยวนล๋ายเย่กลับมาถึงบริษัท
ผู้ช่วยเค “หนูเย่ เธอกลับมาแล้วเหรอ? เป็นยังไงบ้าง? เจอลูกของคุณหนูรึยัง?”
เชียนหยวนล๋ายเย่ “เจอตัวแล้ว ไม่เป็นอะไร ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้ทำงานล่าช้า ตอนนี้ฉันต้องทำอะไรไหมคะ?”
เธอแสดงสีหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง
ผู้ช่วยเคเห็น จะตัดใจตำหนิเธอได้ลงคอได้อย่างไร?
อีกอย่างเธอก็เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เดิมทีก็ไม่มีงานอะไรทำตั้งแต่แรก ถึงมี เขาก็คงไม่ต่อว่าเธออย่างใจร้าย
ตอนนั้นเองเขาจึงให้เธอไปส่งและรับงานที่แผนกโฆษณา
เชียนหยวนล๋ายเย่เดินกอดกองเอกสารไป
“เชียนหยวน ฮอน?”
บังเอิญมากหลังจากที่เธอออกมาจากแผนกวางแผน ก็เจอกับอากิโกะ นากาจิมะที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบน
เชียนหยวนล๋ายเย่ทำได้เพียงหยุด
“มีอะไรเหรอ? อากิโกะ?”
“เปล่า ฉันแค่อยากจะเตือนเธอว่า การที่เธอจู่ๆก็ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องขออากิยามะ เขาจะไม่มีพอใจได้ เธอต้องรู้ไว้นะว่าตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีที่คิดจะแต่งงานกับเธอเลย”
“…”
เพียงประโยคชั้นประโยคเดียว ใจของหญิงสาวรู้สึกเศร้า
อากิยามะไม่เคยพูดเลยว่าเขาจะแต่งงานกับเธอจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานหรอก ตั้งแต่เธอมาที่นี่เขาก็ไม่เคยพาเธอไปปรากฏตัวในงานสำคัญ สำหรับฐานะของเธอ เขาไม่เคยอธิบายต่อหน้าคนนอก
อย่างมากที่สุด ถ้ามีคนถามก็ตอบว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลคิววาย
สีหน้าเชียนหยวนล๋ายเย่หม่นลง
“จริงเหรอ?”
“แน่นอนว่าจริง ดังนั้นเธอบอกให้คนเหล่านั้นกลับมา มิฉะนั้น หลังจากที่คุณอากิยามะพบลูกค้าเสร็จ แล้วรู้ว่ายังต้องไปจัดการกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเหล่านั้น เขาจะยิ่งไม่ชอบเธอมากยิ่งขึ้น”
อากิโกะ นากาจิมะเตือนอีกครั้ง
เชียนหยวนล๋ายเย่ “…”
หญิงสาวถือกองเอกสารมองไปที่นิ้วเท้าด้วยดวงตาทรงซิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า