ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1406 เธออยู่ในความหวาดกลัวมาโดยตลอด……
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1406 เธออยู่ในความหวาดกลัวมาโดยตลอด……
ในที่สุดทั้งตัวเขาก็เป็นอัมพาตเสียที
แสนรักเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ยกปืนในมือขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……แสนรัก แกนี่ช่างน่าตลกเสียจริง ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นฉันที่ทำเอง แต่ว่า แกมีสิทธิ์อะไรถึงมายืนในตำแหน่งผู้พิพากษาลงโทษฉันได้กันล่ะ? เห็นๆอยู่ว่าแกต่างหากที่เป็นผู้ร้ายตัวจริงชัดๆ แกจะมามีสิทธิ์อะไรกัน?”
ทันใดนั้น หลังจากที่เห็นสามีของตนเองเงียบแล้ว หญิงเสียสติที่ล้มอยู่บนพื้น ก็หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นมา
แสนรักสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันที
“คุณพูดอะไร?”
“แกลืมแล้วเหรอ? ฉันทำเเบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าลูกชายของฉันตายอยู่ในเงื้อมมือของแกในตอนนั้น หากว่าเขาไม่ตาย ฉันคงไม่เป็นบ้า ถ้าฉันไม่เป็นบ้า โศกนาฏกรรมก็คงไม่มีในวันนี้แน่”
“ดังนั้น แสนรัก ที่จริงแล้วคนๆนั้นที่สมควรตายจริงๆ คือแกต่างหาก!”
หญิงเสียสติคนนี้ สุดท้ายก็เหมือนงูพิษ คำพูดนี้แต่ละคำที่พ่นออกมาซึ่งเป็นผลมาจากเรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง
เส้นหมี่ฟังอยู่ด้านหลัง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน
“คุณพูดจาเหลวไหลทั้งเพ คุณ—”
“ตูม!”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็มีเสียงอู้อี้จนขนพองสยองเกล้า หญิงเสียสติคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะระเบิดตัวเองต่อหน้าทุกคน!
ระเบิดตัวเอง !!
เส้นหมี่ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ยังดีที่ดลธีก็มาถึงในเวลานี้เเล้วเช่นกัน หลังจากที่เขาเห็นฉากนี้ จึงรีบสาวเท้าพรวดพราดไปข้างหน้าจากที่ไม่ไกลเข้ามาทันที กระโจนไปอยู่ต่อหน้าบอสของเขา ลากเขาออกไปแล้ว
เรื่องนี้ ทำให้กระทบกระเทือนทางจิตใจให้เขาไปไม่น้อยเลย
หากว่าทำให้เนื้อและเลือดที่สกปรกพวกนี้กระเซ็นบนกายของเขาอีกครั้ง เขาจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน
ประมาณสี่ห้านาที สถานการณ์นี้ก็อยู่ในความเงียบสงบ ส่วนผู้ชายที่โดนลากออกมานั้น เส้นหมี่ก็ลุกขึ้นมาจากบนพื้นมาอยู่ตรงหน้าเขา สังเกตเห็นว่า สีหน้าของเขาซึมมาโดยตลอด
“พี่ค่ะ? พี่?”
เธอตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด จับสองมือของเขาเรียกด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
ค่อยยังชั่ว หลังจากที่เรียกไปสองคำ ใบหน้าหล่อเหลาที่ขาวซีดจนน่ากลัว มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย และสายตาที่ซึมเป็นเวลาอยู่นาน ก็ค่อยๆมองไปที่บนตัวเธอ
“เธอ……ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อเขาเห็นทั้งใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเธอ จึงถามด้วยเสียงเเหบแห้งมาประโยคหนึ่ง
เส้นหมี่รีบส่ายหัวเอ่ยว่า: “ ไม่เป็นไรค่ะๆ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราปลอดภัยดี ชินชินก็ปลอดภัยดีเหมือนกันค่ะ”
เธอรีบร้อนปลอบโยนเขา แต่ดวงตาคู่หนึ่งกลับจ้องมองตาเขาไม่กระพริบ แค่กลัวว่าสิ่งที่มองอยู่ด้านในจะออกมาทำให้เธอหวาดกลัวอีก
“อืม ปลอดภัยก็ดีแล้ว เรื่องนี้ เป็นพี่เองที่สะเพร่า พี่นึกไม่ถึงว่าเขาจะควบคุมฐานทั้งหมดอยู่ในมือ ตอนแรกที่สงสัย ก็เพียงแค่นึกว่าเขาจะใช้วิธีการตื้นๆเท่านั้นเอง”
เขาอธิบายมาหนึ่งประโยคอีก
เสียงฟังดูแล้ว ก็ถือว่ายังคงที่อยู่ ส่วนสีหน้า นอกจากซีดอยู่นิดหน่อยแล้ว อื่นๆก็ไม่มีอะไร
ใจดวงนี้ของเส้นหมี่ถึงจะปล่อยวางได้นิดหน่อย
พวกนี้ โทษเขาไม่ได้แน่นอน
ที่จริงแล้ว ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่ตัวเธอเอง ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน หญิงเสียสติคนนี้ ก็แค่เห็นว่าเป็นหญิงชราที่กำลังจะเกษียณอยู่ที่บ้านคนหนึ่ง
ดังนั้น แม้ว่าเธอสังเกตเห็นแผนร้ายของเขาเเล้วในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ไม่ได้ไปเฝ้าระเเวดระวังมากนัก ที่คิดอยู่ก็แค่พาลูกออกไป หลังจากนั้นค่อยนำเรื่องนี้มอบให้ผู้บังคับบัญชาสถาบันวิจัยจัดการ
สำหรับคนธรรมดา ก็ไม่มีปัญหาใดๆ กับวิธีการจัดการแบบนี้
แต่ ใครจะไปคิดได้ว่า นี่คือปีศาจร้ายตนหนึ่งที่ยังน่ากลัวกว่าผู้ก่อการร้ายซะอีก ราวกับเป็นของที่มีพิษร้ายแรงในความหน้าซื่อใจคดนั้น หากว่าเขาไม่ถอดออกมาเอง ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นบทบาทยังไงกันแน่?
สุดท้ายสองสามีภรรยาก็พยุงพาลูกชายออกไปด้วยกัน
อีกสองชั่วโมงต่อมา ไชยันต์ถึงจะมาที่บนเกาะด้วยตัวเอง
“พ่อได้ยินว่าหญิงเสียสติคนนั้นพูดอะไรในสิ่งที่ไม่ควรพูดกับรัก ตอนที่กำลังจะใกล้ตายด้วยเหรอ? เขาเป็นยังไงบ้าง? ปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหม?”
หลังจากที่เขาไปฐานรอบหนึ่งแล้ว ถึงจะมาทางเกาะนี้ ดังนั้น พอมาถึงที่นี่ ก็ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างรีบร้อนทันที
เส้นหมี่มองบนตัวตึกแวบหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี ก็ทำเพียงแค่ใช้มือที่พันผ้าก๊อซนั้น ทำเสียง “ชู่”ที่ริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้เขาลดเสียงลงก่อน
“ตอนนี้เห็นว่าปลอดภัยดีอยู่ หนูก็ทำได้แค่จ้องมองเขาอย่างระมัดระวังเท่านั้นค่ะ”
“……”
ไชยันต์สีหน้าเคร่งขรึมหน้าตาราวกับเสียความมั่นใจไป
เวลานี้ ราวกับว่าสถานการณ์อันตรายที่วนเวียนอยู่ในหัวเมื่อสองสามปีก่อนโผ่ลขึ้นมาอีกแล้ว ข่มจนคุณท่านคนนี้ เสมือนว่าแม้แต่หายใจก็ยังกระหืดกระหอบเลย
นั่นก็คือฝันร้าย
สุดท้ายไชยันต์ก็ออกจากเกาะ ส่วนทั้งสองคนเส้นหมี่และแสนรัก ก็เตรียมออกเดินทางกลับเมืองA หลังจากที่ชินจังฟื้นคืนสติแล้ว
“ชินชิน ลูกไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือปล่าวครับ?”
“ไม่ครับ หม่ามี๊ ผมขอโทษครับ ผมเห็นเรื่องของอาบอดีการ์ดพวกนั้นตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้บอกหม่ามี๊ ไม่อย่างนั้น หม่ามี๊ก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
ระหว่างทางที่กลับไป ชินจังมองหม่ามี๊ที่บาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย ตาเล็กๆเเดงไปพักนึง จึงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นเตรียมการของเเสนรักด้วยเหมือนกัน
เพราะว่าตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ตรวจสอบเหมือนกันว่าราตรีทำอะไรกับเด็กไปแล้วกันแน่? ดังนั้น เขาจึงกำชับให้บอดี้การ์ดปกป้องแม่ลูกคู่นี้ไว้ โดยไม่ได้บอกความจริงแก่พวกเขา
เส้นหมี่ลูบๆหัวเล็กๆของลูกชาย
“ไม่เป็นไรครับลูก เป็นบาดเเผลเล็กๆเอง ลูกไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ จริงสิ พี่ค่ะ หลังจากที่พวกเราถึงเมืองA จะกลับเรืองรองก่อนไหม? หรือว่าไปตรวจกับทางโรงพยาบาลให้ลูกก่อนไหมค่ะ?”
จู่ๆเธอก็โยนคำพูดไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม